à¹à¸¥à¹à¸¡à¸à¸µà¹ 33 (2553) - à¸à¸´à¸ªà¸´à¸ - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸²
à¹à¸¥à¹à¸¡à¸à¸µà¹ 33 (2553) - à¸à¸´à¸ªà¸´à¸ - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸² à¹à¸¥à¹à¸¡à¸à¸µà¹ 33 (2553) - à¸à¸´à¸ªà¸´à¸ - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸²
การแพรระบาดของชนิดพันธุตางถิ่นนี้เปนการคุกคามที่สําคัญที่สุด เพราะชนิดพันธุ เหลานี้คุกคามระบบธรรมชาติและระบบการผลิต ซึ่งการแพรระบาดของชนิดพันธุ ตางถิ่นนั้นมีสาเหตุหลักมาจากมนุษยเปนผูนําเขาไปในสถานที่ตาง ๆ ดวยเหตุผล ตางกัน ทั้งตั้งใจและไมตั้งใจ นอกจากนั้นเกิดจากปรากฏการณธรรมชาติ เชน ลมพายุ กระแสน้ํา และการติดไปกับสัตวหรือพืชที่นําเขามาจากตางประเทศ การระบาด ของชนิดพันธุตางถิ่นที่รุกรานนั้นทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศอยางสิ้นเชิง เกิดการสูญพันธุของชนิดพันธุพื้นเมือง ซึ่งมักจะสงผลใหเกิดปญหาสําคัญทาง สิ่งแวดลอม เศรษฐกิจ สุขอนามัย และสังคม ที่ตองเสียคาใชจายนับลานดอลลาร สหรัฐและมีผลเสียหายรายแรงตอเศรษฐกิจของประเทศกําลังพัฒนา ตัวอยางของ ชนิดพันธุที่สหพันธเพื่อการอนุรักษแหงโลก (IUCN) ไดทําบัญชีรายชื่อไววาเปนหนึ่ง ในรอยชนิดพันธุตางถิ่นที่รายแรงของโลก เชน ผักตบชวา (Eichhornia crassipes) ไมยราบยักษ (giant sensitive plant) ผกากรอง (Lantana camera) หอยทากยักษ แอฟริกา (Achatina fulica) หอยเชอรรี่ (Pomacea canaliculata) เปนตน สําหรับ ประเทศไทยไดมีการจัดทําบัญชีรายชื่อชนิดพันธุตางถิ่นไวและมีชนิดพันธุตางถิ่นที่ รุกรานแลว 82 ชนิด เชน ผักตบชวา ไมยราบยักษ บัวตอง (Tithonia diversifolia) มดคันไฟ (Solenopsis geminate) หอยเชอรี่ ปลาซักเกอร (Hypostomus plecostornus) ปลานิล (Oreochromis nilotcus) ตะพาบไตหวัน (Pilodiscus sinensis sinensis) และนกพิราบ (Columba livia) เปนตน และการนําเขาชนิดพันธุตางถิ่นทั้งพืชและสัตว ในประเทศไทยนั้นทํามาเปนเวลานานจนลืมแลววาเปนชนิดพันธุนําเขา ชนิดพันธุ และพันธุกรรมตางถิ่นที่นําเขามาเพื่อการเกษตรและการประมง เปนหัวใจในการ ผลิตและพัฒนาอาหารใหกับโลกโดยรวม เชน การนําปลาตางถิ่นเขามาทั้งเพื่อการ เลี้ยงเปนอาหารและปลาสวยงาม กรมประมงไดทําการเพาะพันธุปลาตางถิ่น ปลอยลงสูแหลงน้ํา อาทิ ปลานิล ปลายี่สก ปลาดุกยักษ ดวยวัตถุประสงคเพื่อเพิ่ม อาหารและรายไดใหแกชาวประมงและชาวบาน ปลาบางชนิดมีการเพาะเลี้ยงเปน เลมที่ 33 33
กิจการขนาดใหญ ซึ่งในบางกรณีมีการเล็ดรอดออกสูแหลงธรรมชาติ หรือ การนําชนิด พันธุตางถิ่นเขาและออกนอกประเทศไทยโดยรูเทาไมถึงการณ เชน นักทองเที่ยวนําเขา อาหาร หรือเมล็ดพันธุตางถิ่นติดมาในกระเปาเดินทาง เปนตน ประเทศไทยจึงเปนหนึ่งใน ประเทศตาง ๆ ทั่วโลกที่ไดรับผลกระทบจากชนิดพันธุเหลานี้ โดยพบวามีชนิดพันธุ เหลานี้แพรกระจายไปทั่วเกือบทุกภาคของประเทศไทย เชน ไมยราบยักษที่นําเขามา ในประเทศไทยเนื่องจากผูนําเกษตรกรชาวไรยาสูบไปดูงานที่ประเทศอินโดนีเซีย แลวนําเมล็ดเขามาที่อําเภอแมแตง อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม เพื่อจะ เพาะปลูกใหไดตนกลามาทําปุยพืชสดเชนเดียวกับประเทศอินโดนีเซีย แตตอมาเกิด การกระจายรอบไรยาสูบและริมคลองชลประทาน ทางสํานักงานชลประทานจึงนํา เมล็ดมาโปรยไวตามคลองสงน้ําเพื่อปองกันตลิ่งคลองสงน้ําพังทลายจากวัวที่มากิน น้ํา ทําใหไมยราบยักษระบาดไปทั่วประเทศ เชนเดียวกับประเทศออสเตรเลียจาก รายงานการศึกษาวิจัยที่กลาวถึงไมยราบยักษไววา ไมยราบยักษเปนไมพุมเมื่อโต เต็มที่สูงประมาณ 6 เมตรมีระบบรากที่หยั่งลึกลงไปในพื้นดิน เมื่ออยูรวมกันจะ ขึ้นอยูอยางหนาแนนพืชอื่นหรือสิ่งมีชีวิตอื่นไมสามารถขึ้นหรือเจริญเติบโตได โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ราบน้ําทวมถึง ไมยราบยักษนี้สามารถมีชีวิตอยูไดในชวงฤดู แลงที่มีระยะเวลานานประมาณ 7 เดือนหรือในชวงฤดูฝนที่มีน้ําทวมขัง ในการ สืบพันธุนั้นไมยราบยักษหนึ่งตนนั้นสามารถสรางเมล็ดไดมากกวา 9,000 เมล็ดใน แตละป และจะรวงลงพื้นหมดในชวงกลางฤดูฝนและกลางฤดูแลง และไมยราบยักษ ที่ขึ้นอยูรวมกันเปนกลุมนั้นสามารถสรางเมล็ดไดปละประมาณ 220,000 เมล็ด และ เมล็ดของไมยราบจะอยูในฝกและเมล็ดเหลานั้นสามารถพักตัวในพื้นดินที่มีสภาพ ไมเหมาะสมไดนานประมาณถึง 23 ปกอนจะงอกขึ้นมา ไมยราบยักษ ชอบขึ้นใน บริเวณที่มีน้ําทวมขังหรือบริเวณริมฝงแมน้ําที่ดินมีลักษณะเปนดินเหนียว ดินเหนียว ปนทรายหรือดินทรายหยาบริมน้ํา ดินที่มีธาตุอาหารต่ําก็สามารถขึ้นและเจริญเติบโตได จึงทําใหบริเวณที่พบไมยราบยักษนั้นไมพบหรือพบพืชหรือสัตวตาง ๆ อยูนอยมาก 34 วิทยาศาสตรเพื่อประชาชน
- Page 2: วิทยาศาสตรเ
- Page 5 and 6: สารและคํานํ
- Page 7 and 8: สารจากคณบดี
- Page 9 and 10: คํานํา คณะวิ
- Page 12 and 13: สารบัญ หนา สา
- Page 14 and 15: ปูขน นงนุช ตั
- Page 16 and 17: 19 ตุลาคม : วัน
- Page 18 and 19: ยอนรอย" หาทาง
- Page 20 and 21: บรรจุภัณฑอา
- Page 22 and 23: ภัณฑอาหารซึ
- Page 24 and 25: ตําลึง ผักริ
- Page 26 and 27: ผล: แกฝแดงทั้
- Page 28 and 29: โรคนิ้วล็อค
- Page 30 and 31: ได ถาใชมือมา
- Page 32 and 33: กินแลวสวย แน
- Page 34 and 35: ยังมีธาตุเห
- Page 36 and 37: กิ้งกือมังก
- Page 38 and 39: (สปชีส) สําหร
- Page 40 and 41: พระบาทสมเด็
- Page 42 and 43: กลาวคือ โปรด
- Page 44 and 45: เรื่องนารูเ
- Page 46 and 47: ภาวะเปนพิษอ
- Page 50 and 51: จากที่เลามา
- Page 52 and 53: คนเดียวกันค
- Page 54 and 55: ประมวลและกล
- Page 56 and 57: ในเลือดใหอย
- Page 58 and 59: แหลงอางอิง ก
- Page 60 and 61: สถานที่ซึ่ง
- Page 62 and 63: แหลงอางอิง ป
- Page 64 and 65: สนใจ และพื้น
- Page 66 and 67: http://www.expert2you.com/view_arti
- Page 68 and 69: ไมคอยมีผลขา
- Page 70 and 71: สรางแรงบันด
- Page 72 and 73: สาเหตุ มาจาก
- Page 74 and 75: 14 มกราคม : วัน
- Page 76 and 77: อนุรักษปาไม
- Page 78 and 79: ไฮโดรเจน : พล
- Page 80 and 81: รีแอกเตอร โด
- Page 82 and 83: ความรูเรื่อ
- Page 84 and 85: ออกแบบผลิตภ
- Page 86 and 87: ไมมีทางรักษ
- Page 88 and 89: ทางเพศเพราะ
- Page 90 and 91: * ภาชนะที่ใชต
- Page 92 and 93: แหลงอางอิง บ
- Page 94 and 95: ผิดปกติและห
- Page 96 and 97: แหลงอางอิง ก
กิจการขนาดใหญ ซึ่งในบางกรณีมีการเล็ดรอดออกสูแหลงธรรมชาติ หรือ การนําชนิด<br />
พันธุตางถิ่นเขาและออกนอกประเทศไทยโดยรูเทาไมถึงการณ เชน นักทองเที่ยวนําเขา<br />
อาหาร หรือเมล็ดพันธุตางถิ่นติดมาในกระเปาเดินทาง เปนตน ประเทศไทยจึงเปนหนึ่งใน<br />
ประเทศตาง ๆ ทั่วโลกที่ไดรับผลกระทบจากชนิดพันธุเหลานี้ โดยพบวามีชนิดพันธุ<br />
เหลานี้แพรกระจายไปทั่วเกือบทุกภาคของประเทศไทย เชน ไมยราบยักษที่นําเขามา<br />
ในประเทศไทยเนื่องจากผูนําเกษตรกรชาวไรยาสูบไปดูงานที่ประเทศอินโดนีเซีย<br />
แลวนําเมล็ดเขามาที่อําเภอแมแตง อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม เพื่อจะ<br />
เพาะปลูกใหไดตนกลามาทําปุยพืชสดเชนเดียวกับประเทศอินโดนีเซีย แตตอมาเกิด<br />
การกระจายรอบไรยาสูบและริมคลองชลประทาน ทางสํานักงานชลประทานจึงนํา<br />
เมล็ดมาโปรยไวตามคลองสงน้ําเพื่อปองกันตลิ่งคลองสงน้ําพังทลายจากวัวที่มากิน<br />
น้ํา ทําใหไมยราบยักษระบาดไปทั่วประเทศ เชนเดียวกับประเทศออสเตรเลียจาก<br />
รายงานการศึกษาวิจัยที่กลาวถึงไมยราบยักษไววา ไมยราบยักษเปนไมพุมเมื่อโต<br />
เต็มที่สูงประมาณ 6 เมตรมีระบบรากที่หยั่งลึกลงไปในพื้นดิน เมื่ออยูรวมกันจะ<br />
ขึ้นอยูอยางหนาแนนพืชอื่นหรือสิ่งมีชีวิตอื่นไมสามารถขึ้นหรือเจริญเติบโตได<br />
โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ราบน้ําทวมถึง ไมยราบยักษนี้สามารถมีชีวิตอยูไดในชวงฤดู<br />
แลงที่มีระยะเวลานานประมาณ 7 เดือนหรือในชวงฤดูฝนที่มีน้ําทวมขัง ในการ<br />
สืบพันธุนั้นไมยราบยักษหนึ่งตนนั้นสามารถสรางเมล็ดไดมากกวา 9,000 เมล็ดใน<br />
แตละป และจะรวงลงพื้นหมดในชวงกลางฤดูฝนและกลางฤดูแลง และไมยราบยักษ<br />
ที่ขึ้นอยูรวมกันเปนกลุมนั้นสามารถสรางเมล็ดไดปละประมาณ 220,000 เมล็ด และ<br />
เมล็ดของไมยราบจะอยูในฝกและเมล็ดเหลานั้นสามารถพักตัวในพื้นดินที่มีสภาพ<br />
ไมเหมาะสมไดนานประมาณถึง 23 ปกอนจะงอกขึ้นมา ไมยราบยักษ ชอบขึ้นใน<br />
บริเวณที่มีน้ําทวมขังหรือบริเวณริมฝงแมน้ําที่ดินมีลักษณะเปนดินเหนียว ดินเหนียว<br />
ปนทรายหรือดินทรายหยาบริมน้ํา ดินที่มีธาตุอาหารต่ําก็สามารถขึ้นและเจริญเติบโตได<br />
จึงทําใหบริเวณที่พบไมยราบยักษนั้นไมพบหรือพบพืชหรือสัตวตาง ๆ อยูนอยมาก<br />
34<br />
วิทยาศาสตรเพื่อประชาชน