à¹à¸¥à¹à¸¡à¸à¸µà¹ 33 (2553) - à¸à¸´à¸ªà¸´à¸ - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸²
à¹à¸¥à¹à¸¡à¸à¸µà¹ 33 (2553) - à¸à¸´à¸ªà¸´à¸ - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸² à¹à¸¥à¹à¸¡à¸à¸µà¹ 33 (2553) - à¸à¸´à¸ªà¸´à¸ - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¸à¸¹à¸£à¸à¸²
(สปชีส) สําหรับบานเราจากการสํารวจพบกิ้งกือประมาณ 100 ชนิด มักจะเห็น บอยครั้งตามถนนหนทาง ชายปา สวนครัว ปาละเมาะ เขาหินปูน กิ้งกือที่พบเห็น โดยทั่วไป เปนกิ้งกือตัวใหญ ทรงกระบอก หรือกิ้งกือหนอน มีลักษณะสีออกแดงๆ หรือสีน้ําตาล สําหรับกิ้งกือมังกรสีชมพูนั้น จัดอยูในวงศกิ้งกือมังกรหรือพาราดอกโซ โซมาติดี (Paradoxosomatidae) จุดเดนของกิ้งกือมังกรสีชมพูนี้มีความแตกตาง จากกิ้งกือชนิดอื่น ๆ โดยมีสีชมพูสดซึ่งเปนที่มาของชื่อ กิ้งกือมังกรสีชมพู มีปุมหนาม และขนรอบตัว ลักษณะโครงสรางหนาตาคลายมังกรในเทพนิยาย ที่สําคัญยังมี ระบบปองกันตัว โดยจะขับสารพิษประเภทไซยาไนดออกมาปองกันศัตรู แตไมสงผล กระทบตอมนุษย เพราะปริมาณสารพิษที่ออกมานอยมาก นอกจากนี้ ยังพบวามี พฤติกรรมที่ชอบออกหากินตอนกลางวัน ซึ่งเปนสาเหตุของการปรับตัวใหมีสีชมพู สดใส พบไดในปาที่มีความชุมชื้นสูงและอุดมสมบูรณ เมื่อโตเต็มวัยจะมีลําตัวยาว ประมาณ 7 ซม. มีจํานวนปลองราว 20-40 ปลอง และสามารถขับสารพิษประเภท ไซยาไนดออกมาจากตอมขับสารพิษขางลําตัวเพื่อปองกันตนเองจากศัตรูธรรมชาติ จําพวกสัตวเลี้ยงลูกดวยนมขนาดเล็ก เชน หนู สารพิษดังกลาวมีสีเหลือง เมื่อถูก อากาศจะเปลี่ยนเปนสีแดงและเขมในที่สุด มีกลิ่นเหม็นคลายน้ํายาทําความสะอาด หองน้ําตามโรงพยาบาล และหากมีปริมาณมาก ๆ ยอมกอใหเกิดอันตรายตอรางกาย ได อยางไรก็ตาม ศาสตราจารย ดร.สมศักดิ์ ปญหา เตือนวา แมสารไซยาไนดที่กิ้งกือ มังกรสีชมพูขับออกมามีปริมาณนอยเกินกวาที่จะเปนอันตรายตอคนได แตทางที่ดีก็ ควรปองกันไวกอนโดยไมไปแตะตองหากพบเห็นในธรรมชาติ กอนหนาการคนพบกิ้งกือมังกรสีชมพู นักวิจัยในโครงการวิจัยกิ้งกือและ ไสเดือนดิน เคยพบกิ้งกือชนิดใหมของโลกมาแลวหนึ่งชนิดคือกิ้งกือหินปูนใน จ.สระบุรี เมื่อป 2549 ซึ่งขณะนี้ก็กําลังศึกษาวิจัยการใชประโยชนจากกิ้งกือในการทําปุย อินทรียดวย คนทั่วไปมักไมคอยชอบและไมสนใจสิ่งมีชีวิตจําพวกกิ้งกือ และมีไม นอยที่สัตวเหลานี้ถูกคนสวนใหญเหยียบตายอยางไมใยดี เพราะไมมีคุณคาและ เลมที่ 33 23
ประโยชนแกพวกเขา อีกทั้งบางสวนยังเขาใจผิดวากิ้งกือกัดคนได แทที่จริงแลวไมมี กิ้งกือชนิดไหนที่กัดคนจนเปนอันตรายได กิ้งกือเปนสัตวที่มีประโยชนตอสิ่งแวดลอม อยางมาก ชวยทําใหดินอุดมสมบูรณไปดวยแรธาตุอาหารตาง ๆ ทําใหเกิดปุยอินทรีย ตามธรรมชาติ และมีความสําคัญอยางยิ่งในระบบนิเวศ ถือไดวาเปนสิ่งมีชีวิต พื้นฐานที่สรางความมั่นคงใหกับดิน น้ํา และระบบนิเวศ การคนพบกิ้งกือมังกร สีชมพูติดอันดับโลกในครั้งนี้ ไดสรางชื่อเสียงและความนาเชื่อถือใหกับประเทศไทย และแสดงใหเห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ที่ยังอุดมสมบูรณ อยูอีกมาก แหลงอางอิง ผูจัดการออนไลน http://www.enn.co.th/news/146/ARTICLE/2534/2008-06-10.html Enghoff, H., C. Sutcharit & S. Panha. 2007. The shocking pink dragon millipede, Desmoxytes purpurosea, a colourful new species from Thailand (Diplopoda: Polydesmida: Paradoxosomatidae). Zootaxa 1563: 31-36. 24 วิทยาศาสตรเพื่อประชาชน
- Page 2: วิทยาศาสตรเ
- Page 5 and 6: สารและคํานํ
- Page 7 and 8: สารจากคณบดี
- Page 9 and 10: คํานํา คณะวิ
- Page 12 and 13: สารบัญ หนา สา
- Page 14 and 15: ปูขน นงนุช ตั
- Page 16 and 17: 19 ตุลาคม : วัน
- Page 18 and 19: ยอนรอย" หาทาง
- Page 20 and 21: บรรจุภัณฑอา
- Page 22 and 23: ภัณฑอาหารซึ
- Page 24 and 25: ตําลึง ผักริ
- Page 26 and 27: ผล: แกฝแดงทั้
- Page 28 and 29: โรคนิ้วล็อค
- Page 30 and 31: ได ถาใชมือมา
- Page 32 and 33: กินแลวสวย แน
- Page 34 and 35: ยังมีธาตุเห
- Page 36 and 37: กิ้งกือมังก
- Page 40 and 41: พระบาทสมเด็
- Page 42 and 43: กลาวคือ โปรด
- Page 44 and 45: เรื่องนารูเ
- Page 46 and 47: ภาวะเปนพิษอ
- Page 48 and 49: การแพรระบาด
- Page 50 and 51: จากที่เลามา
- Page 52 and 53: คนเดียวกันค
- Page 54 and 55: ประมวลและกล
- Page 56 and 57: ในเลือดใหอย
- Page 58 and 59: แหลงอางอิง ก
- Page 60 and 61: สถานที่ซึ่ง
- Page 62 and 63: แหลงอางอิง ป
- Page 64 and 65: สนใจ และพื้น
- Page 66 and 67: http://www.expert2you.com/view_arti
- Page 68 and 69: ไมคอยมีผลขา
- Page 70 and 71: สรางแรงบันด
- Page 72 and 73: สาเหตุ มาจาก
- Page 74 and 75: 14 มกราคม : วัน
- Page 76 and 77: อนุรักษปาไม
- Page 78 and 79: ไฮโดรเจน : พล
- Page 80 and 81: รีแอกเตอร โด
- Page 82 and 83: ความรูเรื่อ
- Page 84 and 85: ออกแบบผลิตภ
- Page 86 and 87: ไมมีทางรักษ
(สปชีส) สําหรับบานเราจากการสํารวจพบกิ้งกือประมาณ 100 ชนิด มักจะเห็น<br />
บอยครั้งตามถนนหนทาง ชายปา สวนครัว ปาละเมาะ เขาหินปูน กิ้งกือที่พบเห็น<br />
โดยทั่วไป เปนกิ้งกือตัวใหญ ทรงกระบอก หรือกิ้งกือหนอน มีลักษณะสีออกแดงๆ<br />
หรือสีน้ําตาล สําหรับกิ้งกือมังกรสีชมพูนั้น จัดอยูในวงศกิ้งกือมังกรหรือพาราดอกโซ<br />
โซมาติดี (Paradoxosomatidae) จุดเดนของกิ้งกือมังกรสีชมพูนี้มีความแตกตาง<br />
จากกิ้งกือชนิดอื่น ๆ โดยมีสีชมพูสดซึ่งเปนที่มาของชื่อ กิ้งกือมังกรสีชมพู มีปุมหนาม<br />
และขนรอบตัว ลักษณะโครงสรางหนาตาคลายมังกรในเทพนิยาย ที่สําคัญยังมี<br />
ระบบปองกันตัว โดยจะขับสารพิษประเภทไซยาไนดออกมาปองกันศัตรู แตไมสงผล<br />
กระทบตอมนุษย เพราะปริมาณสารพิษที่ออกมานอยมาก นอกจากนี้ ยังพบวามี<br />
พฤติกรรมที่ชอบออกหากินตอนกลางวัน ซึ่งเปนสาเหตุของการปรับตัวใหมีสีชมพู<br />
สดใส พบไดในปาที่มีความชุมชื้นสูงและอุดมสมบูรณ เมื่อโตเต็มวัยจะมีลําตัวยาว<br />
ประมาณ 7 ซม. มีจํานวนปลองราว 20-40 ปลอง และสามารถขับสารพิษประเภท<br />
ไซยาไนดออกมาจากตอมขับสารพิษขางลําตัวเพื่อปองกันตนเองจากศัตรูธรรมชาติ<br />
จําพวกสัตวเลี้ยงลูกดวยนมขนาดเล็ก เชน หนู สารพิษดังกลาวมีสีเหลือง เมื่อถูก<br />
อากาศจะเปลี่ยนเปนสีแดงและเขมในที่สุด มีกลิ่นเหม็นคลายน้ํายาทําความสะอาด<br />
หองน้ําตามโรงพยาบาล และหากมีปริมาณมาก ๆ ยอมกอใหเกิดอันตรายตอรางกาย<br />
ได อยางไรก็ตาม ศาสตราจารย ดร.สมศักดิ์ ปญหา เตือนวา แมสารไซยาไนดที่กิ้งกือ<br />
มังกรสีชมพูขับออกมามีปริมาณนอยเกินกวาที่จะเปนอันตรายตอคนได แตทางที่ดีก็<br />
ควรปองกันไวกอนโดยไมไปแตะตองหากพบเห็นในธรรมชาติ<br />
กอนหนาการคนพบกิ้งกือมังกรสีชมพู นักวิจัยในโครงการวิจัยกิ้งกือและ<br />
ไสเดือนดิน เคยพบกิ้งกือชนิดใหมของโลกมาแลวหนึ่งชนิดคือกิ้งกือหินปูนใน จ.สระบุรี<br />
เมื่อป 2549 ซึ่งขณะนี้ก็กําลังศึกษาวิจัยการใชประโยชนจากกิ้งกือในการทําปุย<br />
อินทรียดวย คนทั่วไปมักไมคอยชอบและไมสนใจสิ่งมีชีวิตจําพวกกิ้งกือ และมีไม<br />
นอยที่สัตวเหลานี้ถูกคนสวนใหญเหยียบตายอยางไมใยดี เพราะไมมีคุณคาและ<br />
เลมที่ <strong>33</strong> 23