12.07.2015 Views

ไฟล์ PDF - มหาวิทยาลัยนเรศวร

ไฟล์ PDF - มหาวิทยาลัยนเรศวร

ไฟล์ PDF - มหาวิทยาลัยนเรศวร

SHOW MORE
SHOW LESS

Create successful ePaper yourself

Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.

3คํานําคูมือปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยา เลมนี้ จัดทําขึ้น เพื่อใชประกอบการเรียนวิชาพยาธิวิทยา(405213) และรายวิชา พยาธิวิทยาทั่วไป (405313) ภาคเรียนปลาย ประจําปการศึกษา 2553 โดยใชประกอบการเรียนรูดวยตนเองในหัวขอเกี่ยวกับพยาธิวิทยาทั่วไป (General pathology) และพยาธิวิทยาระบบ (Systemic pathology)กอนนิสิตเขาเรียนในชั่วโมงปฏิบัติการพยาธิวิทยาแตละครั้ง นิสิตควรอานเนื้อหาวิชาของหัวขอเรื่องที่กําหนดไวตามตารางเรียน ทั้งเนื้อหาจากชั่วโมงบรรยายของอาจารย และจากคูมือฉบับนี้ กอนจะไปศึกษาเพิ่มเติมจากพิพิธภัณฑชิ้นเนื้อ ที่ตั้งแสดง ณ หองปฏิบัติการ ในชั่วโมงปฏิบัติการของรายวิชา และใหนิสิตสงรายงานปฏิบัติการทุกครั้ง เมื่อเสร็จสิ้นการศึกษาดวยตนเองนิสิตสามารถศึกษารูปภาพสี และ download คูมือปฏิบัติการฉบับนี้ ไดจาก website ของรายวิชา นอกจากนี้ ยังสามารถฟงการบรรยายสรุปเนื้อหาปฏิบัติการแตละครั้งไดจากวีดิทัศนที่ website ดังกลาวนี้ไดเชนกันภาควิชาพยาธิวิทยาและนิติเวชศาสตร หวังเปนอยางยิ่งวา คูมือปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยาฉบับนี้จะชวยใหนิสิตไดเรียนรู และมีความเขาใจในเนื้อหาวิชาพยาธิวิทยาเพิ่มมากขึ้น โดยกระบวนการเรียนรูดวยตนเองที่มีประสิทธิภาพ หากนิสิตมีขอคิดเห็น หรือขอเสนอแนะในการปรับปรุงคูมือฉบับนี้ ภาควิชาฯยินดีรับทุกความคิดเห็นเพื่อพัฒนาใหดียิ่งขึ้นในโอกาสตอไปภาควิชาพยาธิวิทยาและนิติเวชศาสตรคณะแพทยศาสตร <strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong>ตุลาคม พ.ศ. 2553คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


5สารบัญหนา1. คําแนะนําในการเรียนปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยา (Pathology) 72. วัตถุประสงคการเรียนรู 93. ปฏิบัติการพยาธิวิทยาครั้งที่ 1 และรายงานปฏิบัติการ 114. ปฏิบัติการพยาธิวิทยาครั้งที่ 2 และรายงานปฏิบัติการ 435. ปฏิบัติการพยาธิวิทยาครั้งที่ 3 และรายงานปฏิบัติการ 976. ปฏิบัติการพยาธิวิทยาครั้งที่ 4 และรายงานปฏิบัติการ 1457. แบบทดสอบความรูความเขาใจภายหลังการเรียนรู 1957.1 แบบทดสอบความรูความเขาใจหลังการเรียนรู ชุดที่ 17.2 แบบทดสอบความรูความเขาใจหลังการเรียนรู ชุดที่ 28. แบบประเมินความพึงพอใจการใชคูมือปฏิบัติการ และ 209กระบวนการเรียนรูดวยตนเอง9. แผนผังของ website รายวิชาพยาธิวิทยา และพยาธิวิทยาทั่วไป 21110. หนังสืออานประกอบเพิ่มเติม 213คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


71. คําแนะนําในการเรียนปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยา (Pathology)คูมือปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยา (Pathology) ฉบับนี้ ไดจัดทําขึ้นเพื่อใชประกอบการเรียนการสอนภาคปฏิบัติการ ในรายวิชา พยาธิวิทยา (Pathology) รหัสรายวิชา 405213 และรายวิชา พยาธิวิทยาทั่วไป(General pathology) รหัสรายวิชา 405313 สําหรับนิสิตสาขาวิทยาศาสตรสุขภาพ ซึ่งจัดการเรียนการสอนในภาคการศึกษาที่ 2 ประจําปการศึกษา 2553 โดยมีวัตถุประสงคใหนิสิตไดใชเปนคูมือประกอบการเรียนรูทางพยาธิวิทยาดวยตนเอง สามารถใชทบทวนความรูไดตลอดเวลา ทั้งในชวงเวลาเรียนปฏิบัติการและนอกเวลาเรียนในการเรียนปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยา ใหนิสิตปฏิบัติตามขั้นตอนตอไปนี้1. การเรียนการสอนภาคปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (Pathology) แบงออกเปน 4 ครั้ง โดยในปฏิบัติการแตละครั้ง หองปฏิบัติการพยาธิวิทยา จะตั้ง specimen ชิ้นเนื้อ ใหนิสิตไดศึกษาเรียนรู ประมาณ2 สัปดาห (เฉพาะในชั่วโมงปฏิบัติการ) โดยนิสิตจะตองหาชวงเวลามาศึกษาดวยตนเอง และสงรายงานปฏิบัติการ เมื่อศึกษาเรียนรูเสร็จเรียบรอยแลวในแตละครั้ง2. ใหนิสิตดูตารางเรียนปฏิบัติการในประมวลรายวิชา (Course syllabus) วาชั่วโมงปฏิบัติการดังกลาว ครอบคลุมเนื้อหาในหัวขอใดบางที่อยูในคูมือฉบับนี้3. ศึกษาเนื้อหาในแตละหัวขออยางละเอียดจากคูมือฉบับนี้กอนเขาเรียนปฏิบัติการในแตละครั้งโดยรูปภาพสี นิสิตสามารถศึกษาไดจาก website ของรายวิชา4. กอนการเรียนภาคปฏิบัติการแตละครั้ง อาจารยจะมีบรรยายสรุปเนื้อหาที่นิสิตจะตองศึกษาเรียนรูในชั่วโมงปฏิบัติการทั้งหมด (talk lab) ซึ่งไดบันทึกเปนวิดิทัศนไวลวงหนา โดยจะเปดใหนิสิตไดฟงในชวงตนของชั่วโมงปฏิบัติการแตละครั้ง และวีดิทัศนดังกลาว ไดบรรจุไวใน website ของรายวิชาที่นิสิตสามารถเปดดูทบทวนไดตลอดเวลาตลอดทั้งภาคการศึกษา5. ในชั่วโมงปฏิบัติการ ใหนิสิตศึกษา specimen ชิ้นเนื้อ และรูปภาพที่จัดเตรียมไวในหองปฏิบัติการ โดยศึกษาควบคูไปพรอมกับคูมือฉบับนี้ เมื่อศึกษาเรียนรูเสร็จเรียบรอยแลว ใหเขียนรายงานการเขาปฏิบัติการสงในกลองรับรายงานบริเวณหนาหองปฏิบัติการ ทั้งนี้ แบบฟอรมรายงานปฏิบัติการแตละครั้ง สามารถสําเนาไดจากคูมือฉบับนี้ หรือ download ไดจาก website ของรายวิชาคูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


2. วัตถุประสงคการเรียนรูเพื่อใหนิสิตเขาใจ และสามารถอธิบายสาเหตุ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพของโรค หรือภาวะตาง ๆที่ครอบคลุมในหัวขอตอไปนี้2.1 พยาธิวิทยาทั่วไป (General Pathology)1. Cellular pathology2. Inflammation and Repair3. Infection4. Hemodynamic disorders5. Neoplasm2.2 พยาธิวิทยาตามระบบ (Systemic Pathlogy)1. Cardiovascular system2. Respiratory system3. Nervous system4. Gastrointestinal system5. Reproductive system6. Urinary system7. Endocrine system8. Perinatal pathology9คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


113. ปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยาครั้งที่ 1 และรายงานปฏิบัติการ3.1 Cellular pathology1. Cellular Adaptation2. Reversible Cell Injury3. Irreversible Cell Injury3.2 Inflammation and Repair1. Inflammatory Cells2. Acute Inflammation3. Chronic Inflammation4. Repairคูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


13Cellular pathologyHyperplasiaCellular pathology• ในการศึกษาเรื่อง Cellular pathology นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ และสามารถยกตัวอยางโรค หรือภาวะไดในหัวขอดังตอไปนี้• Adaptation : Hyperplasia, Hypertrophy, Atrophy, Metaplasia• Reversible cell injury : Cloudy swelling, Fatty change, Hyaline change• Irreversible cell injury : Coagulative necrosis, Liquefactive necrosis, Caseousnecrosis, Enzymatic necrosis


14Hyperplasiaเปนกลไกการปรับตัวของเซลลเพื่อการตอบสนองตอสิ่งกระตุน ทําใหเกิดการเพิ่มจํานวนของเซลล (Increase in cell number) จนเกิดการขยายขนาดของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะตามมา อยางไรก็ตาม ถามีการกําจัดสิ่งกระตุนหรือเมื่อสิ่งกระตุนหายไปก็จะเปลี่ยนแปลงกลับสูสภาพปกติได (Reversible cellularadaptation)Hyperplasia สามารถแบงออกเปน 2 ชนิดใหญ ๆ ไดแก1. Physiologic hyperplasia2. Pathologic hyperplasiaตัวอยาง Physiologichyperplasia• Proliferative endometrium คือ Physiological hyperplasia ของเยื่อบุมดลูกอันเปนผลเนื่องจากฮอรโมนเอสโตรเจน ในชวงครึ่งแรกของ Menstrual cycle เปนชวงที่รางกายหลั่งฮอรโมนเอสโตรเจนมากเปนผลใหมีการเพิ่มจํานวนของเซลลเยื่อบุมดลูก ดังนั้นจึงทําใหมีการหนาตัวของเยื่อบุมดลูกมากขึ้น


15ตัวอยาง Pathologic hyperplasia• Nodular hyperplasia of Prostate gland หรือ Benign prostatichyperplasia (BPH) ซึ่งเกิดเนื่องจากความผิดปกติของฮอรโมนเพศชาย ทําใหมีการเพิ่มจํานวนเซลลบุตอมลูกหมากและมีการเพิ่มขนาดของตอมลูกหมากจนทําใหกดเบียดทางเดินปสสาวะ เกิดอาการปสสาวะลําบาก นอกจากมีการเพิ่มจํานวนของเซลลบุตอมแลวยังพบมีการเพิ่มจํานวนของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทําใหเกิดเปนกอน (Nodule)ขึ้นในตอมลูกหมากBenign prostatic hyperplasia: BPHurethraตอมลูกหมากมีกอน (nodule) ขอบเขตชัดไปกดเบียดทางเดินปสสาวะ(urethra)Epithelial cell เพิ่มจํานวนขึ้น และมีบางสวนยื่นเขาไปใน lumen


16Hypertrophy - Atrophy• Hypertrophy เปนกลไกการปรับตัวของเซลลเพื่อตอบสนองตอสิ่งกระตุน ทําใหมีการเพิ่มขนาดของเซลล (Increase in cell size) จนเปนผลใหเกิดการเพิ่มขนาดของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะตามมาตัวอยาง Hypertrophy1. Left ventricular hypertrophy (LVH)2. Pregnant uterus• Atrophy เปนการปรับตัวที่เซลล และอวัยวะมีขนาดเล็กลง เนื่องจากการไมไดใชงาน การขาดเลือด ขาดฮอรโมน หรือขาดเสนประสาทมากระตุนการทํางานของเซลลหรืออวัยวะนั้นตัวอยาง Atrophy1. Testicular atrophy2. Brain atrophyLVNucleus of myocytesLeft ventricular hypertrophy: LVHผนังหัวใจหองลางซายหนาตัวมากกวาปกติเซลลกลามเนื้อหัวใจมีขนาดใหญขึ้นนิวเคลียสโตกวาปกติ 3 เทา


17HypertrophymyometriumcervixNormal uterusPregnant uterusมีขนาดใหญกวาปกติชั้น myometrium หนาขึ้นTesticular atrophyNormalAtrophyTestis มีขนาดเล็กลงกวาปกติ


18Metaplasiaเปนกลไกการปรับตัวของเซลลเพื่อการตอบสนองตอสิ่งกระตุน โดยการเปลี่ยนจากเซลลหรือเนื้อเยื่อชนิดหนึ่งไปเปนเซลลหรือเนื้อเยื่อที่เจริญเต็มที่อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหรือการตอบสนองชนิดนี้มักเกิดขึ้นกับเซลลเยื่อบุมากกวาเนื้อเยื่อชนิดอื่นๆ แตเนื้อเยื่อเกี่ยวพันก็สามารถมีการปรับตัวแบบนี้ได สิ่งกระตุนที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ มักจะเปน การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอม ทําใหเซลลหรือเนื้อเยื่อที่ไมเหมาะสมกับสภาพแวดลอมดังกลาว ปรับเปลี่ยนไปเปนเซลลหรือเนื้อเยื่อปกติอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะสมกวาตัวอยาง Metaplasia เชน การเกิด Squamous metaplasia ในทางเดินหายใจของผูที่สูบบุหรี่ โดยเปลี่ยนจาก ciliated pseudostratified columnarepithelium ไปเปน squamous epithelium เปนตนปกติจะเปนColumnar cellsที่บุในหลอดลมSquamous metaplasia เซลลที่บุเปลี่ยนจาก columnar เปนsquamous cell พบไดในคนที่สูบบุหรี่


19Reversible Cell Injuryการบาดเจ็บของเซลลแบบไมถาวร (Reversible cell injury) เกิดขึ้นเมื่อเซลลไดรับอันตรายในระดับที่ไมรุนแรง เซลลจึงเกิดการบาดเจ็บไมมากนักและสามารถเปลี่ยนแปลงกลับสูสภาพปกติไดตัวอยาง Reversible cell injury1. Cloudy swelling of hepatocytes (hydropic degeneration)2. Fatty change of Liver (Fatty degeneration, Hepatic steatosis)3. Hyaline change : Mallory bodies in hepatocytesCloudy (hydropic) swelling of Hepatocytesเซลลตับบวมขึ้นจากน้ํา ทะลักเขาไปภายในเซลลCytoplasm – ขยายใหญขึ้น ติดสีชมพู เห็นเปนฝา และเปนจุดฝอยๆSinusoids ที่อยูระหวางhepatic cords ถูกกดเบียดจากเซลลตับที่บวมและโตขึ้น


20Hepatic steatosis (fatty liver)เปนภาวะที่มีการสะสมของไขมันปริมาณมากอยูภายในเซลล ซึ่งสวนใหญอยูในรูปของ triglyceride เมื่อมองดวยตาเปลาจะพบวาตับมีขนาดโตขึ้น มีสีเหลืองขึ้นHepatic steatosis (fatty liver)Hepatocytes มีชองวางใส คือfatvacuole เห็นเปนรูปคอนขางกลมขอบเขตชัดเจนอยูภายในcytoplasm มีขนาดแตกตางกันขึ้นกับปริมาณของไขมันที่สะสมในfat vacuole นั้น


21Hyaline change : Mallory bodies in hepatocytesHyaline คือ สารที่เห็นเปนปนชมพูHyaline change คือ การเปลี่ยนแปลงของเซลลที่มีการสะสมสารสีชมพู ซึ่งโดยมากจะเปนโปรตีนชนิดตาง ๆ สารสีชมพูนี้สามารถพบไดทั้งภายในเซลลและภายนอกเซลล (Intra- and Extra- hyaline)Alcoholic hyaline หรือ Mallory body คือกลุมของ cytokeratin intermediatefilaments รวมตัวกับโปรตีนชนิดอื่นๆ แลวสะสมอยูใน cytoplasm ของเซลลตับ(Intracellular hyaline)พบไดบอยใน alcoholic hepatitisMallorybodies


22Irreversible Cell Injuryเกิดขึ้นเมื่อเซลลไดรับอันตราย หรือการกระตุนในระดับที่รุนแรงเกินความสามารถของเซลลในการปรับตัว เซลลจึงเกิดการตาย (necrosis) ซึ่งเปนการบาดเจ็บของเซลลแบบถาวร ไมสามารถกลับมาเปนปกติไดตัวอยาง Irreversible cell injury หรือการตายของเซลลแบบ Necrosis• Coagulative necrosis of Kidney (Renal infarct)• Coagulative necrosis of Spleen (Splenic infarct)• Liquefactive necrosis of Lung (Lung abscess)• Liquefactive necrosis of Brain (Brain infarct)• Caseous necrosis of Lymph nodes• Enzymatic fat necrosis in Acute pancreatitisCoagulative necrosis of Kidneyเนื้อไตบริเวณที่ขาดเลือด และตาย จะมีสีซีด เห็นเปนรูปลิ่ม ตามการเลี้ยงโดยเสนเลือดที่อุดตันนั้นๆ ซึ่งบริเวณที่เกิดการอุดตันมักตรวจพบไดในบริเวณตรงมุมแหลมของลิ่ม


23Coagulative necrosis of KidneyNormal glomerulusInfarct glomerulus มองไมเห็นนิวเคลียสของเซลลแตยังเห็นขอบเขตของ glomerulus และขอบเขตของเซลลอยูCoagulative necrosis; Splenic infarctมามผาครึ่ง เห็นบริเวณที่ขาดเลือด และตายมีสีซีด เปนรูปลิ่ม


24Liquefactive necrosis : Lung abscessเนื้อเยื่อปอดที่ตายจะมีการยอยสลายโดยเอนไซม hydrolase จากเซลลอักเสบทําใหเนื้อเยื่อเละ ไมเหลือเคาโครงเดิมLiquefactive necrosis; Brain infarctการตายของเนื้อเยื่อสมอง ไมวาจากสาเหตุใดๆ เนื้อสมองจะเปลี่ยนแปลงแบบ liquefactivenecrosis เสมอ เนื่องจากเนื้อสมองออนนุม และมี hydrolase อยูในเซลลตางๆ ของสมอง


25Caseous necrosis of Lymph nodesบริเวณเนื้อเยื่อที่ตายจะมีสีเหลืองคลายเนย เนื้อเยื่อตายเห็นเปนบริเวณสีชมพู มีเศษนิวเคลียสสีน้ําเงิน เนื้อตายไมมีโครงสรางที่เปนเซลลเดิม และไมมีการยอยสลายเปนชองวางEnzymatic fat necrosis in Acute pancreatitisการตายของเนื้อเยื่อไขมันซึ่งเกิดจากเอนไซม lipase ในตับออนอักเสบ lipase จะยอย triglyceride เกิด free fattyacid จํานวนมาก จนตกตะกอนเปน calcium soap ดูดวยตาเปลาเห็นเปนจุดขาวๆ เมื่อดูดวยกลองจุลทรรศน เนื้อเยื่อไขมันที่ตายจะติดสีชมพูออนและแกเปนฝาๆ ไมมีขอบเขตชัด และไมพบนิวเคลียสของเซลล


26Inflammation and RepairAcute appendicitisInflammation and Repair• ในการศึกษาเรื่อง Inflammation and Repair นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ และสามารถยกตัวอยางโรค หรือภาวะไดในหัวขอดังตอไปนี้• Inflammatory cells : Neutrophil, Macrophage, Lymphocyte, Plasmacell• Acute inflammation : Acute appendicitis, Breast abscess• Chronic inflammation : Chronic cholecystitis, Granulomatousinflammation• Repair : Granulation tissue, Keloid, Scar contracture


27Neutrophils• เปนเซลลเม็ดเลือดขาว (Leukocytes) ชนิดที่มีแกรนูลจําเพาะ (specificgranules) มีขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ 10-15 μm หรือขนาดประมาณ 2 เทาของเม็ดเลือดแดง นิวเคลียสมีประมาณ 2-5 lobes โครมาตินติดสีเขมทึบ specific granule มีขนาดเล็ก ละเอียด ติดสีชมพูอมมวง เรียกวาNeutophilic granules• เปนเซลลอักเสบ (inflammatory cells) ที่พบเปนสวนมากในการอักเสบแบบเฉียบพลัน (Acute inflammation) โดยเฉพาะในชวง 6 -24 ชั่วโมงแรก จะมีการกระตุน และเพิ่มจํานวนมาในบริเวณที่เนื้อเยื่อเกิดการบาดเจ็บ หรือการติดเชื้อNeutrophils


28Macrophages• Macrophages (หรือเซลลที่เรียกวา monocytes ในขณะที่อยูในกระแสเลือด) เปนเซลลอักเสบ (inflammatory cells) ที่พบมากในการอักเสบแบบเรื้อรัง (chronicinflammation) โดยจะเริ่มเขามามีบทบาทในเนื้อเยื่อใน 24-48 ชั่วโมง ภายหลังจากการบาดเจ็บ• ในเนื้อเยื่อ จะเห็น macrophages เปนเซลลขนาดใหญ มีนิวเคลียสเดี่ยว ภายในcytoplasm จะประกอบดวยเศษซากเซลลที่ macrophages เก็บกินดวยวิธีphagocytosis• Macrophages มีชื่อเรียกแตกตางกันตามชนิดของเนื้อเยื่อที่พบ เชน Kupffer cells ในเนื้อเยื่อตับ, alveolar macrophages ในเนื้อเยื ่อปอด, microglial cells ในเนื้อเยื่อระบบประสาทสวนกลางMacrophagesMonocyte inblood smear


29Lymphocytes• เปนเซลลอักเสบที่มีบทบาทในการอักเสบชนิดเรื้อรัง (chronic inflammation)และในระบบภูมิคุมกัน (immune system) โดยจะมีการสงสัญญาณกระตุนซึ่งกันและกัน ระหวาง lymphocytes และ macrophages• Small lymphocytes จะมีขนาดใหญกวาเม็ดเลือดแดงเล็กนอย นิวเคลียสมีขนาดใหญเกือบเต็มเซลล โครมาตินหยาบ ติดสีเขม และเรียงตัวชิดติดกันแนนเซลลมี cytoplasm สีฟาออนใส ปริมาณนอยจนบางครั้งแทบมองไมเห็นcytoplasm ไดLymphocytes


30Plasma cells• เปนเซลลที่พัฒนาจาก activated B lymphocytes ใหสามารถสราง และหลั่งantibody ออกมาจับกับ antigen ในเนื้อเยื่อที่เกิดกระบวนการอักเสบโดยเฉพาะในกระบวนการอักเสบแบบเรื้อรัง• Plasma cells เปนเซลลที่มีขนาดประมาณ 2-3 เทาของเม็ดเลือดแดง นิวเคลียสรูปกลม หรือรูปไข คอนไปขางใดขางหนึ่งของเซลล (Eccentric nucleus) โครมาตินหยาบเปนปน พบลักษณะนิวเคลียสคลายซี่ลอเกวียน (cartwheel nucleus)cytoplasm มีปริมาณมาก ติดสีฟา และเห็นชองวางขาวติดกับนิวเคลียส(perinuclear halo)Plasma cells


31Acute InflammationAcute inflammation: การอักเสบเฉียบพลัน ที่เกิดขึ้นเร็ว และรุนแรง บริเวณที่เกิดการอักเสบเฉียบพลันจะบวมแดงตัวอยางการอักเสบเฉียบพลัน (Acute inflammation)• Acute appendicitis (ไสติ่งอักเสบ)• Acute cholecystitis (ถุงน้ําดีอักเสบ)• Breast abscess (ฝที่เตานม )Acute appendicitis• เปนการอักเสบเฉียบพลันของไสติ่ง (appendix)• ไสติ่งบวม แดง หลอดเลือดฝอยขยายใหญเห็นไดชัดเจน ผิวดานนอกปกคลุมดวยหนอง (pus) เห็นเปนแผนสีขาว ๆ เขียว ๆ เคลือบอยูบนอวัยวะ เรียกวาFibrinopurulent exudate• เมื่อสังเกตดูดวยกลองจุลทรรศน จะพบมี neutrophils จํานวนมากอยูในเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะในชั้นกลามเนื้อ นอกจากนี้ ยังพบมีภาวะเลือดคั่ง(congestion) ในหลอดเลือดฝอย เศษซากเซลล และอาจพบมีการทําลายเนื้อเยื่อปกติบริเวณนั้นได


32Acute appendicitis (Gross )Fibrin exudateAcute appendicitisผนังของไสติ่งมีเซลลอักเสบชนิด neutrophil เขามา


33Acute cholecystitis• โรคถุงน้ําดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis) เปนการอักเสบของถุงน้ําดีชนิดเฉียบพลัน โดยสาเหตุสวนใหญเกิดจากนิ่วในถุงน้ําดี (Gall stone) ทําใหมีการคั่งของน้ําดี และอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซอน ทําใหเกิดการอักเสบปวดทองอยางรุนแรง• ถุงน้ําดี (gall bladder) มักจะมีขนาดใหญกวาปกติ บริเวณที่มีเลือดออกจะมีสีดําเขม ผนังดานในถุงน้ําดี มีหนองและเศษเนื้อเยื่อที่ตายสะสมอยู ประมาณ90% ของผูปวยจะพบนิ่วในถุงน้ําดีที่อุดบริเวณ neck of gall bladder ซึ่งเปนสาเหตุของความผิดปกติดังกลาวAcute cholecystitis


34Breast abscess• ฝ (abscess) เปนบริเวณที่เกิดการอักเสบชนิดมีหนอง (suppurative orpurulent inflammation) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด (pyogenicbacteria)• บริเวณตรงกลาง abscess จะเปนโพรงหนองที่เต็มไปดวยเม็ดเลือดขาวชนิดneutrophils และเศษซากเซลลจํานวนมาก ลอมรอบดวยบริเวณที่มีการคั่งเลือด (congestion) และ fibrous tissue ที่สรางจาก fibroblast• บริเวณที่เปนฝจะเห็นเปนรอยบวมแดง เมื่อกรีดแผลจะไดหนองปนเลือดสีคล้ําออกมาBreast abscessPurulent exudate (Pus)


35Chronic Inflammation• การอักเสบเรื้อรัง เปนกระบวนการอักเสบที่คอย ๆ เกิด และดําเนินตอเนื่องเปนเวลานาน เปนสัปดาห เปนเดือนหรือเปนป เนื่องจากมีสาเหตุที่กระตุนใหเกิดการอักเสบอยูตลอดเวลาไมถูกจํากัดออกไปตัวอยางของการอักเสบแบบเรื้อรัง1. Chronic cholecystitis (ถุงน้ําดีอักเสบเรื้อรัง)2. Granulomatous inflammationChronic cholecystitis• ถุงน้ําดีอักเสบเรื้อรัง (chronic cholecystitis) เกิดจากการที่ถุงน้ําดีมีการระคายเคือง หรือมีสาเหตุที่ทําใหเกิดการอักเสบเปนระยะเวลานาน สวนใหญเกิดจากนิ่วในถุงน้ําดี (Gallstone)• ถุงน้ําดีจะมีขนาดโตขึ้นหรือเล็กลง ขึ้นอยูกับความรุนแรง และระยะเวลาของการเปนโรค ผนังจะหนา เนื่องจากมีเนื้อเยื่อพังผืด (fibrosis) เขามาแทนที่ เยื่อบุผิวถุงน้ําดีดานใน (mucosa) จะฝอลีบ เซลลอักเสบที่พบ ไดแก lymphocytes,plasma cells และ macrophage และมักพบเยื่อบุผิวแทรกตัวลงไปในชั้นกลามเนื้อ เรียกวา Rokitansky-Aschoff sinus


36Chronic cholecystitisGallstoneผนังดานในถุงน้ําดีบาง เปนเสนและมี fibrosishttp://www.telepathology.com/cases/gall1a.jpghttp://www.ispub.com/ispub/ijs/volume_10_number_1/diffuse_adenomyomatosis_of_the_gallbladder_an_infrequent_disease_wth_difficult_preoperative_diagnosis/gall-fig2.jpgInflammatory cells in mucosal layerChronic cholecystitisRokitansky-Aschoff sinus with bilehttp://www.mdconsult.com/das/book/body/219953961-2/0/2060/f4-u1.0-B978-1-4377-0792-2..50023-7..gr54.jpg


37Granulomatous inflammation• “Granulomatous inflammation” ซึ่งเปนกระบวนการอักเสบเรื้อรังที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งจะพบ– macrophages ที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปรางคลายเยื่อบุผิว (Activated epithelioidhistiocytes),– เซลลขนาดใหญที่มีหลายนิวเคลียส(multinucleated giant cells),– การเนาตายของเนื้อเยื่อตรงกลางบริเวณที่มีการอักเสบ มีลักษณะคลาย cheese (centralcaseous necrosis)– เซลลอักเสบ ชนิด lymphocytes อยูบริเวณรอบนอก (periphery) ของบริเวณที่เกิดการอักเสบGranulomatous inflammationEpithelioidhistiocytesCaseousnecrosislymphocytes


38Granulation tissue• เปนเนื้อเยื่อที่สรางขึ้นในกระบวนการซอมแซม และการหายของบาดแผล (Repair andwound healing)• ลักษณะเนื้อเยื่อจะประกอบดวยหลอดเลือดเล็ก ๆ (capillaries) ที่สรางใหมจํานวนมาก มีของเหลวใสแทรกอยูระหวางเนื้อเยื่อเกี่ยวพันรอบ ๆ หลอดเลือด ทําใหมองเห็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอยูกันอยางหลวม ๆ (loose connective tissue and edema)• เซลลที่สรางเนื้อเยื่อเกี่ยวพันใน Granulation tissue นี้ ไดแก fibroblast ซึ่งจะสราง fibroustissue, collagen นอกจากนี้ เซลลอักเสบยังคงพบไดบางในบริเวณดังกลาว• ระวังสับสนกับคําวา “Granulomatous inflammation” ซึ่งเปนกระบวนการอักเสบเรื้อรัง(chronic inflammation) ที่มีลักษณะเฉพาะGranulation tissue ( Micros)Inflammatory cellscapillariesfibroblast


39Keloid• เปนแผลเปนนูนที่เกิดจากมีการสราง collagen tissue ปริมาณมากสะสมอยูในเนื้อเยื่อ ในระหวางกระบวนการซอมแซมบาดแผล ทําใหมีลักษณะคลายกอนเนื้องอก• ลักษณะทางจุลพยาธิวิทยาประกอบดวย fibrous connective tissue เปนบริเวณกวาง มีเซลลอักเสบนอยมากKeloidFibrous tissue


40Scar contracture• แผลเปนดึงรั้ง (Scar contracture) เปนภาวะแทรกซอน หรือพยาธิสภาพจากกระบวนการซอมแซมของบาดแผลบริเวณขอตอ หรืออวัยวะที่มีการเคลื่อนไหว เชน การซอมแซมบาดแผลจากไฟไหม ที่กลามเนื้อ เสนเอ็นและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันถูกทําลาย แลวในกระบวนการซอมแซมมีพังผืดเขามาแทนที่(fibrosis) ทําใหเกิดการยึดติดของขอ การเคลื่อนไหวอวัยวะดังกลาวจะทําไดนอยลงScar contracture


41รหัสประจําตัวนิสิต _________ รหัสเลขที่สอบ _____ชื่อ – นามสกุล __________________________คณะ ______________ สาขาวิชา ____________รายงานปฏิบัติการพยาธิวิทยา ครั้งที่ 1เรื่อง Cellular Pathology, Inflammation and Repairวันที่นิสิตมาเขาเรียนปฏิบัติการพยาธิวิทยา และศึกษาดวยตนเอง __________________________1. Hyperplasia หมายถึงอะไร _________________________________________________________________________________________________________________________________________2. Hypertrophy หมายถึงอะไร ________________________________________________________________________________________________________________________________________3. Metaplasia หมายถึงอะไร _________________________________________________________________________________________________________________________________________4. จงยกตัวอยาง reversible cell injury มา 3 ชนิด ________________________________________________________________________________________________________________________5. Coagulative necrosis คืออะไร _____________________________________________________________________________________________________________________________________6. Acute inflammation คืออะไร ______________________________________________________________________________________________________________________________________7. Abscess คืออะไร ________________________________________________________________________________________________________________________________________________8. Granulomatous inflammation คืออะไร ______________________________________________________________________________________________________________________________9. Chronic inflammation คืออะไร ____________________________________________________________________________________________________________________________________10. Scar contracture คืออะไร _________________________________________________________________________________________________________________________________________คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


434. ปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยาครั้งที่ 2 และรายงานปฏิบัติการ4.1 Infection1. Bacterial Infection2. Fungal Infection3. Viral Infection4.2 Hemodynamic disorders1. Edema and Congestion2. Hemorrhage3. Thrombosis4. Embolism5. Infarction6. Shock4.3 Neoplasm1. Dysplasia2. Benign Tumors3. Malignant Tumors4. Mixed Tumor5. Teratoma6. Metastatic Tumorsคูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


45InfectionBacterial meningitisInfection• ในการศึกษาเรื่อง Infection นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ และสามารถยกตัวอยางโรค หรือภาวะไดในหัวขอดังตอไปนี้• Bacterial infection : pyogenic bacterial infection, mycobacteria,mycetoma, H. pylori• Fungal infection : Tinea versicolor, Dermatophytosis,Aspergillosis, Mucormycosis, Candidiasis, Cryptococcosis• Viral infection : Cytomegalovirus, Human papilloma virus,Herpes virus


46Pyogenic bacterial infection• ตัวอยางโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียกลุมที่ทําใหเกิดหนอง ไดแก• โรคติดเชื้อ StaphylococcusStaphylococcus เปนเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก รูปรางกลม อยูรวมกันเปนกลุมคลายพวงองุน (Gram positive cocci in cluster) ตัวอยางโรคเชนStaphylococcus aureus สามารถทําใหเกิดการอักเสบเปนหนองที่รูขุมขน(Furuncles, boils) หรือการอักเสบที่รุนแรงของผิวหนังชั้นลึก จนทะลุเปนโพรงหนองที่เรียกวา ฝฝกบัว (Carbuncles)• โรคติดเชื้อ StreptococcusStreptococcus เปนเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก รูปรางกลม อยูกันเปนคู(diplococci) หรือเปนสาย (gram positive cocci in chain) ตัวอยางโรคเชน โรคปอดบวมจากเชื้อ Streptococcus pneumoniae, โรคตอมทอนซิลอักเสบจากเชื้อStreptococcus pyogenes (Beta hemolytic streptococcus, group A)Staphylococcus aureusAbscess ฝบริเวณผิวหนังGram positive cocci in clusters


47Lobar pneumoniaปอดบวมเห็นเปนสีขาวแนนทั้ง lobe พบเซลลอักเสบชนิด neutrophil เขามาเต็มถุงลม มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชน StreptococcuspneumoniaeStreptococcus pyogenesAcute pharyngitis, Acute tonsillitisGram positive cocci in chains


48Mycobacterial infection• เชื้อ mycobacterium เปนแบคทีเรียรูปแทง (rod shape) ตองการออกซิเจนในการเจริญเติบโต (aerobic bacteria) มีผนังเซลลเปนไขมันหนา ประกอบดวยmycolic acid ซึ่งเมื่อยอมดวยสี Carbol fuchsin แลว จะทนตอการลางสีออกดวยกรดหรือแอลกอฮอล จึงเรียกวา Acid fast bacilli• วัณโรคปอด (Pulmonary tuberculosis) เปนโรคติดตอเรื้อรังที่เกิดจากการติดเชื้อMycobacterium tuberculosis ทําใหเกิดพยาธิสภาพที่เรียกวา Granulomatousinflammation, บริเวณตรงกลางรอยโรคอาจพบลักษณะเนื้อตายเปนสีขาวเทาหรือสีเหลืองคลายเนย เรียกวา Caseous necrosis และเมื่อสังเกตจากกลองจุลทรรศนจะพบเซลล macrophages ที่เปลี่ยนแปลงรูปรางเปนลักษณะคลายเยื่อบุผิว epithelium (Epithelioid histiocytes), Multinucleated giant cells และเซลลอักเสบชนิดเรื้อรัง เชน lymphocytes, plasma cells เปนตนMycobacterium tuberculosis• Pulmonary tuberculosis:วัณโรคปอด มักเกิดบริเวณปอดกลีบบนหนาตัดเห็นเนื้อตายมีสีเหลืองคลายเนยและเปนโพรง


49Pulmonary tuberculosisLanghan giant cellGranulomatous inflammationM. tuberculosisเปนการอักเสบแบบ granulomatous inflammation พบ epithelioid histiocytesและ Langhan giant cells เมื่อยอมสี acid fast ตัวเชื้อจะติดสีแดงPulmonary miliary tuberculosis เห็นเปนจุดเล็กๆ สีขาวกระจายไปทั่วปอด


50Mycetoma• หรือเรียกวา Madura foot, โรคเทาชาวนา เปนโรคติดเชื้อเรื้อรังที่เกิดไดจากทั้งแบคทีเรีย และจากเชื้อราบางชนิดที่อาศัยอยูในดิน ซึ่งเขาสูรางกายทางบาดแผล (minor trauma) โดยเฉพาะบริเวณเทา จะมีลักษณะเปนกอนแข็ง บวมตะปุมตะปา มีรูเปด (sinus) ซึ่งจะมีหนอง และโคโลนีของเชื้อ (grains, granules) ที่มีสี และขนาดตาง ๆ กันปะปนออกมา• Actinomycotic mycetoma เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชน Actinomaduramadurae, A. pelletieri, Streptomyces somaliensis เปนตน• Eumycotic mycetoma เกิดจากเชื้อรา เชน Pseudallescheria boydii,Madurella grisea, M. mycetomatis เปนตนSulfur granulesMycetoma เปนโรคที่เกิดจากการติดเชื้อที่ผิวหนังเรื้อรัง ทําใหเห็นเปนตะปุมตะปาและมีหนองไหลในหนองและเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อจะมีsulfur granules สีเหลือง ซึ่งเปนcolonies ของเชื้อ


51Helicobacter pylori infection• H. pylori เปนแบคทีเรียชนิดแกรมลบรูปแทง (gram negative bacilli)ชนิดไมลุกลามเนื้อเยื่อ (noninvasive) และไมสรางสปอร (non-sporeforming)• การติดเชื้อเรื้อรังของ H. pylori นี้ มีสวนสัมพันธกับการเกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร (Gastritis) และการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcers) ทั้ง Gastric ulcer และ Duodenal ulcerHelicobacter pyloriเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร เปนสาเหตุที่ทําใหเกิดแผลในกระเพาะอาหารเมื่อยอมเกลือเงิน (silver stain) จะเห็นตัวเชื้อชัดเจนขึ้น


52Fungal infection• เชื้อราจัดเปนสิ่งมีชีวิตในกลุมที่มีเยื่อหุมนิวเคลียส (Eucaryotes) และมีchitin เปนสวนประกอบของผนังเซลล เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได 2แบบ คือ เปนยีสตที่แบงตัว (budding yeast) และเปนสายรา(filamentous hyphae, mold)• เชื้อราที่มีความสําคัญทางคลินิก หรือเชื้อรากอโรค มักจะเปนเชื้อราที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปไดโดยขึ้นกับอุณหภูมิ (dimorphic fungi) โดยเปนสายราในอุณหภูมิหอง และเปน yeast form ที่อุณหภูมิของรางกาย• โรคติดเชื้อรา (Mycoses) สามารถแบงออกไดเปนกลุมตามตําแหนงที่ปรากฏการติดเชื้อบนรางกาย ไดแก– การติดเชื้อราที่ผิวชั้นบน (Superficial mycoses)ไดแก โรคเกลื้อน (Tinea versicolor), โรคกลาก (Dermatophytosis)– การติดเชื้อราที่ผิวหนังและใตผิวหนัง (Cutaneous and Subcutaneous mycoses)ไดแก โรคเทาชาวนา (Madura foot)– การติดเชื้อราในอวัยวะภายใน (Systemic mycoses หรือ Deep mycoses)ไดแก โรค Candidiasis, Cryptococcosis, Aspergillosis, Mucormycosis,Pneumocystosis, Histoplasmosis เปนตน


53Pityriasis versicolor (โรคเกลื้อน)• Synonym: Pityriasis, Tinea alba, Tinea versicolor• เกิดจากเชื้อ Malassezia furfur หรือ Pityrosporum furfur• ลักษณะของรอยโรคจะเปนแผน macule, papule, patch ขนาดตาง ๆกัน ที่มีสีจาง หรือเขมกวาสีผิวหนังปกติ• การวินิจฉัย สามารถทําโดยการขูดรอยโรคจากผิวหนัง และนํามาหยดดวย 10% KOH เมื่อสังเกตดวยกลองจุลทรรศน จะพบ Septatehyphae with spores ซึ่งมีลักษณะคลาย spaghetti and meat ballsSpaghetti and meat ballsโรคเกลื้อน(Pityriasis versicolor)


54Dermatophytosis (โรคกลาก)• เปนกลุมโรคติดเชื้อราบริเวณชั้นหนังกําพรา (superficial mycoses) ซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อราตระกูลตาง ๆ กัน เชน Epidermophyton, Microsporum และ Trichophyton• กลาก (“Tinea” or “Ring worm”) สามารถพบไดในที่ตาง ๆ เชน Tinea capitis (ศีรษะ),Tinea corporis (ลําตัว), Tinea cruris (ขาหนีบ), Tinea manuum (มือ), Tineaungium (เล็บ), Tinea pedis (เทา) เปนตน• ลักษณะรอยโรคที่พบ จะเห็นเปนผื่นแดงหนาเปนวง ขอบเขตชัดเจน มีขอบนูนเปนสะเก็ด เชื้อราจะพบอยูบริเวณขอบของรอยโรค (active border)Active border


55Dermatophytosisพบ Septate and branched hyphae


56CandidiasisCandida spp., yeasts and hyphae


57Cryptococcosis, mucin stain


58Aspergillomaเห็นเปนโพรงมี colonies ของเชื้อราอัดแนนAspergillus spp.,septate hyphae with dichotomous branching


59MucormycosisMucor spp.Broad rarely septate hyphae, diameter 6-15 µm


60Viral infection• เชื้อไวรัส จัดเปน obligate intracellular organism ซึ่งเนื้อเยื่อที่เกิดการติดเชื้อไวรัส มักจะพบการตอบสนอง โดยมีเซลลอักเสบ ชนิดlymphocytes และ macrophages เปนสวนใหญ• ตัวอยางของโรคติดเชื้อไวรัส– Human papilloma virus infection– Cytomegalovirus infection– Herpes simplex virus infectionHuman Papilloma Virus• Human papilloma virus (HPV) เปนเชื้อไวรัสที่ทําใหมีการเพิ่มจํานวนของเซลลเยื่อบุชนิด squamous epithelium จนเกิดรอยโรคที่มีลักษณะเปนตุนนูน เรียกวา หูด (wart) เซลลที่มีการติดเชื้อจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพบชองวางใสรอบ ๆ นิวเคลียส และนิวเคลียสจะติดสีเขม ขนาดใหญขึ้น ขอบไมเรียบ เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้วา Koilocytosis– Plantar warts เปนหูดที่พบบริเวณฝาเทา– Common warts (Verruca vulgaris) เปนหูดที่พบไดบริเวณมือ และสวนอื่นของรางกาย– Anogenital warts (Condyloma acuminata) หรือหูดหงอนไก เปนหูดที่พบบริเวณอวัยวะสืบพันธุ


61Condyloma acuminataKoilocytosis


62Cytomegalovirus• Cytomegalovirus (CMV) ทําใหเกิดการติดเชื้อแบบไมมีอาการ หรือmonocleosis-liked infection ในคนที่มีภูมิคุมกันปกติ แตสามารถทําใหเกิด systemic infection ในทารกแรกเกิด และผูปวยที่มีภูมิคุมกันบกพรอง โดย CMV จะสามารถกอโรคไดในเซลลทุกชนิดของอวัยวะนั้น• เซลลที่ติดเชื้อ CMV จะมีขนาดใหญขึ้น และมี large purpleintranuclear inclusion ในนิวเคลียส ที่ลอมรอบดวย clear halo และอาจพบ basophillic intracytoplasmic inclusions ขนาดที่เล็กกวาในcytoplasmCytomegalovirus infection


63Herpes virus• Herpes simplex virus (HSV) เปนเชื้อไวรัสที่ทําใหเกิดการอักเสบ และตายของเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ (necrotizing inflammation) โดยรอยโรคที่พบหลังการติดเชื้อ จะมีกลุมของตุมน้ําใส (Vesicle group) ซึ่งมักจะแตกเปนแผลที่บริเวณผิวหนัง และเยื่อบุ และอาจมีอาการเจ็บ เรียกวา โรคเริม• เมื่อขูดรอยโรคไปดูจะพบเซลลที่ติดเชื้อมารวมกันเปน Multinucleatedgiant cells with glassy intranuclear inclusion (Cowdry type A)Herpes Simplex Virus infection


64Hemodynamic disordersBowel gangreneHemodynamic disorders• ในการศึกษาเรื่อง Hemodynamic disorders นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ และสามารถยกตัวอยางโรค หรือภาวะไดในหัวขอดังตอไปนี้• Edema and congestion : pulmonary edema, pulmonary congestion• Hemorrhage : petichiae, purpura, ecchymosis, hematoma, hemorrhage inpotential space• Thrombosis : Hemorrhoid, deep vein thrombosis• Embolism : pulmonary thromboembolism, tumor embolism, amniotic fluidembolism• Infarction : Hemorrhagic infarction, Non-hemorrhagic infarction• Shock : shocked kidney, shocked liver, shocked lung


65Pulmonary edema• หรือเรียกวาภาวะ ปอดบวมน้ํา มักพบรวมกับภาวะเลือดคั่งในปอด(Pulmonary congestion) และพบในผูปวยที่มีภาวะการทํางานของหัวใจหองลางซายลมเหลว (Left ventricle failure)• ปอดจะมีน้ําหนักเพิ่มมากขึ้นกวาปกติ ทึบ ไมลอยน้ํา หนาตัดจะมีลักษณะฉ่ําน้ํา ปะปนไปดวยเลือด น้ํา และฟองอากาศ (pink, frothyfluid)• เมื่อสังเกตลักษณะทางกลองจุลทรรศนจะพบมีสารน้ํายอมติดสีชมพู อยูในชองวางภายในถุงลม (alveolar space) และอาจพบเม็ดเลือดแดงออกมาปะปนอยูภายใน alveolar space ดวยPulmonary edemahttps://www.vivature.com/pages/xhtml/medicalLibrary/images/si1619.jpghttp://www.meddean.luc.edu/lumen/MedEd/medicine/pulmonar/images/path/sld21.jpghttp://cal.vet.upenn.edu/projects/merialsp/Trichosp/images/gl011f.jpg


66Pulmonary congestion• ภาวะเลือดคั่งในปอด จะพบไดในกรณีที่ผูปวยมีระบบการทํางานของหัวใจ และหลอดเลือดผิดปกติ เชน ในภาวะหัวใจหองลางซายลมเหลว (Left ventricularfailure) และมักพบรวมกับภาวะปอดบวมน้ํา (pulmonary edema)• ปอดจะมีน้ําหนักเพิ่มขึ้นมากกวาปกติ หนาตัดจะมีสีแดงเขมเนื่องจากมีเลือดมาคั่งมากขึ้น• เมื่อสังเกตดวยกลองจุลทรรศนจะพบหลอดเลือดฝอย (capillaries) ในผนังถุงลมขยายตัวออก และเต็มไปดวยเม็ดเลือดแดงคั่งอยูในหลอดเลือด อาจพบเม็ดเลือดแดงออกมาปะปนกับของเหลวสีชมพูอยูภายใน alveolar space ดวยได• ในภาวะเลือดคั่งชนิดเรื้อรัง (chronic pulmonary congestion) จะพบผนังถุงลมหนาตัวเพิ่มมากขึ้น และพบเซลลอักเสบชนิด macrophage มาเก็บกินเม็ดเลือดแดงที่ออกมานอกหลอดเลือด และมีการสะสม hemosiderin pigment ไวในcytoplasm ของเซลล เรียกวา Hemosiderin-laden macrophagePulmonary congestion and Pulmonary edema


67Pulmonary congestion and edemahttp://www.pathologyatlas.ro/pathology_atlas_imagini/pulmonary_edema.jpgChronic pulmonary congestionhttp://www.pathologyatlas.ro/pathology_atlas_imagini/passive_congestion_hyperemia_lung.jpg


68Hemorrhage• หมายถึง ภาวะที่มีเลือดออกนอกเสนเลือด หรือ ภาวะเลือดออก• Hematoma หมายถึง ภาวะที่มีเลือดออกและสะสมภายในเนื้อเยื่อจนเกิดเปนกอนขึ้น• Petichiae ขนาดประมาณ 1-2 mm. (มีสาเหตุจากความผิดปกติของผนังหลอดเลือด และเกล็ดเลือด)• Purpura ขนาดตั้งแตประมาณ 3 mm. แตไมเกิน 1 cm. (มีสาเหตุจากความผิดปกติของผนังหลอดเลือด และเกล็ดเลือด)• Ecchymosis ขนาดตั้งแต 1-2 cm. ขึ้นไป (มีสาเหตุจากความผิดปกติของ coagulation factors)Petichiaehttp://1.bp.blogspot.com/_oKzzqYvQ1Bg/RgnKP16uynI/AAAAAAAAACY/BBXPWPW7sVU/s320/300px-Minor_Petechia.jpgPurpurahttp://www.medecine-et-sante.com/gimages/purpura.jpgEcchymosishttp://www.train.tcu.edu/ross/ANKECCHY.JPGHematomahttp://208.96.47.3/images/community/dermatlas/hematoma_1_050501.png


69Hemorrhage in potential spaces• Hemothorax = ภาวะเลือดออกในชองปอด (Pleural cavity)• Hemoperitoneum = ภาวะเลือดออกในชองทอง (Peritoneal cavity)• Hemopericardium = ภาวะเลือดออกภายในชองเยื่อหุมหัวใจ(pericadial cavity)• Hemarthrosis = ภาวะเลือดออกภายในขอ• Intracranial hemorrhage = ภาวะเลือดออกภายในเนื้อสมอง• Subarachnoid hemorrhage = ภาวะเลือดออกภายในเยื่อหุมสมองเปนตนhttp://www.walgreens.com/marketing/library/graphics/images/en/7047.jpgHemothoraxhttp://www.geradts.com/anil/ij/vol_010_no_002/reviews/tb/book006/099_1.jpgIntracranial hemorrhageHemopericardiumhttp://library.med.utah.edu/WebPath/jpeg2/FOR034.jpgHemoperitoneum


70Hemostasis and Thrombosis• Hemostasis หมายถึง ภาวะที่รางกายควบคุมการไหลเวียนของเลือดใหเปนปกติ ทั้งในกรณีปกติ และกรณีที่มีการบาดเจ็บของหลอดเลือด อาศัยปจจัยตาง ๆ ไดแก ผนังหลอดเลือด เกล็ดเลือด และ Coagulation factors• Thrombosis หมายถึง ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ทําใหเกิดพยาธิสภาพอุดตันหลอดเลือด• ลักษณะของ Thrombus จะเปนเนื้อเยื่อสีน้ําตาล หรือสี white-tan มีปลายดานหนึ่งยึดติดกับผนังหลอดเลือด อาจพบลายสีจางซึ่งเกิดจากการสะสมของเกร็ดเลือดและไฟบริน สลับกับบริเวณสีเขมซึ่งเกิดจากการสะสมของเม็ดเลือดแดง เรียกลักษณะนี้วา Line of Zahn• สัมพันธกับโรค AtherosclerosisThrombosed Hemorrhoidภาวะเลือดแข็งตัวเปนกอนภายในหลอดเลือดของริดสีดวงทวาร จะเห็นเปนกอนแข็งนูนสีดําคล้ํา ผูปวยจะมีอาการปวดมาก


71Thrombosed Hemorrhoidthrombusเห็นหลอดเลือดเพิ่มจํานวนมากขึ้นและขยายใหญขึ้นมาก ภายในหลอดเลือดมีเม็ดเลือดแดงขังอยูเต็ม และเห็นเสน fibrin สีชมพูสลับอยูกับเม็ดเลือดแดงDeep vein thrombosis, DVThttp://www.topnews.in/health/files/Deep-Vein-Thrombosis.jpghttp://www.venousinstitute.com/img/Image/deep_vein_thrombosis.jpg


72Embolism• หมายถึง ภาวะที่มีของเหลว ของแข็ง หรือกาซ หลุดออกมาจากแหลงตนกําเนิด และลองลอยอยูภายในกระแสเลือด• มากกวารอยละ 99 ของ emboli มักหลุดออกมาจากบริเวณที่เกิดthrombosis เรียกวา ภาวะ Thromboembolism• ภาวะ embolism นี้ เมื่อทําใหหลอดเลือดอุดตัน ก็จะทําใหเกิดการตายของเนื้อเยื่อที่ถูกเลี้ยงโดยหลอดเลือดนั้น (Infarction) ตามมา• ตัวอยางภาวะ Embolism– Pulmonary embolism– Tumor embolism– Amniotic fluid embolismPulmonary thromboembolismจากภาพพบลิ่มเลือดอุดตันบริเวณ bifurcation of pulmonaryartery กอนเลือดสวนใหญมีตนกําเนิดมาจาก thrombosis ที่เสนเลือดดําบริเวณขา (deep veinthrombosis)


73Tumor embolismเซลลมะเร็งอยูภายในหลอดเลือด สามารถแพรกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ไดAmniotic fluid embolismFetal squame cellsin pulmonary vesselพบเซลลจากน้ําคร่ําอยูในหลอดเลือดในปอดของแม เกิดในชวงขณะคลอดเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหมารดาเสียชีวิต


74Infarction• หมายถึง ภาวะการตายของเนื้อเยื่อ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด และขาดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อหรืออวัยวะนั้น• มากกวารอยละ 99 เกิดจากภาวะ Thrombosis หรือ Embolism• Hemorrhagic (red) infarction พบมีการคั่งเลือด หรือเลือดออกรวมดวย– พบใน Volvulus of intestine, Ovarian torsion– พบในอวัยวะที่มีลักษณะเปน Loose tissue เชน lung– เกิดขึ้นตามหลังภาวะเลือดคั่ง (Congestion)• Non-hemorrhagic (white) infarction– มีการอุดตันของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงอวัยวะที่มีลักษณะเปนเนื้อตัน(Solid organ) เชน หัวใจ, มาม, ไต เปนตนHemorrhagic infarction, intestine (bowel gangrene)จากภาพพบวาลําไสมีสีน้ําตาลแดงซึ่งเขมขึ้นกวาปกติ จากภาวะเนื้อตายและมีเลือดออกภายในเนื้อตาย สาเหตุอาจเกิดจากภาวะ shock หรือการอุดตันของ mesentericartery เชน thrombosis, atherosclerosis เปนตน


75Gangrene : Small intestine(Hemorrhagic infarction)Pulmonary infarctionจากภาพหนาตัดของปอด พบบริเวณที่มีสีน้ําตาลเขม เกิดจากภาวะเนื้อตาย(infarction) ของเนื้อปอด และมีเลือดออกเขาไปในบริเวณเนื้อตาย ทําใหเนื้อตายมีสีน้ําตาลเขม


76Coagulative necrosis: Renal infarctบริเวณที่ขาดเลือดจะเห็นสีซีด (white infarct) เปนรูปลิ่ม (wedge shape)Normal glomerulusInfarct glomerulus พบเซลลในglomerulus ตาย นิวเคลียสไมติดสี แตยังเห็นเคาโครงของเซลลอยู (coagulativenecrosis)


77neutrophilsMyocardial infarctionภาวะเนื้อตายของกลามเนื้อหัวใจมีลักษณะเปนบริเวณที่มีขอบเขตชัดเจน มีสีซีดกวากลามเนื้อหัวใจปกติ (ลูกศร) รอบๆ บริเวณเนื้อตายพบเนื้อเยื่อมีสีแดงมากขึ้นจากภาวะ hyperemia (หัวลูกศร) เซลลกลามเนื้อหัวใจเกิดการตายแบบ coagulative necrosis และพบเซลลอักเสบชนิด neutrophil เปนจํานวนมากSplenic infarctionภาวะเนื้อตายของมามแบบ white infarction จากภาพพบวาบริเวณเนื้อตายมีสีซีดกวาเนื้อปกติ การดูดวยกลองจุลทรรศนพบวาจะเกิดเนื้อตายแบบ coagulativenecrosis เกิดจาการอุดตันของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงบริเวณนั้น


78Shock• Shock หรือ Cardiovascular collapse หมายถึง ภาวะที่เกิดการลมเหลวของระบบไหลเวียนโลหิต เกิด systemic hypoperfustion ทําใหการไหลเวียนของออกซิเจนไปสูเนื้อเยื่อไดไมเพียงพอกับความตองการ ทําใหเนื้อเยื่อเกิดภาวะขาดออกซิเจน (hypoxia) และการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อตามมาได• ภาวะ shock สามารถแบงออกเปนชนิดตาง ๆ ตามสาเหตุการเกิด ไดเปนCardiogenic shock, Hypovolemic shock, Septic shock, Neurogenicshock, และ Anaphylactic shock• Examples: - Acute tubular necrosis (ATN, shock kidney),- Acute respiratory distress syndrome (ARDS, shock lung),- Centrilobular necrosis of liver (Nutmeg liver, shock liver)ARDS – Shock lungHyaline membrane lining inner alveolus wall


79Shock liver – Nutmeg liverหนาตัดของตับเห็นเปนจุดสีแดงคล้ําสลับกับบริเวณสีซีด ดูคลายลูกจันทนเทศลูกจันทนเทศ(nutmeg)Chronic passive congestion, liver (Nutmeg liver)จากภาพหนาตัดของตับ พบบริเวณที่เปนสีน้ําตาลแดงซึ่งเปนบริเวณที่มีภาวะcongestion ของ central vein ทําใหเลือดไหลเวียนไมดี สวนบริเวณที่มีสีซีดเปนบริเวณperiportal area (portal triad)http://www.pathguy.com/lectures/nutmeg3.jpg


80Central veinPortal triadChronic passive congestion, liverภาพจากกลองจุลทรรศน พบภาวะ congestion รอบๆ central vein(centrilobular area) (ลูกศร) สวนรอบๆ portal triad (periportal area) จะพบภาวะcongestion นอยกวา เนื่องจากปกติจะเลือดไหลจาก periportal area ไปยังcentrilobular area เขาสูหัวใจตอไป ดังนั้นเมื่อเกิดภาวะหัวใจหองขวาลมเหลว เลือดจึงไหลทนกลับเขามาบริเวณ centrilobular area กอนCentrilobular hemorrhagic necrosisCVพบเลือดคั่ง (congestion) อยูรอบๆ central vein (CV)


81Shock kidney (Acute tubular necrosis: ATN)เนื้อเยื่อบริเวณ cortex มีสีซีดกวาบริเวณ medulla เนื่องจากเซลลบริเวณ cortex จะตายงายกวาบริเวณ medulla เมื่อขาดเลือดหรือออกซิเจนATN: proximal tubular epithelial cells ตายแบบ coagulative necrosis โดยจะไมเห็นนิวเคลียส แตยังมีเคาโครงของเซลลอยู


82NeoplasiaTeratomaNeoplasia• ในการศึกษาเรื่อง Neoplasia นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ และสามารถยกตัวอยางโรค หรือภาวะไดในหัวขอดังตอไปนี้• Dysplasia : Human Papilloma Virus infection• Benign tumor : Leiomyoma, Lipoma• Malignant tumor : Cancers of the breast, cervix, colon, and lung• Mixed tumor : Pleomorphic adenoma of salivary glands• Teratoma• Metastatic tumor : Liver Metastasis


83Dysplasiaเปนการตอบสนองตอสิ่งกระตุน ทําใหมีการเจริญของเซลลที่ผิดปกติ โดยจะพบวา เซลลที่มีการเจริญแบบผิดปกตินั้นมักจะมี ลักษณะของเซลล และ การเรียงตัวที่ผิดปกติ (Cytological feature of malignancy) คลายกับเซลลมะเร็งแตจะยังไมพบมีการแทรกของเซลลที่ผิดปกตินั้นไปยังเนื้อเยื่อขางเคียงเหมือนกับที่พบในโรคมะเร็ง ถาสิ่งกระตุนหมดไปแลว สามารถกลับสูสภาพเดิมได ในกรณีที่ผิดปกติไมมาก ขณะเดียวกันถาผิดปกติมาก อาจเปนจุดเริ่มตนของมะเร็งได หรือที่เรียกวา Premalignancyเซลลเยื่อบุผิวปากมดลูก (cervix) ที่มีการติดเชื้อ Human papilloma virus(HPV) จะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะเปน Koilocytes นิวเคลียสติดสีเขม รูปรางผิดปกติ (nuclear atypia) รอบ ๆ นิวเคลียสเกิดเปนชองวางใส (perinuclear halo)และเซลลในชั้น basal layer จะเริ่มมีรูปราง และการเรียงตัวที่ผิดปกติ (dysplasia)โดยจะมีจํานวนชั้นที่ผิดปกติหนาขึ้น ตามความรุนแรงของโรคที่เพิ่มขึ้นKoilocytesMild cervical dysplasiawith HPV infectionSevere cervical dysplasiawith HPV infection


84Tumor• คําวา Tumor ตามรากศัพทภาษาลาติน มีความหมายวา เปนกอนเนื้อที่เกิดจากการบวมของเนื้อเยื่อ (Tissue Swelling) แตโดยทั่วไปแลวถูกนํามาใชในความหมายวา เปนกอนเนื้องอก• คําวา Neoplasia หมายถึง กอนเนื้องอกที่เกิดจากการเพิ่มจํานวนและขนาดของเซลล อันเปนผลเนื่องจากสิ่งกระตุนใด ๆ และแมวาสิ่งกระตุนดังกลาวนั้นจะถูกกําจัดไปแลว แตเซลลที่ผิดปกตินั้นก็ยังเพิ่มจํานวนอยูตลอด เนื่องจากสิ่งกระตุนนั้นมีผลตอการเปลี่ยนแปลงอยางถาวรของสารพันธุกรรมที่เกี่ยวของกับการควบคุมการเพิ่มจํานวนของเซลลBenign neoplasm• หมายถึง เนื้องอกไมรายแรงที่ไมพบมีการแทรกหรือรุกรานเนื้อเยื่อปกติขางเคียงและเกิดขึ้นเฉพาะที่โดยไมมีการกระจายไปยังเนื้อเยื่อหรืออวัยวะอื่นๆ และเนื้อเยื่อหรือเซลลของเนื้องอกดังกลาว ก็จะมีลักษณะที่คลายคลึงกับเนื้อเยื่อปรกติ แสดงถึง การพัฒนาที่เกือบปรกติของเนื้อเยื่อหรือเซลลดังกลาว (Well differentiation)• ตัวอยางเนื้องอกชนิดไมรายแรง (benigh neoplasm)– Leiomyoma of uterus– Lipoma


85Leiomyoma of Uterus• หรือเรียกวา Fibroid, Uterine leiomyoma เปนเนื้องอกชนิดไมรายแรง(benign tumor) ของเซลลกลามเนื้อเรียบที่มดลูก (uterus)• ลักษณะเปนกอนรูปรางกลม แข็ง (firm) ขอบเขตชัดเจน (wellcircumscribe) สีของกอนจะเปนสีเทา-ขาว (gray-white) เจริญไดทั้งในชั้นกลามเนื้อ (intramural), ใตชั้นเยื่อบุมดลูกดานใน (submucosal)และใตชั้นเยื่อบุมดลูกดานนอก (subserosal) กอนจะมีลักษณะหนาตัดเปนรูปกนหอย (whorled pattern) เมื่อตรวจดูดวยกลองจุลทรรศนจะพบเซลลกลามเนื้อเรียบ (smooth muscle cells) รูปกระสวยเรียงตัวอัดแนนอยูเปนจํานวนมากUterine leiomyomas


86Lipoma• Lipoma เปนเนื้องอกชนิดไมรายแรง (benign tumor) ของเนื้อเยื่อไขมัน(fat tissue) จัดเปน soft tissue tumor ในผูใหญที่พบไดมากที่สุด(most common in adulthood)• ลักษณะเปนกอน นิ่ม (soft) สีเหลือง เคลื่อนที่ได (mobile) ไมเจ็บ(painless) มีผนังหุมขอบเขตชัดเจน (well encapsulated) พบไดบริเวณใตผิวหนังบริเวณแขนขาสวนตน (proximal) และลําตัว ภายในกอนประกอบดวยเซลลไขมัน (lipocytes) อยูเปนจํานวนมากLipomahttp://www.pathconsultddx.com/images/S1559867506703217/gr1-sml.jpghttp://www.maxillofacialcenter.com/images/lipoma.jpg


87Cancer/ Malignant neoplasm• คําวา Cancer หมายความวา เปนเนื้องอกรายแรงหรือมะเร็ง ซึ่งเกิดจากการเพิ่มจํานวนของเซลลที่ไมสามารถควบคุมไดและเซลลดังกลาวก็มีการเปลี่ยนแปลงรูปรางลักษณะอยางผิดปกติ ตามรากศัพทเดิม คําวา Cancer หมายถึง Crab หรือ ปูเนื่องจากพฤติกรรมของมะเร็งซึ่งมีการเพิ่มจํานวนของเซลลแทรกยื่นหรือรุกรานไปยังเนื้อเยื่อขางเคียงแบบไมมีทิศทางคลายดังขาปูนั้นเอง• การแทรกหรือรุกรานของเซลลมะเร็งไปยังเนื้อเยื่อขางเคียง เรียกวา Invasion• การแพรกระจายไปเติบโตในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะอื่นเรียกวา Metastasis• ตัวอยางของเนื้องอกชนิดรายแรง (Malignant neoplasms)– Breast cancer– Cervical cancer– Colon cancer– Lung cancerBreast cancer• Invasive ductal carcinoma เปนมะเร็งที่เกิดจากเซลลบุของ duct ในเตานม พบมากถึงประมาณรอยละ 65-80 ของมะเร็งเตานมทั้งหมด• กอนมะเร็งจะมีสีขาวออกเหลือง ขอบขรุขระไมเรียบ ตัวกอนเปนเนื้อตันและแข็ง และอาจพบการลุกลามขึ้นมาถึงบริเวณผิวหนัง สังเกตเห็นไดชัดเจน• เมื่อสังเกตดวยกลองจุลทรรศน จะพบเซลลมะเร็งเรียงตัวกันอยางไมเปนระเบียบ นิวเคลียสติดสีเขม รูปรางผิดปกติ nucleoli เดน และมี mitosisมาก


88Breast cancerมะเร็งลุกลามมาถึงผิวหนังขอบเขตไมชัดมีลักษณะคลายขาปูBreast carcinoma เซลลมะเร็งมีnucleus เขมขึ้น nucleoli เดนและมี mitosis มากAbnormal mitosis


89Cervical cancer• Cervical cancer มักเปนชนิด squamous cell carcinoma ซึ่งเจริญมาจากsquamous epithelium โดยปจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ มีความสัมพันธเกี่ยวของกับการมีเพศสัมพันธตั้งแตอายุนอย มีคูเพศสัมพันธจํานวนมากและการติดเชื้อ human papilloma virus (HPV)• ลักษณะของมะเร็งชนิดนี้ สามารถพบไดทั้งแบบที่เปนกอนนูนยื่นออกมาบริเวณปากมดลูก หรือเปนแผลลุกลามเขาไปในผนังปากมดลูก• พบเซลลมะเร็งเรียงตัวกันไมเปนระเบียบ เซลลมีทั้งชนิดที่สราง keratin ซึ่งจะเห็นเปนกลุ มของสารสีชมพู เรียกวา keratin pearl (KP) และเซลลชนิดที่ไมสราง keratin (nonkeratinizing cells)KPมะเร็งปากมดลูก (cervical carcinoma) มักเปนชนิด Squamous cell carcinoma ซึ่งเจริญมาจาก Squamous epithelium กอนมีขอบเขตไมชัด มีการรุกรานไปยังเนื้อเยื่อขางเคียง


90มะเร็งลําไสใหญ (Colon cancer)ขนาดใหญทําใหเกิดการอุดตันของลําไสตามมาได มักเปนชนิดAdenocarcinoma มีการเรียงตัวเปนตอมหรือทอLung carcinoma มะเร็งปอด กอนสีขาวขอบเขตไมชัด สัมพันธกับการสูบบุหรี่


91Mixed tumor of salivary glands(Pleomorphicadenoma)• ซึ่งเปนเนื้องอกชนิดไมรายแรงของตอมน้ําลาย ลักษณะเปนกอนโตชาขอบเขตชัดเจน มักพบเปนกอนบริเวณตอมน้ําลาย parotid glandsประกอบดวยเซลลเนื้องอก 2 กลุมคือ สวนที่เปน Myxoid stroma และสวนที่เปน Epithelial sheets หรือ glandsGlandMyxoid stromaPleomorphic adenoma of parotid gland


92Teratoma• เปนเนื้องอกของ Totopotential cells or Germ cells ซึ่งเปนเซลลที่จะเจริญเปนเนื้อเยื่อในกลุมทั้ง Ectoderm, Mesoderm and Endodermดังนั้นเนื้องอกดังกลาวจะประกอบดวย เซลลเนื้องอกหลากหลายชนิดเชน– Ectoderm: ผิวหนังพรอมทั้งขน และตอมไขมันที่ผิวหนัง เนื้อเยื่อสมอง– Mesoderm: เนื้อเยื่อไขมัน กลามเนื้อ– Endoderm: เยื่อบุทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร• ถาเนื้องอกดังกลาวมีลักษณะคลายถุงน้ําจะเรียกวา Dermoid cystเยื่อบุทางเดินหายใจตอมไขมันMature cystic teratoma or Dermoid cyst of the ovaryเนื้องอกประกอบดวยผม และไขมัน บางครั้งอาจพบฟนไดดวย


93Liver metastasis• มะเร็งที่เกิดบริเวณตับ สามารถแบงออกไดเปน มะเร็งที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของเซลล และเนื้อเยื่อตับเอง (Primary hepatic malignancy)ไดแก Hepatocellular carcinoma และมะเร็งที่แพรกระจายมายังบริเวณตับ (metastatic cacinoma) โดยเฉพาะจาก colon cancer, lungcancer, breast cancer• Liver metastasis จะพบลักษณะของกอนมะเร็ง กระจายอยูทั่วไปในอวัยวะตับ (multiple lesion) ซึ่งเมื่อสังเกตดวยกลองจุลทรรศนจะพบเซลลมะเร็งอยูรวมกันเปนกลุม แทรกอยูระหวางเนื้อเยื่อตับ ซึ่งจะสามารถระบุชนิดของเซลลมะเร็งตนทาง (primary site) ได โดยใชวิธียอมพิเศษLiver metastasishttp://www.medpath.info/MainContent/Neoplasia/121.GIF


95รหัสประจําตัวนิสิต _________ รหัสเลขที่สอบ _____ชื่อ – นามสกุล __________________________คณะ ______________ สาขาวิชา ____________รายงานปฏิบัติการพยาธิวิทยา ครั้งที่ 2เรื่อง Infection, Hemodynamic disorder, Neoplasmวันที่นิสิตมาเขาเรียนปฏิบัติการพยาธิวิทยา และศึกษาดวยตนเอง __________________________1. สาเหตุที่พบบอยที่สุดของ pulmonary edema คืออะไร ____________________________________________________________________________________________________________________2. Petechiae หมายถึงอะไร __________________________________________________________________________________________________________________________________________3. Hemorrhagic infarct หมายถึงอะไร __________________________________________________________________________________________________________________________________4. Dysplasia หมายถึงอะไร ___________________________________________________________________________________________________________________________________________5. Benign tumor หมายถึงอะไร _______________________________________________________________________________________________________________________________________6. Metastasis หมายถึงอะไร __________________________________________________________________________________________________________________________________________7. Teratoma หมายถึงอะไร ___________________________________________________________________________________________________________________________________________8. เชื้อโรคที่พบบอยเปนสาเหตุของโรคปอดบวมคือเชื้ออะไร_________________________________________________________________________________________________________________9. Sulfur granule คืออะไร ___________________________________________________________________________________________________________________________________________10. เชื้อโรคอะไรที่ทําใหเกิดหูดหงอนไก _________________________________________________________________________________________________________________________________คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


975. ปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยาครั้งที่ 3 และรายงานปฏิบัติการ5.1 Cardiovascular system1. Atherosclerosis2. Myocardial Infarction3. Rheumatic Heart Disease4. Infective Endocarditis5. Myocarditis6. Pericarditis5.2 Respiratory system1. Pneumonia2. Pulmonary Tuberculosis3. Pulmonary Aspergillosis4. Emphysema5. Lung cancer5.3 Nervous system1. Epidural Hematoma2. Subarachnoid Hemorrhage3. Brain (lacuna) Infarction4. Acute Bacterial Meningitis5. Brain Abscess6. Meningioma7. Glioblastoma Multiforme5.4 Gastrointestinal system1. Peptic Ulcer2. Stomach Cancer3. Pseudomembranous Colitis4. Diverticular Disease5. Polyp and Colon Cancer6. Cirrhosis7. Liver Cancerคูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


99Cardiovascular systemMyocardial infarctionCardiovascular system• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในระบบ Cardiovascular system นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะดังตอไปนี้• Atherosclerosis• Myocardial infarction• Rheumatic heart disease• Infective endocarditis• Myocarditis• Pericarditis


100กายวิภาคปกติของหัวใจและหลอดเลือดแดงใหญ• รูปที่ 1. ภาพหัวใจปกติและหลอดเลือดแดงใหญ aorta– AcA = Ascending aorta– AoA = Aortic arch– PT = Pulmonary trunk– DA = Descending aorta– RA = Right atrium– LA = Left atrium– RV = Right ventricle– LV = Left ventricle– RCA = Right coronary artery– LCA = Left coronary artery2.Ao1.OCSVAcAAoACRAPTLA3.RCALCADAARRVLVVLApexPMCT


101กายวิภาคปกติของหัวใจและหลอดเลือดแดงใหญ• รูปที่ 2. ลิ้นหัวใจ semilunar valve (aortic และ pulmonary valve)– Ao = Aortic root– C = Cusp of valve– SV = Sinus of Vulsava– OC = Opening of Coronary artery (at aorta valve)• รูปที่ 3. ลิ้นหัวใจ Atrioventricular valve (tricuspid และ mitral valve)– VL = Valve leaflet– PM = Papillary muscle– CT = Cordae tendineae– AR = Annular ring2.Ao1.OCSVAcAAoACRAPTLA3.RCALCADAARRVLVVLApexPMCT


102ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว(atherosclerosis)• ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว หรือ atherosclerosis เกิดในหลอดเลือดขนาดใหญและขนาดกลางไดแก aorta, coronary artery, carotidartery เปนสาเหตุของภาวะกลามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน (stroke) สาเหตุเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือดเนื่องไดรับ injury ตางๆ ไดแก สารเคมีในควันบุหรี่ ความดันโลหิตสูง โคเลสเตอรอลในเลือดสูง และโรคเบาหวาน ทําใหมีการทํางานที่ผิดปกติของเซลลเยื่อบุหลอดเลือด (endothelial dysfunction) ทําใหมีสารไขมันสะสมในผนังหลอดเลือด รวมกับมีเซลลอักเสบเขามาทําลายเกิดเปนกอนแข็งนูนขึ้นมา เรียกวา atheromatous plaque ในรูปเปนatheroslcerosis ของ aortaSevereModerateMildAtherosclerosis


103ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว(atherosclerosis)• รูปที่ 1. เปน histology ของ normal coronary artery ผนังหลอดเลือดประกอบดวย 3 ชั้น คือ1. Tunica intima ชั้นในสุดประกอบดวย endothelium และ internal elasticlamina2. Tunica media ชั้นกลางประกอบดวย smooth muscle และ elastic fibersเปนสวนใหญ3. Tunica adventitia ชั้นนอกสุดประกอบดวย connective tissue หลอดเลือดขนาดเล็กและเสนประสาท1. 2.Tunica adventitiaTunica mediaTunica intimaLumenFCLC


104ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว(atherosclerosis)• รูปที่ 2. หลอดเลือด coronary artery ที่มี atheromatous plaqueประกอบดวย1. Fibrous cap (FC) สวนบนสุด ประกอบดวย fibrous collagen, smoothmuscle cells และ เซลลอักเสบ2. Central lipid core (LC) สวนแกนในของ plaque ประกอบดวยไขมันชนิดcholesterol และเศษเซลลที่ตายPlaque ที่โตมากๆจะอุดตัน ทําให lumen ตีบเล็กลง สงผลใหเลือดไปเลี้ยงของอวัยวะไมเพียงพอ ทําใหเกิดภาวะ ischemia1. 2.Tunica adventitiaTunica mediaTunica intimaLumenFCLC


105ลิ่มเลือด (thrombus) ในหลอดเลือด coronary ที่แข็งตัว• รูปที่ 1. เปนหนาตัดของหลอดเลือด coronary artery (CA) ซึ่งมีลิ่มเลือด (Tb) อุดภายใน• รูปที่ 2. เปน histology section แสดงใหเห็นถึงลิ่มเลือด (Tb) ที่อุดlumen ทั้งหมด และมี atheromatous plaque ของผนังหลอดเลือดดวยTM = tunica mediaAP = atheromatous plaqueTb = thrombus1. 2.CATbTbAPTM


106ภาวะกลามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด(myocardial infarction)• รูปที่ 1. เปนหัวใจหลังจากเกิดกลามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดไดประมาณ 5-10 วัน บริเวณที่มีพยาธิสภาพคือ anterior wall ของ leftventricle และ interventricular septum (IS) ประกอบบริเวณเนื้อตาย(NZ=necrotic zone) และลอมรอบดวยบริเวณที่มีการอักเสบ(HZ=hyperemic zone)PW = posterior wallRV = right ventricleLV = left ventricle1. 2.HRPWLVNZCpISRVRCNuMyocardial infarction


107ภาวะกลามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด(myocardial infarction)• รูปที่ 2. เปนภาพ histology ของบริเวณกลามเนื้อหัวใจตาย จะเห็นcytoplasm (Cp) สีชมพูของกลามเนื้อหัวใจที่ไมมี nucleus หรือnucleus (Nu) กําลังหายไป การตายของเซลลแบบนี้เรียกวาcoagulative necrosisนอกจากนี้ยังมีเลือดออกระหวางเซลลกลามเนื้อหัวใจดวยเนื่องจากมีการทําลายของหลอดเลือด capillary ที่ไปเลี้ยงเซลลกลามเนื้อหัวใจRC = red blood cells1. 2.HRPWLVNZCpISRVRCNuMyocardial infarction


108โรคหัวใจรูมาติก (rheumatic heart disease)• โรคหัวใจรูมาติกเกิดจากการติดเชื้อ group A β-hemolyticstreptococcus ที่ลําคอ ในระยะแรกมีอาการไอ เจ็บคอ (pharyngitis)หลังจากนั้นประมาณ 3-6 สัปดาห อาการเจ็บคอหายไป รางกายมีการสราง antibody ตอเชื้อขึ้นมา แตบางคน antibody ตัวนี้จะไปทําลายเนื้อเยื่อของรางกายดวยทําใหเกิดโรคไขรูมาติกขึ้นมา (rheumaticfever) ถามีพยาธิสภาพของหัวใจดวย เรียกวา rheumatic heartdisease ซึ่งพยาธิสภาพที่หัวใจ ไดแกการอักเสบของลิ้นหัวใจ(rheumatic valvular disease) การอักเสบของกลามเนื้อหัวใจ(myocarditis) และการอักเสบของเยื่อหุมหัวใจ (pericarditis)โรคหัวใจรูมาติก (rheumatic heart disease)• รูปที่ 1. ใหดูการอักเสบของกลามเนื้อหัวใจในคนที่เปนโรครูมาติกบริเวณรอบๆหลอดเลือด (BV) ในชั้นกลามเนื้อหัวใจ มีเซลลอักเสบชนิดmacrophage มารวมกลุมกัน เรียกวา Aschoff bodies (AB)• รูปที่ 2. ขยายใหดู Aschoff body ซึ่งกระกอบดวย macrophage ที่ตัวใหญขึ้น มี cytoplasm สีแดง และมี nucleus กลมหรือรีตรงกลางchromatin จะรวมกลุมกันคลายตัวหนอน เราเรียกเซลลลักษณะแบบนี้วา Anitschkow cells หรือ caterpillar cell


1091.ABBVMCRheumaticheart disease2.Anitschkow cellRheumaticheart disease


110การอักเสบติดเชื้อของลิ้นหัวใจ(infective endocarditis)• เชื้อที่เปนสาเหตุของการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจที่พบบอยที่สุดคือ S. viridans และS. aureus เกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียหลุดเขามาในกระแสเลือดแลวมาเกาะที่ลิ้นหัวใจทําใหเกิดการติดเชื้อขึ้น• รูปที่ 1. เปนลิ้นหัวใจ aortic valve (AV)ที่มีเชื้อแบคทีเรียมาจับและเพิ่มจํานวนขึ้นมาจํานวนมากจนเกิดเปนกอนขึ้นมาเรียกวา vegetation (Vg)• รูปที่ 2. เปน histology ของ vegetation ที่ลิ้นหัวใจ บริเวณกอนสีน้ําเงินที ่อยูใตลิ้นหัวใจ (valve leaflet [Lvf]) คือบริเวณที่มีเชื้อแบคทีเรียรวมกลุมกันอยูAoAV1.VgLVMVVLfInfective endocarditisVg2.


111โรคกลามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis)• สาเหตุของกลามเนื้อหัวใจอักเสบที่พบบอยที่สุดคือ การติดเชื้อไวรัสไดแก coxsackievirus, ECHO, CMV เชื้อชนิดอื่นอาจทําใหเกิดการอักเสบที่กลามเนื้อหัวใจได แตพบไดนอยกวา เชน Clamydiae,Trypanosoma เปนตน นอกจากนี้คนที่เปนโรค SLE, rheumatic feverอาจมีการทําลายกลามเนื้อหัวใจจาก immune ที่ผิดปกติไป• จากรูป แสดงกลามเนื้อหัวใจที่มีการอักเสบซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสจะพบเซลลอักเสบชนิด lymphocyte (Lm) เขามาทําลายเซลลกลามเนื้อหัวใจ (Mc) โดยตรงMcLmMyocarditis


112การอักเสบของเยื่อหุมหัวใจ (pericarditis)• รูปที่ 1. เปนการอักเสบของเยื่อหุมหัวใจที่มีหนองเกิดขึ้น (suppurativepericarditis) สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย• รูปที่ 2. เปนการอักเสบของเยื่อหุมหัวใจทีมีเลือดออกรวมดวย(hemorrhagic pericarditis) สาเหตุอาจเกิดจากการแพรกระจายของมะเร็ง• รูปที่ 3. เปนการอักเสบที่เรียกวา fibrinous pericarditis มีสาร fibrinจากในเลือดมาคลุมที่ผิวหัวใจ ทําใหมีสีเหลือง สาเหตุอาจเกิดจากrheumatic fever, uremia, SLE เปนตน3.2.1.Pericarditis


113Respiratory SystemPulmonaryTuberculosisRespiratory System• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในระบบ Respiratory System นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะ ดังตอไปนี้• Normal lung anatomy• Pneumonia:– Lobar pneumonia– Bronchopneumonia• Lung abscess• Pulmonary tuberculosis• Pulmonary aspergillosis• Emphysema• Lung cancer


114กายวิภาคปกติของปอด• รูปที่ 1. เนื้อปอดปกติจะมีหนาตัดสีน้ําตาลออนคลายฟองน้ําประกอบดวยหลอดลม brunchus (Bc) และเนื้อปอด lung parenchyma(Lu) นอกจากนี้ยังมีเสนเลือด pulmonary vessels นําเลือดดําจากหัวใจมายังปอดและนําเลือดแดงจากปอดกลับสูหัวใจ brunchus ทําหนาที่นําอากาศเขาออกปอด และ lung parenchyma ทําหนาที่แลกเปลี่ยนกาซ• รูปที่ 2. เปน histology ของเนื้อปอดแสดงใหเห็นถุงลม Alveolar spaces(AS) เปนชองวางๆ ที่ลอมรอบดวยผนังบางๆที่ประกอบดวย epitheliumและ capillariesNormal lungLuBcPVAS1 2


115โรคปอดบวม (pneumonia)• เกิดจากการติดเชื้อของปอดทําใหมีเซลลอักเสบและสารน้ําคั่งอยูในถุงลมเชื้อที่เปนสาเหตุที่พบบอยคือ Streptococcus pneumoniae,S. aureus, H. influenzae• รูปที่ 1. เปนภาพปอดขางขวาที่ติดเชื้อ บริเวณที่มี pneumonia คือกลีบลางของปอดที่เห็นเปนเนื้อแนนๆสีขาวๆ (ลูกศร) เรียกวา lobarpneumonia• รูปที่ 2. เปนภาพ histology แสดงใหเห็นเซลลอักเสบชนิด neutrophilจํานวนมากในถุงลมLobar pneumonia1 2


116Bronchopneumonia• รูปที่ 1. ภาพเอกซเรยปอดของคนไขที่เปน bronchopneumonia จะมีจุดสีขาวกระจายไปทั่วปอดสองขางตามแนวของ หลอดลมขนาดเล็ก• รูปที่ 2. ภาพปอดขางซาย มีจุดสีขาวปนเหลืองกระจายทั่วตามบริเวณหลอดลมขนาดเล็ก ถาตัดชิ้นเนื้อไปดูลักษณะทาง histology ก็จะพบเซลลอักเสบจําพวก neutrophil จํานวนมากอยูตามหลอดลมขนาดเล็กหลอดลมฝอยและในถุงลมBronchopneumonia1 2


117• ภาพเอกซเรยฝในปอดLung abscess• รูปที่ 1. ภาพดานตรง จะเห็นโพรงบริเวณปอดขวาบน มีขอบเขตสีขาว(ลูกศร)• รูปที่ 2. ภาพดานขาง เห็นลักษณะของ air-fluid level (ลูกศร)โดยสวนที่เปนน้ําจะเห็นเปนสีขาวทึบ สวนที่เปนอากาศจะเปนสีดําLung abscess1 2


118Lung abscess (ฝในปอด)• สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ชนิดรุนแรง มีการเนาตายของเนื้อปอดเปนบริเวณกวาง• รูปที่ 1. จะเห็นโพรงบริเวณปอด ภายในมีเศษเนื้อที่เนาตายอยู (ลูกศร)เปนการตายแบบ liquefactive necrosis• รูปที่ 2. ภายใน alveoli จะพบเซลลอักเสบจําพวก neutrophil เศษเซลลที่ตาย และมีการทําลายบริเวณผนังกั้นของ alveoliLung 1 abscess112


119วัณโรคปอด (pulmonary tuberculosis)• เกิดจากการติดเชื้อ Mycobacterium tuberculosis• รูปที่ 1. เปนปอดขางซายที่เปนวัณโรค บริเวณที่มีจุดหรือกอนสีเหลืองคือตําแหนงที่มีการติดเชื้อ (ลูกศร)• รูปที่ 2. เปนภาพ histology ของปอดที่มี granuloma ลักษณะของgranuloma คือเปนกอนประกอบดวย multinucleated giant cells (MG),epitheliod histiocytes (EH), และตรงกลางเปนสวนของเนื้อตายที่เรียกวาcaseous necrosis (CN, รูปที่ 3) เราสามารถเห็นเชื้อโรคไดถานําไปยอมacid fast stain โดยเห็นเปนแบคทีเรียรูปแทงติดสีแดง(รูปที่ 4)Pulmonary tuberculosisMG1 2


120CN3EHCaseous necrosis (CN) Epitheloid histiocytes (EH)4Acid fast bacilli


121Pulmonary Aspergillosis• เชื้อราที่ทําเกิดการติดเชื้อในปอดที่พบบอยไดแก Aspergillus, Mucor,และ Candida แตตัวที่พบบอยสุดคือราดํา Aspergillus• รูปที่ 1. เปนปอดขางซายที่มีการติดเชื้อรา ตําแนงที่ผิดปกติคือกลีบบนของปอด จะเห็นมีโพรงซึ่งชองวางขางในมีกอนราสีเหลืองอยู (ลูกศร)• รูปที่ 2. เปน histology ที่ยอมดวยสี GMS แสดงใหเห็นสายรา ที่มีลักษณะแตกออกเปนแขนงคลายกิ่งไม ทํามุมประมาณ 45 องศา ในแตละปลองจะมีผนังกั้นอยูเปนชวงๆ เรียกวา septumPulmonary Aspergillosis2.12


122ถุงลมโปงพอง (emphysema)• โรคถุงลมโปงพองมักพบในคนที่สูบบุหรี่จัด มานานๆ เกิดจากสารพิษในควันบุหรี่ไปทําลายผนังถุงลม ทําใหถุงลมมีขนาดใหญขึ้น พื้นที่ในการแลกเปลี่ยนกาซลดลง• รูปที่ 1. เปนหนาตัดของปอด จะเห็นเนื้อปอดที่มีชองวางขนาดเล็กใหญกระจายอยูทั่วไปในเนื้อปอด• รูปที่ 2. แสดงใหเห็นถึงถุงลมที่มีขนาดใหญขึ้น เนื่องจากผนังกั้นถุงลมแยกออกจากกันEmphysema1 2


123มะเร็งปอด (lung cancers)• สาเหตุของมะเร็งปอดที่สําคัญคือควันบุหรี่ซึ่งมีสารกอมะเร็งอยูหลายชนิด มะเร็งปอดที่พบบอยคือ squamous cell carcinoma และadenocarcinoma• รูปที่ 1. เปนกอนมะเร็งขนาดใหญสีขาวเหลือง อยูติดกับ trachea และbrunchus (ลูกศร)• รูปที่ 2. เปน histology ของมะเร็งชนิด squamous cell carcinomaSquamous cell carcinoma of lung1 2


124Adenocarcinoma of Lung• มะเร็งปอดชนิด adenocarcinoma• รูปที่ 1. เห็นกอนสีขาวขอบเขตไมชัดบริเวณปอดกลีบบน (ลูกศร)• รูปที่ 2. เปนลักษณะ histology ของ adenocarcinoma จะพบวาเซลลมะเร็งมีการเรียงตัวเปนตอม (gland)Adenocarcinoma of lung12


125Central Nervous SystemSubarachnoid hemorrhageCentral Nervous System• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในระบบ Central Nervous System นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะ ดังตอไปนี้• Epidural hematoma• Subarachnoid hemorrhage• Brain (lacunar) infarction• Acute bacterial meningitis• Brain abscess• Meningioma• Glioblastoma multiforme


126Epidural hematoma• รูปที่ 1 มีเลือดออกระหวางกะโหลกศีรษะและเยื่อหุมสมองชั้นนอก(dura) เกิดจากการฉีกขาดของ middle meningeal artery สาเหตุที่ทําใหเสนเลือดฉีกขาดไดแกโดนตีหรือกระแทกบริเวณขมับEpidural hematoma1


127Subarachnoid hemorrhage• รูปที่ 2 มีเลือดออกในชั้น subarachnoid space จะเห็นเลือดคลุมบนเยื่อหุมสมองชั้นในสุด (pia) สาเหตุที่พบบอยคือ เกิดจากการแตกของเสนเลือดเลี้ยงสมองที่โปงออกมาผิดปกติ เรียกวา berry aneurysmSubarachnoid hemorrhage2


128Lacunar infarction• Infarction เปนการตายของเนื้อสมองเนื่องจากการขาดเลือด• รูปที่ 1. เปนภาพหนาตัดของสมองแสดงใหเห็นบริเวณที่มีการตาย(ลูกศร) ขนาดเล็กที่บริเวณ pons ของ brain stem เรียกวา lacunarinfarction• รูปที่ 2. เปน histology แสดงใหเห็นบริเวณที่มีการตาย เนื้อสมองจะหายไปเกิดชองวางขึ้นมา การตายของเซลลสมองแบบนี้เรียกวาliquefactive necrosisLacunar infarction12


129Acute bacterial meningitis• เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของเยื่อหุมสมอง (leptomeninge) เชื้อที่เปนสาเหตุที่พบบอยไดแก S. pneumoniae, H. influenza,N. miningitidis• รูปที่ 1. แสดงใหเห็นเยื่อหุมสมองขาวขุนเนื่องจากมีหนองคลุมอยูที่ผิว• รูปที่ 2. เปน histology ของพยาธิสภาพจะเห็นเซลลอักเสบชนิดneutrophils จํานวนมากอยูบนผิวสมองในชั้น subarachnoid space1Acute bacterial meningitisSubarachnoid spacecerebrum12


130Brain abscess• เปนฝหรือหนองที่เกิดในเนื้อสมองเกิดจากการติดเชื้อ สวนมากเปนเชื้อS. aureus เชื้อปรสิตเชน ameoba และเชื้อราตางๆ อาจทําใหเกิดฝไดเชนกัน• รูปที่ 1. เปนโพรงฝ (ลูกศรชี้) ที่เกิดที่ cerebrum ของสมอง• รูปที่ 2. เปน ภาพ histology แสดงใหเห็นโพรงฝที่มีเซลลอักเสบชนิดneutrophils จํานวนมาก และลอมรอบดวย fibrous tissue (บริเวณติดสีน้ําเงิน)Brain abscessabscess12


131Meningioma• เปนเนื้องอกสมองชนิดไมรายแรงเกิดจากเซลลบุเยื่อหุมสมอง• รูปที่ 1. แสดงใหเห็นกอนเนื้องอกที่ติดอยูกับ falx cerebri ซึ่งอยูบริเวณกลางของกะโหลกศีรษะ• รูปที่ 2. เปน histology แสดงใหเห็นเซลลเนื้องอกที่มารวมกันเปนกลุมขดกันเหมือนกนหอยMeningioma1 2


132Glioblastoma multiforme• เปนเนื้องอกสมองชนิดรายแรงเกิดจากความผิดปกติของยีนในเซลลสมองชนิด glia cells• รูปที่ 1. แสดงใหเห็นบริเวณที่เปนเนื้องอก (ลูกศรชี้) ซึ่งมีเลือดออก• รูปที่ 2. เปน histology ของเนื้องอกจะเห็นเซลลมะเร็งมาเรียงตัวกันลอมรอบสวนที่เปนเนื้อตาย (pseudopalisading necrosis)Glioblastoma multiformenecrosis1 2


133Gastrointestinal & Hepatobiliary SystemPeptic ulcerGastrointestinal & Hepatobiliary System• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในระบบ Gastrointestinal & Hepatobiliary System นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะ ดังตอไปนี้• โรคแผลกระเพาะอาหาร (peptic ulcer)• กระเพาะอาหารอักเสบจากเชื้อ H. pylori• มะเร็งกระเพาะอาหาร• Pseudomembranous colitis• Diverticular disease• เนื้องอกรวมทั้งมะเร็งของลําไสใหญ• ตับแข็ง (cirrhosis)• มะเร็งตับ (hepatocellular carcinoma)


134แผลในกระเพาะอาหาร (peptic ulcer)• แผลในกระเพาะอาหารเกิดจากการยอยสลายเยื่อบุกระเพาะอาหารโดยเอนไซมและกรดจากกระเพาะอาหาร ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทําลายเมือกที่คลุมผิวเยื่อบุโดยเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori• รูปที่ 1. ลักษณะแผล peptic ulcer ที่กระเพาะอาหาร จะเห็นขอบแผลชัดเจนและกนแผลคอนขางสะอาด• รูปที่ 2. เปน histology ของแผลแสดงใหเห็นสวน mucosa หายไปและมีเซลลอักเสบคลุมอยูบนกนแผล (ulcer base)Peptic ulcer1 2


135H. pylori gastritis• กระเพาะอาหารอักเสบจากการติดเชื้อ Helicobacter pylori• รูปที่ 1. เปน histology ของเยื่อบุกระเพาะอาหารที่มีการอักเสบเกิดขึ้นจะเห็นเซลลอักเสบชนิด lymphocyte และ neutrophil แทรกอยูในlamina propia• รูปที่ 2. เปนการยอมพิเศษแสดงใหเห็นถึง H. pylori ที่มีลักษณะเปนแทงบิดเกลียว (ลูกศร) อยูในทอของผิวเยื่อบุกระเพาะอาหารH. pylori gastritis1. 2


136มะเร็งกระเพาะอาหาร (stomach cancer)• มะเร็งของกระเพาะอาหารที่พบบอยคือ adenocarcinoma อาจเกิดจากการติดเชื้อ H. pylori เปนเวลานานๆ• รูปที่ 1. เปนกระเพาะอาหารที่มีกอนมะเร็งนูนสีเหลือง และมีเลือดออก• รูปที่ 2. เปน histology ของ adenocarcinoma ซึ่งจะเห็น abnormalglands แทรกอยูในชั้นกลามเนื้อของผนังกระเพาะอาหารStomach cancer112


137Pseudomembranous colitis• เปนการอักเสบของลําไสใหญเกิดจากพิษ (exotoxin) ของเชื้อClostridium diffici ซึ่งเจริญมากขึ้นกวาปกติเนื่องจากคนไขไดรับยาantibiotics ที่ไปทําลาย normal flora ที่อยูในลําไสใหญ• รูปที่ 1. เปน mucosa ของลําไสใหญที่คลุมดวยปนสีเหลืองออนกระจายอยูทั่วๆไป• รูปที่ 2. ใน histology จะเห็นวาแผน membrane ที่ประกอบดวยเซลลที่ตายคลุมอยูบนผิวเยื่อบุลําไสใหญPseudomembranous colitis12


138Diverticular disease• เปนการยื่นออกไปของผนังลําไสออกไปขางนอกที่บริเวณ serosa เกิดจากการที่มีความดันภายในทอลําไสมากขึ้น เชนคนที่ทองผูกเรื้อรัง ทําใหผนังลําไสสวนที่ออนแอยื่นออกไปเกิดเปน diverticulum• รูปที่ 1. เปน diverticula มีลักษณะเปนกระเปาะ ที่ชองภายในติดตอกับทอลําไส อาจพบอุจจาระอุดอยูภายในได• รูปที่ 2. เปน histology แสดงใหเห็นผนังของ diverticula มีลักษณะเชนเดียวกับผนังลําไสปกติ เพียงแตโปงเปนกระเปาะ (ลูกศร)Diverticular disease12


139Adenomatous polyp (adenoma)• เปนเนื้องอกไมรายแรงของลําไสพบไดทั้งในกระเพาะอาหาร ลําไสเล็กและลําไสใหญ• รูปที่ 1. เปนกอนเนื้องอก (ลูกศร) ที่ยื่นเขามาในทอลําไสใหญ ลักษณะกอนที่ยื่นเชนนี้เรียกวา polyp• รูปที่ 2. เปน histology ของกอน polyp จะเห็น glands ที่เจริญมากขึ้นผิดปกติใน mucosa ของลําไสใหญ แตยังไมมีการลุกลามลงมาในชั้นsubmucosa เราเรียก polyp ชนิดนี้วา adenomatous polyp หรือadenomaAdenomatous polyp (adenoma)adenoma1Normalmucosa2


140มะเร็งลําไสใหญ (colon cancer)• ปจจัยเสี่ยงของมะเร็งลําไสใหญคือการรับประทานอาหารที่มีกากนอยและพันธุกรรม สวนใหญเปนมะเร็งชนิด adenocarcinoma• รูปที่ 1. แสดงใหเห็นมะเร็ง (ลุกศรชี้) ของลําไสใหญ มีลักษณะเปนแผลขอบยกขึ้นมา และมีการลุกลามไปที่บริเวณ serosa ดวย• รูปที่ 2. เปน histology ของ adenocarcinoma ที่ประกอบดวยmalignant glands แทรกอยูในชั้นกลามเนื้อของผนังลําไสใหญColon cancer1 2


141โรคตับแข็ง (Liver cirrhosis)• เปน end stage ของโรคตับตางๆ มีการทําลายเซลลตับและมีการแทนที่ดวย fibrous tissue ทําใหตับมีลักษณะเปนกอนแข็งๆ มีการสูญเสียการทํางานของตับไปดวย สาเหตุของ liver cirrhosis ไดแก alcohol, viralhepatitis, toxin• รูปที่ 1. ตับที่เปน cirrhosis จะมีขนาดเล็กลง ผิวขรุขระเปนกอนๆ• รูปที่ 2. เปน histology ของ liver cirrhosis แสดงใหเห็นลักษณะกอนๆของ regenerative nodule ของเซลลตับที่ลอมรอบดวย fibrous bandsLiver cirrhosis1 2


142มะเร็งตับ (liver cancer)• มะเร็งตับชนิดที่พบบอยที่สุดคือ hepatocellular carcinoma หรือhepatoma มักพบในคนที่ดื่มแอลกอฮอล คนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเปนตน สวนมะเร็งตับชนิด cholangiocarcinoma มักพบในคนที่มีพยาธิใบไมในตับ• รูปที่ 1. เปนกอนมะเร็งชนิด hepatocellular carcinoma ที่ตับ ลักษณะหนาสีเขียวๆ เนื่องจากมีการสราง bile• รูปที่ 2. เปน histology ของมะเร็งชนิดนี้ ซึ่งเซลลมะเร็งจะดูคลายhepatocyte ของตับLiver cancer1 2./2


143รหัสประจําตัวนิสิต _________ รหัสเลขที่สอบ _____ชื่อ – นามสกุล __________________________คณะ ______________ สาขาวิชา ____________รายงานปฏิบัติการพยาธิวิทยา ครั้งที่ 3เรื่อง Cardiovascular system, Respiratory system, Nervous system,Gastrointestinal systemวันที่นิสิตมาเขาเรียนปฏิบัติการพยาธิวิทยา และศึกษาดวยตนเอง __________________________1. Atherosclerosis คือภาวะใด และจะพบลักษณะทางกลองจุลทรรศนอยางไรบาง _________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________2. Myocardial infarction จะพบการตายเซลลกลามเนื้อหัวใจ ชนิดใด _________________________________________________________________________________________________________3. เชื้อที่เปนสาเหตุของ Infective endocarditis ที่พบไดบอยที่สุด ไดแก _______________________________________________________________________________________________________4. พยาธิสภาพที่เกิดจากการติดเชื้อ M. tuberculosis มีลักษณะเปนอยางไร และเรียกชนิดของการอักเสบวาอยางไร _________________________________________________________________________________________________________________________________________________5. การสูบบุหรี่ ทําใหเกิดพยาธิสภาพที่ปอดอยางไรบาง _____________________________________________________________________________________________________________________6. สาเหตุของการเกิด Subarachnoid hemorrhage ที่พบบอย ไดแก _________________________________________________________________________________________________________7. เชื้อที่พบเปนสาเหตุของ Acute bacterial meningitis ไดแก ______________________________________________________________________________________________________________8. การติดเชื้อ H. pylori มีความสัมพันธกับการเกิดโรคใดบาง _______________________________________________________________________________________________________________9. Polyp คืออะไร ___________________________________________________________________________________________________________________________________________________10. สาเหตุของ liver cirrhosis ไดแก ____________________________________________________คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


144


1456. ปฏิบัติการวิชาพยาธิวิทยาครั้งที่ 4 และรายงานปฏิบัติการ6.1 Reproductive system1. Male Reproductive System2. Female Reproductive System6.2 Urinary system1. Hydronephrosis and Stone2. Polycystic Kidney3. Bladder Cancer4. Renal Cell Carcinoma6.3 Endocrine system1. Adenomatous Goiter2. Follicular Adenoma3. Thyroid Cancer (papillary carcinoma)6.4 Perinatal pathology1. Hydrop Fetalis2. Hydrocephalus3. Gastrochisis4. Anencephaly5. Siamese twins6. Cyclopsคูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


146


147Reproductive SystemBreast cancerReproductive System• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในระบบ Reproductive System นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะ ดังตอไปนี้Male Reproductive system- Benign Prostatic Hyperplasia(BPH)- Prostatic cancer- Paraffinoma- Squamous cell carcinoma ofpenisFemale reproductive system- Breast: Fibroadenoma, Fibrocysticchange, Invasive ductal carcinoma- Cervix: Squamous cell carcinoma- Uterus: Leiomyoma, Adenomyosis,Endometrial carcinoma- Fallopian tube: Ectopic pregnancy- Ovary: Mucinous carcinoma- Hydatidiform mole


148Benign Prostatic Hyperplasia (BPH)• ตอมลูกหมากเกิด hyperplasia ของ Gland และ fibromuscular stroma แลวจัดเรียงตัวเปน nodule กดเบียดทอทางเดินปสสาวะ (urethra) ทําใหผูปวยมีอาการปสสาวะลําบาก ไมพุง หรือมีปสสาวะคั่งคาง และเกิดการติดเชื้อตามมา• รูปที่ 1 ตอมลูกหมากจะมีขนาดใหญขึ้น น้ําหนักเพิ่มขึ้น และมีความแข็งหยุนคลายยางลบ หนาตัดมีลักษณะเปน nodule ขนาดตาง ๆ สีออกเหลือง พบอยูมากบริเวณรอบ ๆ ทอทางเดินปสสาวะ• รูปที่ 2 แสดงการเพิ่มจํานวนของเซลล และ fibromuscular stromaUrethra1 2Benign Prostatic Hyperplasia (BPH)


149มะเร็งตอมลูกหมาก (Adenocarcinoma of prostate)• สวนใหญเกิดบริเวณรอบนอก โดยเฉพาะอยางยิ่งบริเวณดานหลัง(Posterior lobe) มีสีเหลืองเขม และบางบริเวณอาจคลําดูแข็งคลายหิน• รูปที่ 1 เซลลมะเร็งเริ่มจากบริเวณรอบนอก (peripheral zone) เห็นเปนจุดสีเหลือง ขอบเขตไมชัดเจน• รูปที่ 2 ลักษณะทาง histology พบเซลลมะเร็งมี nucleoli ชัดเจน เรียงตัวเปนตอมAdenocarcinoma of Prostate gland121


150Paraffinoma• เกิดจากการฉีดสาร หรือสิ่งแปลกปลอม เขาใตผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ เชน น้ํามันมะกอก หรือ พาราฟน• ผิวหนังบริเวณจะเกิดปฏิกิริยาอักเสบ ตอตานสิ่งแปลกปลอม และ/หรือ การอักเสบจากการติดเชื้อ มีการทําลายเนื้อเยื่อตามมา• รูปที่ 1 ใตผิวหนังมีลักษณะเปนมันลื่น สี เหลือง ซึ่งเกิดจากการฉีดสารแปลกปลอมเขาไป• รูปที่ 2 เมื่อดูดวยกลองจุลทรรศนจะเห็นชองวางมากมายในชั้น Subcutaneouslayer ซึ่งเปนบริเวณที่เคยมีสารแปลกปลอมอยู, มีเซลลอักเสบจํานวนมาก, มีการทําลายเนื้อเยื่อปกติ, และการซอมแซมแทนที่เนื้อเยื่อดวย fibrous tissueParaffinoma1 2


151Squamous cell carcinoma of penis• พบไดบอยสุดของเนื้องอกองคชาติ• สัมพันธกับการติดเชื้อ HPV และ poor hygiene• รูปที่ 1, 2 แสดงลักษณะของเนื้องอก เปนสีขาวเทา ขอบไมชัด บริเวณglans penis และ prepuce• รูปที่ 3 แสดงลักษณะเนื้องอกมีการลุกลามลงมาถึงชั้นใตผิวหนัง• รูปที่ 4 แสดงลักษณะของ squamous cell carcinoma ซึ่งมี keratin pearlsเห็นเปนวงสีสมดังลูกศรSquamous cell carcinoma of penis1 2


152Squamous cell carcinoma of penis3Squamous cell carcinoma of penis4Keratin pearls


153Fibroadenoma• เปนเนื้องอกชนิดไมรายแรง (benign tumor) ของเตานมที่พบไดบอยที่สุด• รูปที่ 1 ลักษณะเปนกอนกลมหรือรี คอนขางแข็ง ขนาดประมาณ 1-4เซนติเมตร สีขาวเทา ขอบเขตของกอนชัดเจน และแยกออกจากเนื้อเตานมรอบขางไดงาย• รูปที่ 2 มีการเพิ่มจํานวนมากขึ้นของ fibroblastic stroma และ duct ซึ่งในบางชนิดของ fibroadenoma, duct จะถูกกดเบียดใหแบนจนมีลักษณะที่เรียกวา slit-like หรือ cleft• เนื้องอกชนิดนี้ มีรายงานการกลายเปนมะเร็งนอยมากFibroadenoma of breaststromaduct1 2


154Fibrocystic change• เปนภาวะที่น้ําขังอยูในเนื้อเตานม อยูกันเปนหยอมๆ ทําใหเวลาตรวจดูจะพบเปนถุงน้ํา หรือ เมื่อคลําจากภายนอก ก็ไดเปนกอนในเนื้อนม• เชื่อวาการเปลี่ยนแปลงระดับฮอรโมนเอสโตรเจนมีสวนทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเตานม และในที่สุดก็เปนซีส• รูปที่ 1 หนาตัดของเตานมที่มีถุงน้ํา ซึ่งภายในถุงน้ําจะมีของเหลวสีใส แตบางครั้งเกิดมีเลือดออกเกาก็จะเปนสีน้ําตาล เนื้อเตานมรอบถุงน้ํามัก เปนพังผืด มีลักษณะแนนสีขาว• รูปที่ 2 ลักษณะทาง histology พบ epithelial cell แบงตัวเพิ่มขึ้น สลับกับบริเวณที่เปนถุงน้ําและพังผืดFibrocystic change ofbreast12


155มะเร็งเตานม• ที่พบบอยเปนชนิด Invasive ductal carcinoma เกิดจากเซลลเยื่อบุของทอในเตานม• รูปที่ 1 กอนมะเร็งสีขาวขอบไมชัดลุกลามมาถึงผิวหนังของเตานม• รูปที่ 2 หนาตัดกอนมะเร็งจะมีสีขาวออกเหลือง เปนเนื้อตันและแข็งขรุขระ ระบุขอบเขตของกอนไดไมชัดเจน• รูปที่ 3 ลักษณะทางจุลพยาธิวิทยาพบเซลลมะเร็ง เรียงตัวเปนทอ หรือเปนกลุมอยางไมเปนระเบียบ ลักษณะนิวเคลียสจะมีรูปรางและขนาดแตกตางกัน (nuclear polymorphism)• อาจพบ mitosis ที่ผิดปกติ หรือ microcalcification ภายใน duct ที่เปนมะเร็งรวมดวยไดBreast cancer1


156Breast cancer2Invasive ductal carcinoma3


157Squamous Cell Carcinoma of Cervix• เปนมะเร็งที่พบอุบัติการณสูงในสตรีไทย โดยเฉพาะในชวงอายุ 40-50 ป โดยมีปจจัยเสี่ยงที่สําคัญเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธตั้งแตอายุนอย การมีคูเพศสัมพันธจํานวนมาก และการติดเชื้อ human papilloma virus (HPV) บางสายพันธุ เชน 16, 18, 31, 33 เปนตน• รูปที่ 1 พบกอนชนิดที่เปนแผลแลวลุกลามเขาในผนังปากมดลูก กอนมีสีขาวขอบเขตไมชัด• รูปที่ 2 พบเซลลมะเร็งมีลักษณะของ squamous cell ที่มีการสราง keratinซึ่งพบไดในมะเร็งชนิด keratinizing squamous cell carcinomaSquamous cell carcinoma of cervix12


158Leiomyoma of Uterus/ Myoma uteri• เปนเนื้องอกชนิดไมรายรายของมดลูก เซลลเนื้องอกเจริญมาจากเซลลกลามเนื้อเรียบ (smooth muscle cell) ของกลามเนื้อมดลูก อาจพบเพียงกอนเดียวหรือหลายกอนก็ได• รูปที่ 1 กอนเนื้องอกหลายกอนมีสีขาวขอบเขตชัด อยูในชั้นกลามเนื้อมดลูกหนาตัดของกอนเปนวงสีขาว (whorled cut surface)• รูปที่ 2 เนื้องอกประกอบดวยเซลลกลามเนื้อเรียบ มีลักษณะเปนรูปกระสวย(spindle shape) ไมพบ mitosis หรือ necrosisLeiomyoma of uterus12


159Adenomyosis of Uterus• คือการที่มีเนื้อเยื่อ endometrium เขาไปอยูในสวนลึก ๆ ของmyometrium ซึ่งเนื้อเยื่อบางสวนมีการตอบสนองตอฮอรโมนปกติของรอบประจําเดือน ทําใหบริเวณดังกลาวเกิดมีเลือดประจําเดือนขังอยูภายใน myometrium เปนลักษณะที่เรียกวา hemorrhagic cyst เปนสาเหตุทําใหผูปวยมีอาการปวดประจําเดือนAdenomyosis• รูปที่ 1 มดลูกมีขนาดใหญขึ้นกวาปกติ บริเวณที่เกิด adenomysis จะเห็นเปนกอนที่มีขอบเขตไมชัดเจน ประกอบดวยกลุมของกลามเนื้อmyometrium ที่เรียงตัวสานกันไปมา สลับดวยจุดเลือดออกเล็ก ๆกระจายทั่วไปในกอน บางจุดมีขนาดใหญ เห็นเปน cyst มีเลือดขังอยูภายใน• รูปที่ 2 พบกลุมของเนื้อเยื่อ endometrium gland และ stroma (ลูกศร)อยูลึกเขาไปในชั้น myometrium และ myometrium รอบ ๆ เนื ้อเยื่อendometrium gland จะเกิด hypertrophy และ hyperplasia เรียงตัวสานไขวไปมา ไมเปนระเบียบ


160Adenomyosis1Adenomyosis2


161Endometriotic cyst/ Chocolate cyst• เปนถุงน้ําเกิดขึ้นที่รังไข ภายในมีของเหลวลักษณะเหมือนช็อกโกแลตซึ่งตอนแรกมีเลือดอยูในถุงนั้น เมื่อเลือดคางอยูในถุงน้ํานานๆ ก็กลายเปนสีน้ําตาลมีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ (endometriosis)• รูปที่ 1 รังไขที่ภายในมีของเหลวสีน้ําตาลอยู ของเหลวนี้เปนเลือดเกา(hemolysed blood) ซึ่งเลือดจะออกมาตามรอบเดือนEndometriotic cyst/ Chocolate cyst1


162มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (endometrial carcinoma)• มักในหญิงวัย 50-59 ป มาดวยอาการเลือดออกผิดปกติหลังหมดประจําเดือน (post menopausal bleeding)• รูปที่ 1 มดลูกซึ่งถูกตัดผนังดานหนา เปดใหเห็นวา ในโพรงมดลูก(endometrial cavity) มีเนื้องอกกระจายอยูทั่วทั้งหมด และแทรกลึกลงไปในผนัง ลักษณะเนื้อมีขอบเขตไมชัด สีขาวปนเหลืองและมีเลือดออก• รูปที่ 2 ลักษณะของเซลลมะเร็งมีการเรียงตัวเปน gland(adenocarcinoma)Endometrial carcinoma12


163Ectopic pregnancy• เปนการฝงตัวของไขที่ไดรับการผสมแลวนอกโพรงมดลูก ตําแหนงที่พบไดบอยคือ บริเวณทอนําไข ถาตัวออนเจริญเติบโตมากขึ้นก็จะทําใหทอนําไขแตกได• ผูปวยจะมีอาการเลือดออกผิดปกติทางชองคลอดและปวดทองนอย• รูปที่ 1, 2 พบทอนําไขขยายขนาด มีชิ้นสวนของรก หรือบางครั้งพบตัวออนอยูภายในทอ พรอมกับมีเลือดออก• รูปที่ 3 พบสวนประกอบของรกไดแก chorionic villi,trophoblastic cells อยูในทอนําไขEctopic pregnancy12 3


164Mucinous cystadenocarcinoma of ovary• เปนเนื้องอกที่เกิดจากเซลลเยื่อบุผิวภายนอกของรังไข ซึ่งประกอบดวยเซลลที่สรางสารเมือก (mucinous cells) มีลักษณะเปน gland• เปนเนื้องอกชนิดรายแรง ที่มีการลุกลามของเซลลเยื่อบุ เขาสูผนังของกอนเนื้องอก (stroma)• รูปที่ 1 เปนกอนขนาดใหญ สวนใหญมีขนาดตั้งแต 4 เซนติเมตรขึ้นไปกอนประกอบดวย cyst เล็ก ๆ จํานวนมาก และภายในมีสารเมือกลักษณะคลายวุน• รูปที่ 2 เซลลที ่บุภายใน cyst มีลักษณะนิวเคลียสสีเขม เรียงตัวหลายชั้นและมีการลุกลามมายัง stromaMucinouscystadenocarcinoma ofovary1 2


165Hydatidiform mole หรือครรภไขปลาอุก• เปนความผิดปกติของรกที่มี chorionic villi บวมน้ําเปนถุง คลายผลองุนแบงออกเปนสองชนิดคือ• Complete mole ลักษณะของ villi จะบวมน้ําทั้งหมดและไมพบชิ้นสวนของตัวออน ดังรูปที่ 1 สวนลักษณะทาง histology จะพบ hydropic villi ซึ่งไมมีหลอดเลือดอยูภายใน, และ trophoblastic proliferation ดังรูปที่ 2• Incomplete mole พบรกมี villi ที่บวมน้ําปนอยูกับ villi ที่ปกติ และพบสวนของตัวออนเชนแขน ขา ดังรูปที่ 3 สวนลักษณะทาง histology จะคลายกับcomplete mole แตจะพบสวนของหลอดเลือดในบาง villiHydatidiform mole132


166Urinary SystemAdult Polycystic Kidney DiseaseUrinary System• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในระบบ Urinary System นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะ ดังตอไปนี้- Hydronephrosis- Hydronephrosis with stones- Polycystic Kidney Disease- Transitional cell carcinoma of urinary bladder- Renal cell carcinoma


167Hydronephrosis• เปนภาวะที่มีการขยายขนาด (enlargement หรือ distention)ของ urine collecting structures (renal pelvis, calyces)• สาเหตุเกิดเนื่องจากมีการอุดกั้นการขับถายปสสาวะในทางเดินปสสาวะตั้งแตบริเวณไต (kidney), กรวยไต (renal pelvis), ทอไต (Ureter), กระเพาะปสสาวะ (bladder) ลงไปจนถึงปลายเปดทอปสสาวะ (urethral meatus)Hydronephrosis• รูปที่ 1 ไตจะมีขนาดใหญขึ้นมากกวาปกติ รวมทั้งอวัยวะที่รองรับน้ําปสสาวะที่ออกมาจากไต (pelvicalyceal system)• Renal parenchyma จะถูกกดเบียด (compressed) และatrophy, renal papillae จะหายไป (obliterated) และ renalpyramid จะแบนราบลง (flattened)• ทอไต อาจเกิดมีภาวะ hydroureter รวมดวย ขึ้นอยูกับตําแหนงที่เกิดการอุดกั้นของปสสาวะ


168ThinningRenal parenchymaDilation ofthe pelvis& calyces1HydronephrosisHydronephrosis with stone2• รูปที่ 2 มีนิ่วสีดําอุดบริเวณ renal pelvis ทําใหมีปสสาวะคั่ง ระบบ pelvocalycealมี dilatation และมีการกดเบียด renal cortex จนบางลง ความหนาเหลือเทาแผนกระดาษ (paper thin cortex)


169Adult Polycytic Kidney Disease(ADPKD)• โรคถุงน้ําที่ไตชนิดที่พบในผูใหญ เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ มีการถายทอดแบบ autosomal dominant อาจพบถุงน้ําที่ตับ aneurysm ที่หลอดเลือดในสมอง หรือมีความดันโลหิตสูงรวมดวย• รูปที่ 1 ไตมีขนาดใหญ มีถุงน้ําขนาดเล็กและใหญ เริ่มจากชั้นcortex จนทั่วทั้งไตAdult polycytic kidney disease1


170Autosomal recessive polycystic kidneydisease (ARPKD)• โรคถุงน้ําที่ไตชนิดที่พบในเด็ก เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม มีการถายทอดแบบ autosomal recessive มักพบความผิดปกติที่ตับรวมดวย• รูปที่ 1 พบถุงน้ํามีลักษณะรียาว (longitudinal cyst) ตามแนวcortex-medulla• รูปที่ 2 ภาพ histology แสดงลักษณะของถุงน้ํา มีหลายขนาดเรียงตัวตามแนว cortex-medulla (longitudinal cyst)Autosomal recessive polycystic kidney disease1 2


171Urothelial carcinoma of bladder• มะเร็งกระเพาะปสสาวะ สัมพันธกับการสูบบุหรี่ สวนมากมักเปนชนิด urothelial cell carcinoma หรือ transitional cellcarcinoma เกิดจากเซลลเยื่อบุชนิด Transitional cell ที่พบในทางเดินปสสาวะ• พบลักษณะ 2 แบบในกระเพาะปสสาวะ ไดแกแบบเปนแผนแบนราบไปตามเยื่อบุผิว (Flat) และแบบเปนกอนยื่นออกมาจากผนังกระเพาะปสสาวะเปนลักษณะคลายนิ้วมือ (papillary)• รูปที่ 1 กระเพาะปสสาวะ มีกอนมะเร็ง เปนชอสีขาวอยูภายในUrothelial CA of bladder1


172Renal Cell Carcinoma• เปนเนื้องอกที่เจริญมาจากเซลลเยื่อบุผิวทอไต (renal tubular epithelium)• รูปที่ 1 ลักษณะกอนกลมเดี่ยวขนาดใหญ ขอบเขตคอนขางชัดเจน อยูบริเวณ Cortex ขั้วบนของไต หนาตัดจะเปนกอนสีเหลืองปนสม บางบริเวณพบจุดเลือดออก หรือ เนื้อเยื่อตายอยูภายในกอน• รูปที่ 2 ภาพ histology ของ Renal cell carcinoma ชนิด Clear cell typeจะพบ tumor cell ลักษณะกลมหรือหลายเหลี่ยม, cytoplasm มีปริมาณมากและใส เนื่องจากมีสวนประกอบของ lipid และ glycogen เปนสวนใหญRenal cell carcinoma, clear cell type1 2


173Endocrine SystemAdenomatous goiterEndocrine System• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในระบบ Endocrine System นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะดังตอไปนี้- Adenomatous Goiter- Follicular Adenoma- Follicular carcinoma- Papillary carcinoma of thyroid


174Adenomatous Goiter• Adenomatous goiter หรือ Multinodular goiter หรือ non-toxicnodular goiter หรือ โรคคอพอก• สวนใหญเกิดจากการขาดธาตุไอโอดีน ทําใหมีการสราง Thyroxinehormone ลดลง สงผลให pituitary gland หลั่ง Thyroidstimulating hormone (TSH) มากขึ้น ไปกระตุนให Follicular cellของ Thyroid gland เพิ่มจํานวนมากขึ้นและขนาดใหญขึ้น มองเห็นเปนลักษณะ nodule ขนาดตาง ๆ กันAdenomatous Goiter• พื้นผิวภายนอกจะเห็นเปนกอนตะปุมตะปา• รูปที่ 1, 2 หนาตัดของตอมไทรอยด มี nodule สีน้ําตาล ขอบเขตชัดขนาดตางๆ กัน ทั้งสอง lobe• ภายในแตละ nodule สามารถพบ– สาร Colloid ลักษณะคลายวุนสีน้ําตาล ใส– สาร Colloid ลักษณะเปนวุนสีน้ําตาลเขม เนื่องจากมีเลือดออกผสมอยูใน Colloid– ลักษณะเปนสีขาวทึบ เนื่องจากมี Follicular cell มากใน nodule


175Adenomatous Goiter1Nodule ขนาดตาง ๆ กัน2Adenomatous goiter


176Follicular Adenoma• เปนเนื้องอกของ Thyroid gland ที่ Follicle cells มีการเพิ่มจํานวนมากขึ้นเรียงตัวเปน Follicle อัดกันแนนอยูในกอนที่มีขอบเขตชัดเจน• รูปที่ 1 ลักษณะจะเปนกอนเดี่ยว พบมี fibrous capsule หุมรอบขอบเขตชัดเจน เนื้อแนนสีขาวเทา อาจพบจุดเลือดออกเปนสีน้ําตาลเขมอยูภายในกอน• รูปที่ 2 เมื่อดูดวยกลองจุลทรรศน จะเห็น follicular cell ขนาดเล็กใกลเคียงกันจํานวนมากอยูเบียดกันภายในกอน ลอมรอบดวย fibrouscapsule นิวเคลียสมีลักษณะกลม ติดสีเขมอยูภายในเซลล• หากเห็นการลุกลามของ tumor cell ออกนอก capsule แสดงลักษณะของFollicular carcinoma (malignant tumor) ดังรูปที่ 3Follicular Adenoma1


177Follicular AdenomaFibrous capsule2Follicular cellsFollicular carcinoma3


178Papillary carcinoma of thyroid• เปนมะเร็งของตอมไทรอยดที่พบไดบอยที่สุด (65-80%)• พบในเพศหญิงมากกวาเพศชาย• สัมพันธกับการฉายแสงบริเวณคอ• รูปที่ 1 กอนมะเร็งขอบเขตคอนขางชัด แตไมมีแคปซูลลอมรอบ กอนมีสีขาวเทา ลักษณะเปนคลายนิ้วมือเล็กๆ ยื่นขึ้นมา (small papillarystructure)• รูปที่ 2 ลักษณะทาง histology พบ epithelial cell เรียงตัวเปน papillaryและนิวเคลียสของเซลลใส เปนลักษณะของ intranuclear inclusionPapillary carcinoma of thyroid1


179Papillary carcinoma of thyroid2


180Perinatal PathologyAnencephalyPerinatal Pathology• ในการศึกษาพยาธิวิทยาในเรื่อง Perinatal Pathology นิสิตจะตองทราบคําจํากัดความ พยาธิกําเนิด พยาธิสภาพ ของโรคหรือภาวะดังตอไปนี้• Omphalitis• Anencephaly• Umbilical cord knot • Cyclop• Hydrop fetalis• Gastrochisis• Cystic hygroma• Omphalocele• Hydrocephalus• Siames twins


181Omphalitis/ Funisitis• ภาวะสายสะดืออักเสบ สวนมากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีสาเหตุมาจากใชอุปกรณตัดสายสะดือไมสะอาด หรือ ทําความสะอาดบริเวณสายสะดือไมดี• รูปที่ 1 สายสะดือแดง ถึงแดงคล้ํา และมีการลุกลามไปบริเวณผิวหนังรอบๆ ดวยOmphalitis/ Funisitis1


182สายสะดือพันกัน (umbilical cord knot)• แบงเปน 2 ชนิดคือ• รูปที่ 1 สายสะดือพันกันจริง (True knot) มัดเปนปมแนน ทําใหเด็กขาดอ็อกซิเจน มักพบในรายที่มีสายสะดือยาวเกินกวาปกติ• รูปที่ 2 สายสะดือเปนปมจากการที่ เสนเลือดขดไปมา (tortuousvessel) จึงจัดเปนปมปลอม (False knot)True knotFalse knot12Tortuous vessel


183Hydrop fetalis• เปนภาวะที่เด็กมีการบวมน้ําทั่วตัวตั้งแตอยูในครรภ เด็กมักเสียชีวิตตั้งแตในครรภหรือตายคลอด จากภาวะหัวใจวาย ดังรูปที่ 1• สาเหตุมีหลายอยาง เชน Immune hydrops, โรคหัวใจ, การติดเชื้อซิฟลิส, Thalassemia ชนิด homozygous alpha1Hydrop fetalis1


184Cystic hygroma• เปนภาวะที่มีน้ํามาคั่งใน interstital space บริเวณตนคอดานหลัง(post nuchal fluid accumulation) ดังรูปที่ 1 และ 2• อาจกดเบียดอวัยวะที่อยูขางเคียง ถาเปนมากอาจลุกลามมาดานหนาทําใหกดทางเดินหายใจได• พบไดใน Turner syndromeCystic hygroma1 2


185Hydrocephalus• หรือโรคหัวบาตร เปนความผิดปกติที่มีน้ําในโพรงสมองมากเกินปกติเนื่องจากทอทางเดินน้ําหลอสมองและไขสันหลังอุดตัน ทําใหน้ําที่อยูในสมองและไขสันหลัง ซึ่งปกติเปนตัวคอยปองกัน และหลอเลี้ยงสมองไมใหกดทับกับสวนกะโหลก เกิดคั่งจนทวมอยูในสมอง จนกดเบียดเนื้อสมองและดันกะโหลกศีรษะใหโตออก มีขนาดใหญผิดปกติ ดังรูปที่ 1• เกิดจากไดจากหลายๆ สาเหตุ เชน การติดเชื้อ พันธุกรรม เกิดภาวะเลือดออกในสมอง ไดรับอุบัติเหตุ หรือมีความผิดปกติของทอที่จะทําใหน้ําไขสันหลังที่จะผานออกมาจากสมองมีการตีบหรือตัน หรือมีความผิดปกติของระบบหลอดเลือด ทําใหความสามารถในการดูดซึมน้ําหลอเลี้ยงสมอง และไขสัน-หลังเสียไปHydrocephalus1


186Anencephaly• ทารกที่เกิดมาไมมีสวนของหนังศรีษะ กะโหลกศรีษะ เยื่อหุมสมอง และสวนของสมองสวนหนา สมองใหญ และสมองนอย แตยังมีสวนของกานสมอง ซึ่งเปดออกสูโลกภายนอก และถูกหุมอยูดวยเยื่อบางๆเทานั้น• เนื่องจากที่ไมมีการทํางานของสมองใหญ ดังนั้นทารก Anencephalyจึงไมมีการรับรูสติ หรือไมรูสึกตัว อยางไรก็ตาม เซลลสมองที่เหลือของทารกแตละคนไดมีการพัฒนาไปในระดับที่แตกตางกัน อยางไรก็ตามทารกมักเสียชีวิตหลังจากคลอดออกมาในไมกี่ชั่วโมงAnencephaly• Anencephaly จัดอยูในกลุมของความผิดปกติของทอของระบบประสาท (Neural Tube Defect) ซึ่งเปนความพิการแตกําเนิดที่เกิดขึ้นในชวงแรกๆของการตั้งครรภ คือตั้งแต วันที่ 20 -28 (สัปดาหที่ 3–4)• พบไดในมารดาที่ขาดสารอาหารจําพวกโฟเลท• รูปที่ 1, 2 ทารกไมมีกะโหลกศีรษะ สวนของตาจะโปน• รูปที่ 3 สวนของเนื้อสมองที่เหลืออยูเล็กนอยและหลอดเลือด หุมดวยเยื่อบาง สวนนี้จะเรียกวา area cerebrovasculosa


187Anencephaly1AnencephalyArea cerebrovasculosa2 3


188Cyclop• เปนความผิดปกติชนิดที่รุนแรงของกลุม holoprocencephaly• เกิดจากความผิดปกติในการแยกจากกันของ cerebral hemisphere• มักมีความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมดวย ทารกมักเสียชีวิตตั้งแตในครรภ• สัมพันธกับ trisomy 13, trisomy 18• รูปที่ 1, 2 ทารกจะมีตาเดียวอยูตรงกลาง ไมมีจมูกCyclop1 2


189Gastrochisis• Gastros (belly) + Schisis (cleft)• พบมีรูโหวของผนังหนาทองดานหนาและมีลําไสโผลยื่นออกจากรูดังกลาวไมมีผนังหุม ทําใหลําไสที่โผลออกมานอกชองทอง สัมผัสกับ amnioticfluid ซึ่งระคายตอผนังลําไส เกิดการบวมและอักเสบของผนังลําไส• มักเกิดในมารดาอายุนอยและเปนครรภแรก• มักไมมี ความพิการรวมที่รุนแรง• รูปที่ 1 แสดงทารกที่มีสวนของลําไสออกมานอกทอง โดยไมมีเยื่อบางๆคลุมอยูGastrochisis1


190Omphalocele• เปนความพิการแตกําเนิดของผนังหนาทองบริเวณสะดือ ที่มีอวัยวะโผลยื่นจากชองทองและมีถุงบางๆ หอหุม ผนังของถุงนี้ประกอบดวย peritoneallining บุอยูดานในและ amnion บุดานนอก โดยมี Wharton’s Jelly แทรกอยูตรงกลาง• เกิดจากความบกพรองของผนังหนาทอง ซึ่งเกิดในระยะสัปดาหที่ 3 ของการตั้งครรภ• ความพิการอื่นที่พบรวมเชน congenital heart diseases, respiratorycomplications, chromosomal abnormalities• รูปที่ 1 แสดงสวนของลําไสที่ออกมานอกชองทอง โดยมีเยื่อบางๆคลุมอยูOmphalocele1


191Conjoined twins/ Siamese twins• ฝาแฝดติดกันหรือแฝดสยาม คือ แฝดผูมีรางกายติดกันมาแตกําเนิดเกิดขึ้นเมื่อ ไซโกท พยายามแบงตัวเปนแฝด แตไมประสบผลสําเร็จ• ซึ่งฝาแฝดตัวติดกันมีโอกาสมีชีวิตรอดนอยมาก โดยประมาณ 5- 25%• รูปที่ 1 แฝดที่อวัยวะเชื่อมติดกันบริเวณสวนกลางรางกาย คือ อกและทอง (thoracopagus)• รูปที่ 2 แฝดที่อวัยวะเชื่อมติดกันบริเวณศีรษะ อกและทอง(cephalothoracopagus)1Thoracopagus2Cephalothoracopagus


192


193รหัสประจําตัวนิสิต _________ รหัสเลขที่สอบ _____ชื่อ – นามสกุล __________________________คณะ ______________ สาขาวิชา ____________รายงานปฏิบัติการพยาธิวิทยา ครั้งที่ 4เรื่อง Urinary system, Reproductive system, Endocrine system,Perinatal pathologyวันที่นิสิตมาเขาเรียนปฏิบัติการพยาธิวิทยา และศึกษาดวยตนเอง __________________________1. ภาวะ Hydronephrosis คืออะไร และเกิดจากสาเหตุใด ____________________________________________________________________________________________________________________2. มะเร็งกระเพาะปสสาวะ เปนมะเร็งชนิดใด _____________________________________________________________________________________________________________________________3. สาเหตุของ Adenomatous goiter คือ ________________________________________________________________________________________________________________________________4. Follicular carcinoma จะสังเกตเห็นแตกตางอยางไรกับ Follicular adenoma ________________________________________________________________________________________________5. ภาวะ Anencephaly มีลักษณะอยางไร และเกิดขึ้นไดอยางไร _____________________________________________________________________________________________________________6. Cyclops คืออะไร __________________________________________________________________________________________________________________________________________7. เนื้องอกที่พบมากที่สุดขององคชาติ คือ _______________________________________________________________________________________________________________________________8. มะเร็งเตานมที่พบบอย สวนใหญเปนชนิดใด ___________________________________________________________________________________________________________________________9. Chocolate cyst คืออะไร ___________________________________________________________________________________________________________________________________________10. ปจจัยเสี่ยงที่ทําใหเกิดมะเร็งปากมดลูก ไดแก __________________________________________________________________________________________________________________________คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


194


1957. แบบทดสอบความรูความเขาใจภายหลังการเรียนรู7.1 แบบทดสอบความรูความเขาใจภายหลังการเรียนรู ชุดที่ 17.2 แบบทดสอบความรูความเขาใจภายหลังการเรียนรู ชุดที่ 2คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


196


197ReviewLaboratory 1,2รายวิชา พยาธิวิทยา (405213)และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)ภาคการศึกษาปลาย ปการศึกษา 2553นายแพทย ดร. ณตพลศุภณัฐเศรษฐกุลคําสั่ง• นํากระดาษขึ้นมาเขียนชื่อ รหัสประจําตัว รหัสสอบ และคณะ• ขอสอบมีจํานวนทั้งสิ้น 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน ขอละ 30 วินาที เลือกขอที่คิดวาถูกตองที่สุดเพียงขอเดียว• การสอบนี้มีวัตถุประสงคเพื่อใหนิสิตไดประเมินความรูความเขาใจของตนเอง กอนการสอบจริงในหัวขอ Laboratory 1,2


1981. พยาธิสภาพของอวัยวะนี้ เรียกวาa. Hyperplasiab. Hypertrophyc. Atrophyd. Metaplasiae. Dysplasia2. อวัยวะที่เห็นเกิดการตายจากการขาดเลือด (Ischemic necrosis)บริเวณลูกศรชี้เกิดพยาธิสภาพ เรียกวาa. Coagulative necrosisb. Liquefactive necrosisc. Caseous necrosisd. Fibrinoid necrosise. Fat necrosis


1993. จงใหการวินิจฉัยจากพยาธิสภาพ ดังรูปa. Acute cholecystitisb. Acute appendicitisc. Chronic cholecystitisd. Acute pancreatitise. Acute inflammationof intestine4. หลังจากที่ผูปวยไดรับการบาดเจ็บ เกิดพยาธิสภาพนี้ เรียกวาa. Hematomab. Wound contracturec. Keloidd. Hypertrophic scare. Skin cancer


2005. พยาธิสภาพนี้ พบเปนกอนภายในชองทอง เรียกวาa. Adenocarcinomab. Squamous cell carcinomac. Melanomad. Teratoma (Dermoid cyst)e. Colonic polyp6. พยาธิสภาพบริเวณที่ลูกศรชี้ จงใหการวินิจฉัยa. Adenocarcinomab. Squamous cell carcinomac. Lymphomad. Leiomyomae. Chondrosarcoma


2017. อวัยวะดังรูป เกิดพยาธิสภาพ เรียกวาa. Pulmonary congestionb. Liver hemorrhagec. Cirrhosisd. Centrilobular congestion of livere. Hemorrhagic infarction of liver8. พยาธิสภาพบริเวณลูกศรชี้ ขนาดกวางประมาณ 0.8 cm. เรียกวาa. Petichiaeb. Purpurac. Ecchymosisd. Hematomae. Hemangioma


2029. พยาธิสภาพดังรูป ก., เกิดจากเชื้อในรูป ข. เรียกพยาธิสภาพนี้วาa. Abscessb. Squamous cell carcinomac. Granulomad. Aspergillomae. Mycetomaก. ข.10. พยาธิสภาพของตอมน้ําเหลือง (ก.) มีบริเวณสีเหลืองเปนหยอม ๆลักษณะคลายเนย เมื่อยอม acid fast stain พบเชื้อดังรูป ข.สาเหตุของพยาธิสภาพนี้ เกิดจากเชื้อในขอใดa. Streptococcus pyogenesb. Pneumocystis cariniic. Pityrosporum furfurd. Mycobacterium tuberculosise. Taenia soliumก. ข.


203ReviewLaboratory 3,4รายวิชา พยาธิวิทยา (405213)และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)ภาคการศึกษาปลาย ปการศึกษา 2553นายแพทย ดร. ณตพลศุภณัฐเศรษฐกุลคําสั่ง• นํากระดาษขึ้นมาเขียนชื่อ รหัสประจําตัว รหัสสอบ และคณะ• ขอสอบมีจํานวนทั้งสิ้น 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน ขอละ 30 วินาที เลือกขอที่คิดวาถูกตองที่สุดเพียงขอเดียว• การสอบนี้มีวัตถุประสงคเพื่อใหนิสิตไดประเมินความรูความเขาใจของตนเอง กอนการสอบจริงในหัวขอ Laboratory 3,4


2041. พยาธิสภาพของอวัยวะนี้ เรียกวาa. Emphysemab. ADPKDc. Hydronephosisd. Bladder cancere. Sponge kidney2. พยาธิสภาพที่เห็นในรูปเรียกวาอะไร และเกิดจากสาเหตุในขอใดตอไปนี้a. Anencephaly – CSF flow obstructionb. Anencephaly – Neural tube defectc. Gastroschisis – Abnormal wall defectd. Hydrocephalus – CSF flow obstructione. Hydrocephalus – Neural tube defect


2053. จงใหการวินิจฉัยจากพยาธิสภาพ ดังรูปa. Renal cell carcinomab. Brain tumorc. Urothelial carcinomad. Stomach cancere. Infective endocarditis4. จากรูป เปนชิ้นเนื้อจาก foreskin of penis ที่ผูปวยใหประวัติวากอนหนานี้ ไดฉีดน้ํามันมะกอกเพื่อเพิ่มขนาด จงใหการวินิจฉัยa. Squamous cell carcinomab. Fibroadenomac. Olive oil foreskinomad. Paraffinomae. Adenomyosis


2065. พยาธิสภาพนี้ พบเปนกอนบริเวณเตานม จงใหการวินิจฉัยa. Adenocarcinomab. Invasive ductal carcinomac. Teratomad. Squamous cell carcinomae. Fibroadenoma6. พยาธิสภาพบริเวณที่ลูกศรชี้ จงใหการวินิจฉัยa. Adenocarcinomab. Squamous cell carcinomac. Lymphomad. Leiomyomae. Chondrosarcoma


2077. อวัยวะดังรูป เกิดพยาธิสภาพ เรียกวาa. Atherosclerosisb. Adenomatous polypc. Aortic aneurysmd. Diverticulosise. Gallstone8. พยาธิสภาพที่ปรากฏในรูป มีเลือดออกบริเวณใดตอไปนี้a. Epiduralb. Subduralc. Subarachnoidd. Cerebral ventriclese. Intracerebral


2089. จากรูปเปนอวัยวะใด และเกิดพยาธิสภาพ เรียกวาa. Lung - Pneumoniab. Lung – Pulmonary edema and congestionc. Liver – Nutmeg liverd. Liver – Childhood PKDe. Kidney - ADPKD10. จากรูป จงใหการวินิจฉัยในเบื้องตนa. Acute pericarditisb. Viral myocarditisc. Mitral valve thrombosisd. Infective endocarditise. Aortic stenosis


8. แบบประเมินความพึงพอใจการใชคูมือปฏิบัติการ และกระบวนการเรียนรูดวยตนเอง1. เพศ ชาย หญิง2092. คณะ ____________________________ สาขา _______________________________คําชี้แจง โปรดทําเครื่องหมาย ลงในชองวางระดับคะแนนที่ตรงกับระดับความคิดเห็นของทานมากที่สุดขอความ มากที่สุด(5)1. คูมือปฏิบัติการเลมนี้ชวยใหนิสิตเรียนรูดวยตนเองไดดี2. ความยาก-งายของเนื้อหาในคูมือเลมนี้มีความเหมาะสม3. ปริมาณของเนื้อหาในคูมือเลมนี้มีความเหมาะสม4. web site รายวิชานี้ ชวยในการเรียนรูดวยตนเองไดดี5. ทานชอบการเรียนรูปฏิบัติการพยาธิวิทยาดวยตนเองแบบนี้4. ทานไมชอบการเรียนปฏิบัติการโดยใชคูมือฉบับนี้เลย5. ทานไมชอบการกระบวนการเรียนรูดวยตนเอง6. ความพึงพอใจโดยรวมตอการเรียนปฏิบัติการพยาธิวิทยาระดับคะแนนความคิดเห็นมาก(4)ปานกลาง(3)นอย(2)นอยที่สุด(1)7. ขอคิดเห็นและขอเสนอแนะอื่น เกี่ยวกับคูมือปฏิบัติการ และกระบวนการเรียนรูดวยตนเอง____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________โปรดสงแบบสอบถามคืนที่หองปฏิบัติการพยาธิวิทยา ชั้น 6 โรงพยาบาล<strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong>คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


210


2119. แผนผังของ Website รายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)Homepage ภาควิชาพยาธิวิทยาและนิติเวชศาสตรhttp://www.med.nu.ac.th/2008/department/Index-main.php?depart=1Homepage รายวิชาพยาธิวิทยา (405213)http://www.med.nu.ac.th/2008/department/patho/405213/405213.htmHomepage รายวิชาพยาธิวิทยา (405313) สําหรับนิสิตคณะสาธารณสุขศาสตรhttp://www.med.nu.ac.th/2008/department/patho/405313_2_52/405313.htm- ประมวลรายวิชา (Course syllabus)- ตารางเรียนรายวิชา- การเรียนการสอนภาคบรรยาย (Lecture) ในแตละหัวขอบรรยาย จะประกอบดวย- แผนการสอน (Lesson plan)- เอกสารประกอบการสอน และสื่อการเรียนการสอน (powerpoint presentation)- แบบประเมินอาจารยผูสอนบรรยาย- การเรียนการสอนภาคปฏิบัติการ (Laboratory)- คูมือปฏิบัติการพยาธิวิทยา- Power point เนื้อหาในแตละหัวขอปฏิบัติการ- แบบฟอรมรายงานการเขาปฏิบัติการพยาธิวิทยา- วิดิโอสรุปการบรรยายปฏิบัติการแตละครั้ง (Talk lab)- แผนพับ (Leaflet presentation)- รายชื่อนิสิตที่ลงทะเบียน และทํารายงานกลุม- หนังสืออานประกอบ (References)- ประกาศเกี่ยวกับการสอบภาคบรรยาย และปฏิบัติการ- รายชื่อ และแผนผังหองสอบ- กําหนดการ และคําแนะนําเกี่ยวกับการสอบ- ผลการประเมิน- Formative evaluation- Summative evaluation- ผลการประเมินความพึงพอใจการจัดการเรียนการสอนในรายวิชา- ติดตออาจารยผูรับผิดชอบรายวิชาคูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)


212


21310. หนังสืออานประกอบเพิ่มเติม1. สุภรณ พงศะบุตร, บรรณาธิการ, “ตําราพยาธิวิทยาทั่วไป, พิมพครั้งที่ 1.”, ภาควิชาพยาธิวิทยาและนิติเวชศาสตร, คณะแพทยศาสตร <strong>มหาวิทยาลัยนเรศวร</strong>, โกลบอลพริ้นท, 2546.2. อนุพงศ นิติเรืองจรัส, “พยาธิวิทยาพื้นฐานของโรคที่พบบอย.”, คณะแพทยศาสตรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร, โอ เอส พริ้นติ้งเฮาส, 2546.2. Kumar, V., Abbas A. K., Fausto N., Mitchell R. N., “Robbins Basic Pathology, 8 th edition.”,Elsevier Inc., Philadelphia, 2007.3. Kuma, V., Abbas A. K., Fausto N., Aster J. C., “Robbins and Cotran Pathologic Basis ofDisease, 8 th edition.” Elsevier Inc., Philadelphia, 2010.4. Porth, C. M., Matfin, G., “Pathophysiology Concepts of Altered Health States, 8 th edition.”,Lippincott Williams & Wilkins., Philadelphia, 2009.คูมือปฏิบัติการรายวิชาพยาธิวิทยา (405213) และพยาธิวิทยาทั่วไป (405313)

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!