21.03.2015 Views

Ure_NGineer3

Ure_NGineer3

Ure_NGineer3

SHOW MORE
SHOW LESS

You also want an ePaper? Increase the reach of your titles

YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.

19/10/56<br />

สัดส่วนข้อสอบ PAT3 (เลข)<br />

1


19/10/56<br />

ต.ค. 54 มี.ค.55 ต.ค.55 มี.ค.56<br />

จํานวน จํานวน จํานวน จํานวน<br />

บท<br />

ข้อสอบ ข้อสอบ ข้อสอบ ข้อสอบ เฉลี ย<br />

แคลคูลัส 8 5 3 2 4<br />

เรขาคณิต 5 3 3 3 3<br />

ลําดับและอนุกรม 2 4 2 2 2<br />

expo & log 2 2 2 2 2<br />

ระบบจํานวนจริงและพีชคณิตอื นๆ 3 1 1 2 2<br />

สถิติ 2 3 1 1 2<br />

ความน่าจะเป็ น 2 3 1 1 2<br />

ความสัมพันธ์และฟังก์ขัน - 2 1 1 1<br />

เมทริกซ์ - 1 1 1 1<br />

การอ้างเหตุผล 1 - 1 - 1<br />

เวกเตอร์ - - 1 - 1<br />

รวม 25 24 17 15 21<br />

แคลคูลัส<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- หาอนุพันธ์ของฟังก์ชัน Trigone , Expo-Log<br />

- ความชันเส้นสัมผัส<br />

- ค่าสูงสุดสัมพัทธ์ ตํ าสุดสัมพัทธ์<br />

- ค่าสูงสุดสัมบูรณ์ ตํ าสุดสัมบูรณ์<br />

- โจทย์ปัญหาค่าสูงสุด ตํ าสุด<br />

- อินทิเกรต<br />

- การหาพืนที ใต้เส้นโค้ง<br />

- การหาปริมาตร<br />

2


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- เส้นรอบรูป<br />

- การหาพืนที ผิว<br />

- การพืนที เมื อรู ้จุดยอด<br />

เรขาคณิต<br />

- การหาพืนที ของรูปแปลกๆ พืนที แรเงา<br />

- การหาปริมาตร ลูกบาศก์ ทรงสี เหลี ยม ทรงกระบอก ทรงกลม<br />

- การหาปริมาตรของรูปทรงแปลกๆ<br />

3


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

ลําดับและอนุกรม<br />

- ลําดับเลขคณิต ลําดับเรขาคณิต<br />

- Sigma<br />

- อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต<br />

4


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- สมการ Expo<br />

- สมบัติ log<br />

Expo & log<br />

5


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

สถิติ<br />

- ข้อมูลและกราฟ / แผนภูมิวงกลม<br />

- ค่าเฉลี ย ฐานนิยม พิสัย<br />

- เปอร์เซ็นต์ไทล์<br />

- ส่วนเบี ยงเบนมาตรฐาน ความแปรปรวน<br />

6


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- การจัดหมู ่<br />

ความน่าจะเป็ น<br />

- ความน่าจะเป็ นกับแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์<br />

- ความน่าจะเป็ นของเหตุการณ์ที เป็ นอิสระต่อกัน<br />

7


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

ระบบจํานวนจริงและพีชคณิตอื นๆ<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- กราฟ เส้นตรง วงรี วงกลม<br />

- การแก้สมการเชิงเส้นสองตัวแปร<br />

- Algorithm<br />

8


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- ฟังก์ชันอินเวอร์ส<br />

- ความสัมพันธ์ที เป็ นฟังก์ชัน<br />

9


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- การคูณเมทริกซ์<br />

- ระบบสมการเชิงเส้น<br />

เมทริกซ์<br />

10


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- การให้เหตุผลแบบนิรนัย<br />

การให้เหตุผล<br />

11


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

• แนวข้อสอบที ออกบ่อย<br />

- การคูณเวกเตอร์แบบ dot<br />

- การคูณเวกเตอร์แบบ cross<br />

เวกเตอร์<br />

12


19/10/56<br />

ตัวอย่าง<br />

“การเตรียมตัวที ดีที สุด<br />

=<br />

การขยันฝึ กโจทย์อย่างตรงประเด็น”<br />

13


19/10/56<br />

14


วิเคราหขอสอบ PAT 3 ฟสิกส ป 2553-2556<br />

PAT 3<br />

วิทยาศาสตร วิชา<br />

ฟสิกส<br />

หัวขอ<br />

จํานวนขอ<br />

มี.ค.2556 มี.ค.2555 มี.ค.2554 ต.ค.2553<br />

รวม % %สะสม<br />

ของแข็ง ของเหลวและของไหล 7 5 4 6 22 17.6 17.6<br />

กาซและทฤษฎีจลน 4 5 6 3 18 14.4 32<br />

ไฟฟากระแสตรง 1 2 5 6 14 11.2 43.2<br />

50% กฎของนิวตัน 3 3 2 4 12 9.6 52.8<br />

สมดุลกล 2 2 5 2 11 8.8 61.6<br />

ไฟฟากระแสสลับ 1 3 3 2 9 7.2 68.8<br />

งานและพลังงาน 1 3 1 2 7 5.6 74.4<br />

ไฟฟาสถิต 2 2 0 2 6 4.8 79.2<br />

80% คลื่นแมเหล็กไฟฟาและแสงเชิงฟสิกส 3 1 1 0 5 4 83.2<br />

การเคลื่อนที่แนวตรง 1 1 1 1 4 3.2 86.4<br />

โมเมนตัม 2 1 0 0 3 2.4 88.8<br />

เสียง 1 0 2 0 3 2.4 91.2<br />

การเคลื่อนที่วิถีโคง 1 0 1 0 2 1.6 92.8<br />

การเคลื่อนที่แบบซิมเปลฮารโมนิค 1 1 0 0 2 1.6 94.4<br />

การเคลื่อนที่แบบหมุน 0 2 0 0 2 1.6 96<br />

แมเหล็กไฟฟา 0 1 1 0 2 1.6 97.6<br />

บทนําและการนับ 1 0 0 0 1 0.8 98.4<br />

ฟสิกสอะตอม 0 1 0 0 1 0.8 99.2<br />

ฟสิกสนิวเคลียร 0 0 1 0 1 0.8 100<br />

คลื่น 0 0 0 0 0 0 100<br />

แสง 0 0 0 0 0 0 100<br />

การเคลื่อนที่วงกลมและดวงดาว 0 0 0 0 0 0 100<br />

31 33 33 28 125 100


วิเคราหขอสอบ PAT 3 ฟสิกส ป 2556<br />

PAT 3<br />

วิทยาศาสตร วิชา<br />

ฟสิกส<br />

ขอสอบป 2556<br />

หัวขอ จํานวนขอ % ที่ออก % สะสม<br />

ของแข็ง ของเหลวและของไหล 7 22.6 22.6<br />

กาซและทฤษฎีจลน 4 12.9 35.5<br />

กฎของนิวตัน 3 9.7 45.2<br />

50% คลื่นแมเหล็กไฟฟาและแสงเชิงฟสิกส 3 9.7 54.8<br />

สมดุลกล 2 6.5 61.3<br />

ไฟฟาสถิต 2 6.5 67.7<br />

โมเมนตัม 2 6.5 74.2<br />

ไฟฟากระแสตรง 1 3.2 77.4<br />

80% ไฟฟากระแสสลับ 1 3.2 80.6<br />

งานและพลังงาน 1 3.2 83.9<br />

การเคลื่อนที่แนวตรง 1 3.2 87.1<br />

เสียง 1 3.2 90.3<br />

การเคลื่อนที่วิถีโคง 1 3.2 93.5<br />

การเคลื่อนที่แบบซิมเปลฮารโมนิค 1 3.2 96.8<br />

บทนําและการนับ 1 3.2 100<br />

การเคลื่อนที่แบบหมุน 0 0 100<br />

แมเหล็กไฟฟา 0 0 100<br />

ฟสิกสอะตอม 0 0 100<br />

ฟสิกสนิวเคลียร 0 0 100<br />

คลื่น 0 0 100<br />

แสง 0 0 100<br />

การเคลื่อนที่วงกลมและดวงดาว 0 0 100<br />

รวม 31 100


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

แนวข้อสอบ PAT3 ต.ค. 55<br />

1. วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง ดังกราฟ ข้อใดคือกราฟ s-t ที่สัมพันธ์กัน<br />

1. 4.<br />

2. 5.<br />

3.<br />

2. รถยนต์เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งที่ตำแหน่งเดียวกับมอเตอร์ไซค์ รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง 8 เมตรต่อวินาที2<br />

เป็นเวลา 5 วินาที จากนั้นจึงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ส่วนมอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ 20 เมตรต่อวินาที<br />

ตั้งแต่ต้น รถทั้งสองคันจะเคลื่อนที่ผ่านตำแหน่งเดียวกันที่เวลากี่วินาที<br />

283


Engineer<br />

3. ข้อใดคือแรงคู่ปฏิกิริยา (Reaction) ของแรงดึงดูดของโลกที่กระทำกับชายที่ยืนบนพื้น<br />

1. แรงดึงดูดที่ชายคนนี้ กระทำต่อโลก<br />

2. แรงที่พื้น กระทำต่อเท้า<br />

3. แรงที่เท้า กระทำต่อพื้น<br />

4. ข้อ 1 และ 3 ถูก<br />

5. ไม่มีแรงปฏิกิริยา<br />

4. มวล M และ m วางซ้อนกันอยู่บนพื้นเอียง ดังรูป<br />

M = 10 kg<br />

m = 8 kg<br />

µ 1 = 0.8<br />

µ = 0.6<br />

2<br />

ถ้าเพิ่มมุม θ ทีละนิด ข้อใดคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น<br />

-<br />

1. มวล m และ M เคลื่อนที่พร้อมกันเมื่อ θ = tan 1 µ 1<br />

-<br />

2. มวล m และ M เคลื่อนที่พร้อมกันเมื่อ θ = tan 1 µ 2<br />

-<br />

3. มวล m เคลื่อนที่ก่อน M เมื่อ θ = tan 1 µ 1<br />

-<br />

4. มวล m เคลื่อนที่ก่อน M เมื่อ θ = tan 1 µ 2<br />

5. ไม่มีข้อถูก<br />

5. มอเตอร์ไซค์ขับด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีความเร่ง 3 เมตร/วินาที2 ที่ความเร็วนี้ทำให้เกิดแรงเสียดทาน<br />

และแรงต้านอากาศ 400 นิวตัน จงหาแรงขับมอเตอร์ไซค์ที่ทำให้เกิดความเร่งนี้ เมื่อคนและมอเตอร์ไซค์ มีมวลรวมกัน<br />

240 กิโลกรัม<br />

1. 320 N<br />

2. 640 N<br />

3. 760 N<br />

4. 840 N<br />

5. 1,120 N<br />

284


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

6. 10 กิโลกรัม และ 30 กิโลกรัม ผูกติดกันด้วยลวดไม่มีมวลวางบนพื้นลื่น ดังรูป ถ้าออกแรงดึงที่มวล 10 กิโลกรัม<br />

ขนาด 20 นิวตัน แรงตึงลวดจะมีขนาดเท่าใด<br />

7. วัตถุมวล M ไถลลงพื้นเอียง จากหยุดนิ่ง เป็นระยะทาง 10 เมตร นาน 2 วินาที จงหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์<br />

เมื่อ sin<br />

3<br />

θ =<br />

5<br />

8. วัตถุ A มวล 40 กิโลกรัม วัตถุ B มวล 30 กิโลกรัม และวัตถุ C มวล 10 กิโลกรัม โยงติดกันและคล้องผ่านรอก<br />

2 ตัว ดังรูป เมื่อเริ่มปล่อยวัตถุให้เคลื่อนที่ตามแรงโน้มถ่วงของโลก วัตถุ B จะมีความเร็วเท่าไร เมื่อวัตถุ A เคลื่อนที่ได้<br />

2 เมตร<br />

285


Engineer<br />

9. นักวิ่งมวล 60 กิโลกรัม สามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่ง จนมีความเร็ว 10 เมตร/วินาที ได้ในเวลา 3 วินาที<br />

จงหากำลังเฉลี่ยของนักวิ่งในช่วงเวลาดังกล่าว<br />

10. เหยี่ยวมวล 1.8 กิโลกรัม บินจับนกเขามวล 0.6 กิโลกรัม โดยเหยี่ยวมีความเร็ว 28 เมตร/วินาที<br />

และนกเขา 8 เมตร/วินาที ในทิศเดียวกัน จงหาความเร็วของเหยี่ยวหลังจับนกเขา<br />

1. 15 เมตร/วินาที<br />

2. 18 เมตร/วินาที<br />

3. 21 เมตร/วินาที<br />

4. 23 เมตร/วินาที<br />

5. 28 เมตร/วินาที<br />

11. ลูกกระสุนมวล m พุ่งเข้าหาเป้าหมายด้วยความเร็ว v 1 แล้วหยุดนิ่งเมื่อฝังอยู่ในเป้าหมาย ทำให้ทั้งคู่มีความเร็ว v 2<br />

จงหาอัตราส่วนของพลังงานรวมทั้งระบบ หลังจากชนต่อพลังงานรวมทั้งระบบก่อนชน<br />

1. 0<br />

2. 1<br />

3.<br />

m<br />

m + M<br />

4.<br />

M<br />

m + M<br />

5. ไม่มีข้อถูก<br />

286


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

12. นักฟุตบอลอยู่ห่างจากประตู 30 เมตร เมื่อเขาเตะลูกบอลด้วยความเร็ว u ทำมุมกับพื้น 37c ปรากฏว่าลูกบอลชนคาน<br />

ซึ่งอยู่สูงจากพื้น 2.5 เมตร พอดี ค่า u มีขนาดเท่าไรในหน่วยเมตรต่อวินาที<br />

1. 18 เมตร/วินาที<br />

2. 18.25 เมตร/วินาที<br />

3. 18.50 เมตร/วินาที<br />

4. 18.75 เมตร/วินาที<br />

5. 19 เมตร/วินาที<br />

13. ตีน้ำด้วยความถี่ 2 เฮิรตซ์ เกิดคลื่นน้ำความเร็ว 0.8 เมตร/วินาที จงหาความยาวคลื่นที่เกิดขึ้น<br />

14. ที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง มีคนเคาะรางรถไฟด้วยเหล็ก 1 ครั้ง และมีคนอีก 2 คน คอยฟังอีกสถานีหนึ่ง โดยคนหนึ่ง<br />

เอาหูแนบกับราง ส่วนอีกคนยืนฟังปกติ ปรากฏว่าทั้ง 2 คน ได้ยินเสียงที่เวลาห่างกัน 7.6 วินาที จงหาระยะห่าง<br />

ระหว่าง 2 สถานี กำหนดความเร็วเสียงในอากาศ 300 เมตร/วินาที และความเร็วเสียงในเหล็ก 6,000 เมตร/วินาที<br />

287


Engineer<br />

15. ข้อสันนิษฐานใดไม่ถูกต้อง<br />

1. แสงมีคุณสมบัติเป็นทั้งคลื่นและอนุภาค<br />

2. สีของแสงที่สังเกตจากวัสดุติดไฟ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิขณะเผาไหม้<br />

3. แสงไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่<br />

4. แสงเป็นคลื่นตามขวาง<br />

5. แสงไม่สามารถเกิดการต้านทานได้<br />

16. รังสีที่มีความยาวคลื่นน้อยกว่าแสงสว่างที่ตามองเห็นได้ และความยาวคลื่นอยู่ติดกับความยาวคลื่นของแสงสว่าง<br />

ที่ตามองเห็นได้ คือรังสีใด<br />

1. รังสีอัลตราไวโอเลต<br />

2. อินฟราเรด<br />

3. คลื่นวิทยุ<br />

4. ไมโครเวฟ<br />

5. เอกซเรย์<br />

17. ภาชนะปริมาตร 20 ลูกบาศก์เดซิเมตร บรรจุแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่อุณหภูมิห้อง ใช้ภาชนะขนาดเดียวกัน<br />

บรรจุแก๊สออกซิเจนที่มีน้ำหนักเท่ากัน ที่อุณหภูมิเดียวกัน จงหาความสัมพันธ์ระหว่างความดันของแก๊สทั้งสองชนิด<br />

ให้แก๊สเป็นแก๊สอุดมคติ<br />

11<br />

8<br />

8<br />

11<br />

11<br />

10<br />

1. P CO2<br />

= P<br />

2. P CO2 = P<br />

3. P CO2<br />

= P<br />

4. P CO2<br />

= P O2<br />

O 2<br />

O 2<br />

O 2<br />

18. แก๊สหุงต้ม อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส มีความดัน 500 กิโลปาสคาล ถ้าแก๊สรั่วออกมา 0.5 โมล ทำให้มีอุณหภูมิเป็น<br />

22 องศาเซลเซียส และความดันเป็น 250 กิโลปาสคาล จงหาปริมาตรของถัง<br />

1. 0.005 ลูกบาศก์เมตร<br />

2. 0.05 ลูกบาศก์เมตร<br />

3. 0.5 ลูกบาศก์เมตร<br />

4. 5 ลูกบาศก์เมตร<br />

5. 50 ลูกบาศก์เมตร<br />

288


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

19. หากต้องการระบายความร้อนจากโลหะทรงลูกบาศก์ 10 x 10 x 10 cm 3 วิธีตามข้อใดจะลดความร้อนได้เร็วที่สุด<br />

1. ไว้ที่ร่ม เปิดพัดลมพัดสุดแรง 1 นาที<br />

2. ราดน้ำใส่ 1 นาที<br />

3. แช่น้ำ 1 นาที<br />

4. เอาโลหะเหมือนกันอีกก้อนมาสัมผัสกัน 3 นาที<br />

5. ไว้ในห้องเปิดแอร์ 1 นาที<br />

(น้ำที่ใช้ในตัวเลือก 2 และ 3 มีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง)<br />

20. หม้อต้มน้ำไฟฟ้าสามารถถ่ายโอนความร้อนสู่น้ำได้ 800 วัตต์ ถ้าต้องการต้มน้ำ 5 ลิตร โดยอุณหภูมิเริ่มต้นก่อนต้ม<br />

มีค่า 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของน้ำหลังต้มไป 50 วินาที มีค่ากี่องศาเซลเซียส กำหนดให้ความจุความร้อนจำเพาะ<br />

ของน้ำมีค่า 4 กิโลจูลต่อกิโลกรัมต่อเคลวิน และความหนาแน่นของน้ำมีค่าเท่ากับ 1,000 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร<br />

21. หย่อนลูกเหล็กลงไปในภาชนะที่บรรจุของเหลวต่างๆ สูงเท่ากัน จงเปรียบเทียบเวลาที่ใช้ในการหย่อนลูกเหล็กจนตก<br />

ถึงก้นภาชนะ<br />

1. A > B > C > D > E<br />

2. A = B = C > D = E<br />

3. A < B < C < D < E<br />

4. A = B = C = D = E<br />

5. A > B > C > D = E<br />

289


Engineer<br />

22. อัตราการไหลของน้ำในท่อ Q = Av เมื่อ A คือพื้นที่หน้าตัด และ v คือ อัตราเร็วของน้ำ ถ้าน้ำมีอัตราเร็ว 1 เมตรต่อ<br />

วินาที ไหลผ่านท่อเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 นิ้ว จงหาอัตราการไหลในหน่วยลิตรต่อนาที<br />

23. แพไม้และแพพลาสติก ลักษณะเหมือนกันทุกประการ หน้าตัดตามแนวราบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 5 เมตร<br />

ลอยในแม่น้ำ ถ้าแพไม้ลอยในแม่น้ำ โดยมีส่วนที่จมมากกว่าแพพลาสติก 4 เท่า จงหาว่าความหนาแน่นของแพพลาสติก<br />

เป็นกี่เท่าของแพไม้<br />

24. ถ้าตัวเก็บประจุทุกตัวมีขนาดเท่ากับ 1µ F การต่อตัวเก็บประจุแบบใดให้ความจุมากที่สุด<br />

290


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

25. จากรูป ข้อใดคือเส้นสัมผัสเส้นการเคลื่อนที่ของประจุบวกอิสระที่วางอยู่ที่จุด A และ จุด B<br />

1. " !<br />

2. 4 "<br />

3. ! !<br />

4. 4 !<br />

5. 3 "<br />

26. วงจรไฟฟ้าข้อใดมีกำลังไฟฟ้าที่สูญเสียบนตัวต้านทานมากที่สุด (กำหนดให้อุปกรณ์ทุกตัวเป็นไปตามอุดมคติ)<br />

291


Engineer<br />

27. ถ้าอุปกรณ์ทุกตัวเป็นไปตามอุดมคติ แล้วแอมมิเตอร์จะอ่านค่ากระแสไฟฟ้าได้เท่ากับข้อใด<br />

1. 10 A<br />

2. 1 A<br />

3. 0.1 A<br />

4. 0.01 A<br />

5. ไม่มีข้อใดถูกต้อง<br />

28. ข้อใดแสดงความสัมพันธ์ของ v และ i ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับเชิงเหนี่ยวนำ และเชิงความจุ (ตามลำดับ)<br />

1. ข และ ค<br />

2. ก และ ค<br />

3. ค และ ก<br />

4. ก และ ข<br />

5. ข และ ก<br />

292


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

29. แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสสลับ V( t) = 200 2 sin ( 100πt)<br />

โวลต์ ต่อกับตัวต้านทาน ดังรูป ข้อใดถูกต้อง<br />

1. ตัวประกอบกำลัง < 1<br />

2. I rms = 10 2 A<br />

3. V rms = 200 V<br />

4. V m = 200 2<br />

5. ถูกมากกว่า 1 ข้อ<br />

เฉลยแนวข้อสอบ PAT3 ต.ค. 55<br />

1. ข้อ 3<br />

2. 5 วินาที<br />

3. ข้อ 1<br />

4. ข้อ 4<br />

5. ข้อ 5<br />

6. 15 N<br />

7. 0.125<br />

8. 10 m/<br />

s<br />

9. 1,000 Watt<br />

10. ข้อ 4<br />

11. ข้อ 2<br />

12. ข้อ 4<br />

13. 0.4 m<br />

14. 2,400 m<br />

15. ข้อ 5<br />

16. ข้อ 1<br />

17. ข้อ 2<br />

18. ข้อ 1<br />

19. ข้อ 2<br />

20. 27 cC<br />

21. ข้อ 1<br />

22. 9.375π<br />

1/ min<br />

23. 0.2<br />

24. ข้อ 4<br />

25. ข้อ 1<br />

26. ข้อ 3<br />

27. ข้อ 2<br />

28. ข้อ 5<br />

29. ข้อ 5<br />

293


Engineer<br />

แนวข้อสอบ PAT3 มี.ค. 56<br />

1. ข้อใดผิด<br />

2. จากกราฟ จงหาระยะทางเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไป 6 วินาที และมีความเร็วต้น 2 เมตรต่อวินาที<br />

294


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

3. มวลสองชิ้นวางติดกันบนพื้นราบที่ไร้แรงเสียดทาน กำาหนดให้มีแรงกระทำาสองกรณี แสดงดังรูป<br />

ถ้า M > m และแรง F ทั้งสองกรณีมีขนาดเท่ากัน การเปรียบเทียบ ขนาด ของความเร่ง a และ ขนาด ของแรง<br />

ปฏิกิริยาระหว่างมวล R ในข้อใดถูกต้อง<br />

1. a (ก) = a (ข) และ R (ก) = R (ข)<br />

2. a (ก) = a (ข) และ R (ก) > R (ข)<br />

3. a (ก) = a (ข) และ R (ก) < R (ข)<br />

4. a (ก) < a (ข) และ R (ก) = R (ข)<br />

5. a (ก) > a (ข) และ R (ก) < R (ข)<br />

4. จงหาความเร่งของมวล<br />

1. 2.2 m/s 2<br />

2. 3.33 m/s 2<br />

3. 5.0 m/s 2<br />

4. 6.67 m/s 2<br />

5. 10.0 m/s 2<br />

โดยที่<br />

m = 24 kg<br />

F = 200 N<br />

µ<br />

1<br />

d =<br />

3<br />

θ = 37c<br />

295


Engineer<br />

5. ถ้ามวลทั้งสองซึ่งต่อกันด้วยเชือกวางอยู่บนพื้นเอียงลื่นดังรูป โดยรอกไม่มีความเสียดทาน<br />

จงหาความเร่งของมวลทั้งสอง<br />

1. 3<br />

1<br />

เมตรต่อวินาที2 4. 1 เมตรต่อวินาที2<br />

2. 3<br />

2<br />

เมตรต่อวินาที2 5. 3<br />

4<br />

เมตรต่อวินาที2<br />

3. 4<br />

3<br />

เมตรต่อวินาที2<br />

6. ให้กล่องมวล 10 kg สูง 1 เมตร มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 40 เซนติเมตร วางบนพื้นราบที่มีสัมประสิทธิ์ความ<br />

เสียดทานเท่ากับ 0.6 ถ้ามีแรงกระทำาที่ด้านข้างกล่อง ขนานกับพื้น กรณีใดที่สามารถผลักกล่องให้ล้มโดยไม่ไถล<br />

1. ออกแรงขนาด 30 นิวตัน ที่ความสูง 60 เซนติเมตร<br />

2. ออกแรงขนาด 40 นิวตัน ที่ความสูง 60 เซนติเมตร<br />

3. ออกแรงขนาด 80 นิวตัน ที่ความสูง 40 เซนติเมตร<br />

4. ออกแรงขนาด 60 นิวตัน ที่ความสูง 30 เซนติเมตร<br />

5. ออกแรงขนาด 80 นิวตัน ที่ความสูง 80 เซนติเมตร<br />

7. จงหาว่ามวล m มีค่ากี่กิโลกรัม จึงจะทำาให้ระบบดังรูปอยู่ในสภาวะสมดุล<br />

296


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

8. วัตถุมวล m เคลื่อนจากจุด 1 ด้วยอัตราเร็ว v 1<br />

ไปสู่จุด 2 ซึ่งอยู่ตำ่ำกว่า และอัตราเร็ว v 2<br />

ตามเส้นทางต่างๆ ดังรูป<br />

โดยไม่สูญเสียพลังงานอันเนื่องจากความเสียดทาน การเคลื่อนที่ตามเส้นทางใดใช้เวลาน้อยสุด<br />

1. A 4. D<br />

2. B 5. ทุกเส้นใช้เวลาเท่ากัน<br />

3. C<br />

9. ลูกบอลสองลูกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากัน เคลื่อนที่เข้าชนแบบยืดหยุ่นในแนวเดียวกันด้วยอัตราเร็วต้นเท่ากัน<br />

หลังชนลูกบอลลูกหนึ่งที่มีมวล 900 g หยุดนิ่งขณะที่ลูกบอลอีกลูกกระดอนกลับ มวลของลูกบอลที่กระดอนกลับมีค่า<br />

เท่าใด<br />

1. 100 g<br />

2. 200 g<br />

3. 300 g<br />

4. 600 g<br />

5. 900 g<br />

10. พลยิงปืนใหญ่ยิงปืนไปยังเป้าหมายที่อยู่ห่าง 600 m ตามแนวระดับ ถ้าลูกปืนมีความเร็วต้น 100 m/s จงหามุมที่ยิง<br />

เทียบกับแนวระดับ ลูกปืนจึงจะโดนเป้าหมายพอดี<br />

1. 0 องศา<br />

2. 18.5 องศา<br />

3. 37 องศา<br />

4. 53 องศา<br />

5. 60 องศา<br />

297


Engineer<br />

11. ถ้าเตะลูกบอลจากตึกสูง 80 m ด้วยความเร็วต้นเท่ากับ 20 m/s ในแนวระนาบ ทำาให้ลูกบอลไปกระทบกับผนังของ<br />

อีกตึกหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป 30 m จงหาว่าจุดที่ลูกบอลตกกระทบพื้น อยู่ไกลจากตึกที่ลูกบอลถูกเตะออกไปกี่เมตร<br />

ถ้าการกระทบของลูกบอลต่อผนังตึกไม่มีการสูญเสียพลังงาน<br />

12. ปล่อยลูกตุ ้มที่แขวนด้วยเชือกจากตำาแหน่ง A จากนั้น ลูกตุ ้มเคลื่อนที่มาสู ่ตำาแหน่งตำ่ำสุดที่ B แล้วแกว่งขึ้นไปสูงสุดที่ C<br />

ดังรูป ถ้าไม่มีแรงต้านอากาศ ข้อใดผิด<br />

1. ลูกตุ้มจะแกว่งกลับไปกลับมาระหว่าง A และ C ตลอดกาล<br />

2. พลังงานที่ A เท่ากับพลังงานที่ B<br />

3. ความสูง A เท่ากับความสูงที่ C<br />

4. ขนาดความเร็วที่ B มากกว่าขนาดความเร็วที่ A และ C<br />

5. ขนาดความเร่งที่ A มากกว่าขนาดความเร่งที่ C<br />

13. คลื่นวิทยุส่งกระจายด้วย 3 m λ = ความถี่ของคลื่นนี้เป็นเท่าไร<br />

1. 100 MHz<br />

2. 95 MHz<br />

3. 90 MHz<br />

4. 85 MHz<br />

5. 80 MHz<br />

298


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

14. ท่อเสียงของเครื่องดนตรีไปป์ออร์แกนอันหนึ่งมีความยาว 1.0 m โดยมีปลายปิดด้านหนึ่ง จงหาว่าเสียงที่มีความถี่ตำ่ำสุด<br />

เท่าใดที่จะทำาให้เกิดการสั่นพ้อง ค่าความเร็วเสียงในอากาศคือ 340 m/s<br />

1. 42 Hz<br />

2. 85 Hz<br />

3. 170 Hz<br />

4. 340 Hz<br />

5. 680 Hz<br />

15. กระแสอากาศร้อนเคลื่อนที่ผ่านอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนด้วยอัตราการไหล 0.6 kg/s โดยอุปกรณ์สามารถ<br />

ลดอุณหภูมิของอากาศร้อนจาก 80c C เป็น 28c C ถ้ากระแสอากาศเย็นไหลเข้าสู่อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน<br />

ด้วยอัตราการไหล 0.6 m 3 /s ความดัน 80 kPa และมีอุณหภูมิไหลเข้า 27c C อุณหภูมิของอากาศเย็นจะเปลี่ยนไป<br />

กี่ c C (กำาหนดให้มวลโมเลกุลของอากาศเท่ากับ 29 g/mol)<br />

16. จงหาค่าความหนาแน่นของแก๊สออกซิเจนในหน่วยกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่บรรจุในถังขนาด 5 ลิตร อุณหภูมิ<br />

25 องศาเซลเซียส ความดัน 8.3 บรรยากาศ<br />

1. 860<br />

2. 10,860<br />

3. 20,860<br />

4. 30,860<br />

5. 40,860<br />

299


Engineer<br />

17. แก๊ส A จำานวน 200 g อุณหภูมิ 47 c C บรรจุในกระบอกสูบ หากแก๊ส A ได้รับความร้อน จะเกิดการขยายตัว ส่งผล<br />

ทำาให้ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นแบบไร้แรงเสียดทาน กระบวนการความดันคงที่จนถึงตัวกั้น แสดงดังรูป จงหาอุณหภูมิสุดท้าย<br />

ของแก๊ส A ในหน่วย cC<br />

18. แท่งเหล็กทรงกระบอก เส้นผ่านศูนย์กลาง 2 cm ยาว 7 cm ถูกให้ความร้อน 750 kJ จงหาว่า T T เท่ากับเท่าใด<br />

เมื่อ c เหล็ก<br />

= 450 kJ/ kg.<br />

cC<br />

และ ρ เหล็ก<br />

7,500 kg/<br />

m 3<br />

1. 10.10cC<br />

2. 15.15cC<br />

3. 20.20cC<br />

4. 25.25cC<br />

5. 30.30cC<br />

=<br />

19. นำ้ำไหลด้วยอัตราการไหลเชิงมวลเท่ากับ 6 ตันต่อชั่วโมง ในท่อที่มีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 1 นิ้ว<br />

จงคำานวณหาความเร็ว ในการไหลของนำ้ำในหน่วยเมตรต่อวินาที (กำาหนดให้ 1 นิ้ว = 2.5 เซนติเมตร)<br />

1. 0.67<br />

2. 1.67<br />

3. 2.67<br />

4. 3.67<br />

5. 4.67<br />

300


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

20. ชาวประมงต้องการสร้างทุ่นทรงสี่เหลี่ยมมีความสูง 2 เมตร ที่สามารถลอยอยู่ในแม่นำ้ำ โดยที่ทุ่นนี้ต้องทำามาจาก<br />

พลาสติกที่มีความหนาแน่น 250 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถ้าทุ่นนี้สามารถรับนำ้ำหนัก 5,000 กิโลกรัม แล้วจมลงไป<br />

ครึ่งหนึ่งของความสูงทุ่น จงคำานวณว่าชาวประมงควรเลือกทุ่นในข้อใด<br />

1. กว้าง 2.5 เมตร ยาว 4 เมตร<br />

2. กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร<br />

3. กว้าง 3.5 เมตร ยาว 5 เมตร<br />

4. กว้าง 4 เมตร ยาว 5 เมตร<br />

5. กว้าง 4.5 เมตร ยาว 5 เมตร<br />

21. วัตถุชนิดหนึ่งมีค่าความถ่วงจำาเพาะเท่ากับ 0.25 ลอยอยู่ในสารละลาย ที่มีค่าความหนาแน่น 500 กิโลกรัมต่อ<br />

ลูกบาศก์เมตร ถ้าวัตถุนี้จมอยู่ในสารละลายเพียงครึ่งหนึ่งของความสูง ข้อใดต่อไปนี้สรุปถูก<br />

1. ข้อมูลนี้เป็นจริงเฉพาะกับวัตถุรูปทรงกลม<br />

2. ข้อมูลนี้เป็นจริงเฉพาะกับวัตถุรูปทรงลูกบาศก์<br />

3. ข้อมูลนี้เป็นจริงเฉพาะกับวัตถุรูปทรงกระบอก<br />

4. ข้อมูลนี้เป็นจริงได้ทั้ง วัตถุรูปทรงกลม ทรงลูกบาศก์ และทรงกระบอก<br />

5. ข้อมูลที่ให้ไม่เพียงพอที่จะสรุปได้<br />

22. ถัง A, B บรรจุสารชนิดเดียวกัน ถ้า F คือแรงที่กระทำาต่อพื้นด้านล่าง และ P คือความดันสัมบูรณ์ของของไหล<br />

ข้อใดถูก<br />

1. P = 2P<br />

A<br />

2. F = 2F<br />

A<br />

X<br />

B<br />

3. F = 2F<br />

A<br />

4. F > F<br />

X<br />

5. P > P<br />

A<br />

Y<br />

B<br />

X<br />

301


Engineer<br />

23. ถังทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 70 cm บรรจุนำ้ำมันและนำ้ำในปริมาตรที่เท่ากันโดย ρ นำ้ำมัน<br />

= 250 kg/m 3<br />

และ P ก้นถัง<br />

= 110 kN/m 3 จงหาว่า ถังใบนี้บรรจุนำ้ำมันอยู่กี่ลูกบาศก์เมตร<br />

1. 0.616 m 3<br />

2. 1.232 m 3<br />

3. 1.848 m 3<br />

4. 2.464 m 3<br />

5. 0.308 m 3<br />

24. ท่อที่มีขนาดของพื้นที่หน้าตัดคงที่ดังรูป และไม่มีการสูญเสีย เนื่องจากแรงเสียดทาน<br />

ข้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุด 1 2 และ 3 ได้ถูกต้อง<br />

1. P1 = P2 + ρgh<br />

2. P2 = P3 + ρgh<br />

3. P - P = 2 gh<br />

1 3 ρ<br />

4. v v v<br />

1 2 3 = =<br />

5. ถูกทุกข้อ<br />

302


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

25. จากรูปแสดงถึงการไหลของของไหลในท่อที่ไม่มีการสูญเสีย เนื่องจากแรงเสียดทาน<br />

ข้อใดอธิบายถึงความสัมพันธ์ของการไหลระหว่างตำาแหน่ง 1 2 และ 3 ไม่ถูกต้อง<br />

1. P = P<br />

1 2<br />

+<br />

2. P = P<br />

2 3<br />

+<br />

2<br />

2<br />

v2<br />

- v1<br />

ρ< F<br />

2<br />

2<br />

2<br />

v3<br />

- v2<br />

ρ< F<br />

2<br />

v1<br />

- v3<br />

3. P1 = P3<br />

- ρ< F<br />

2<br />

4. v1 > v3<br />

2<br />

2<br />

5. P1 < P2<br />

26. ประจุ 3 ตัววางตามรูปถ้า QA<br />

= 10 C QB<br />

=- # 10<br />

9<br />

แล้วแรงลัพธ์ที่กระทำาต่อประจุ Q B<br />

เป็นกี่นิวตัน<br />

10<br />

- 3 - 3<br />

C และ Q<br />

3 -3<br />

C = # 10 C<br />

4<br />

27. ข้อใดผิด<br />

1. สนามไฟฟ้า ณ ตำาแหน่งต่างๆ ในช่องว่างของตัวนำาทรงใดๆ มีค่าเป็น 0<br />

2. สนามไฟฟ้า ณ ตำาแหน่งใกล้ผิวตัวนำามีทิศตั้งฉากกับผิว<br />

3. ประจุบนผิวตัวนำาทรงกลม ประพฤติตัวเสมือนรวมอยู่ที่ศูนย์กลางทรงกลม<br />

4. งานในการนำาประจุ 1 C เคลื่อนจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง ภายใต้สนามไฟฟ้า<br />

คือ ความต่างศักย์ ระหว่างสองจุดนั้น<br />

5. เมื่อนำาประจุชนิดเดียวกันมาวางใกล้กัน สนามไฟฟ้าอาจตัดกันได้<br />

303


Engineer<br />

28. วงจรไฟฟ้ากระแสตรงดังรูป จงหาค่า I<br />

1. -2 A<br />

2. -1 A<br />

3. 0 A<br />

4. 1 A<br />

5. 2 A<br />

29. จากวงจรดังรูป ถ้า VDC = 10 V และ VAC = 10 V โดยที่ R มีค่า 1 kΩ = และ L ได้มาจากการเอาสายไฟพัน<br />

เป็นขด จำานวน 30 รอบ และฟิวส์มีขนาด 1 A แล้วพิจารณาว่าหลังจากต่อสวิตช์แล้ว ข้อสังเกตในข้อใดน่าจะถูกต้อง<br />

1. ฟิวส์น่าจะขาดก่อน<br />

2. คงเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงมาก<br />

3. กระแสน่าจะสูง<br />

4. วงจรนี้ไม่สามารถทำางานได้จริง<br />

5. วงจรนี้ทำางานได้อย่างปกติ<br />

30. ข้อใดไม่ถือเป็นการใช้งานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า<br />

1. สัญญาณจากรีโมทคอนโทรล<br />

2. สัญญาณออกจากระบบเครือข่ายไร้สาย<br />

3. สัญญาณร้องเตือนกันขโมย<br />

4. สัญญาณไฟจราจร<br />

5. สัญญาณ วิทยุ AM<br />

304


405 : ความถนัดทางวิศวกรรม<br />

31. ข้อใดกล่าวถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ถูกต้อง<br />

1. การแผ่รังสีทำาให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า<br />

2. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสุญญากาศ ที่เกิดจากแหล่งกำาเนิดต่างกันมีความเร็วเท่ากัน<br />

3. สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงแบบรูปคลื่นไซน์<br />

4. แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีสมบัติเป็นคลื่นและอนุภาค<br />

5. ถูกทุกข้อ<br />

เฉลยแนวข้อสอบ PAT3 มี.ค. 56<br />

1. ข้อ 1<br />

2. 72 m<br />

3. ข้อ 3<br />

4. ข้อ 3<br />

5. ข้อ 5<br />

6. ข้อ 2<br />

7. 15 kg<br />

8. ข้อ 4<br />

9. ข้อ 3<br />

10. ข้อ 2<br />

11. 20 m<br />

12. ข้อ 5<br />

13. ข้อ 1<br />

14. ข้อ 2<br />

15. 56cC<br />

16. ข้อ 2<br />

17. 207cC<br />

18. ข้อ 1<br />

19. ข้อ 3<br />

20. ข้อ 1<br />

21. ข้อ 4<br />

22. ข้อ 4<br />

23. ข้อ 5<br />

24. ข้อ 5<br />

25. ข้อ 5<br />

26. 2 # 10 8<br />

N<br />

27. ข้อ 5<br />

28. ข้อ 1<br />

29. ข้อ 5<br />

30. ข้อ 3<br />

31. ข้อ 5<br />

305

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!