ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

11.07.2015 Views

๒ - ๒๙๘๒) สะเดา ๘๓) กระทอน ๘๔) ตะบูนขาว๘๕) ตะบูนดํา ๘๖) ขนุน ๘๗) มะหาด๘๘) ขนุนปา ๘๙) ขอย ๙๐) มะรุม๙๑) กลวย ๙๒) พิลังกาสา ๙๓) สนทราย๙๔) ยูคาลิปตัส ๙๕) เสม็ดขาว ๙๖) พรวด๙๗) กานพลู ๙๘) หวา ๙๙) เสม็ด (เสม็ดแดง)๑๐๐) หมอขาวหมอแกงลิง ๑๐๑) หมาก ๑๐๒) ตาลโตนด๑๐๓) เตาราง ๑๐๔) กะพอ ๑๐๕) จาก๑๐๖) ปรงทะเล ๑๐๗) ถั่วขาว ๑๐๘) พังกาหัวสุมดอกแดง๑๐๙) พังกา-ถั่วขาว ๑๑๐) ถั่วดํา ๑๑๑) พังกาหัวสุมดอกขาว๑๑๒) เฉียงพรานางแอ ๑๑๓) โปรงขาว ๑๑๔) โปรงแดง๑๑๕) รังกะแท ๑๑๖) โกงกางใบเล็ก ๑๑๗) โกงกางใบใหญ๑๑๘) กุหลาบ ๑๑๙) ตะกู ๑๒๐) มะเค็ด (หนามแทง)๑๒๑) คัดเคาเครือ ๑๒๒) กระดูกไก ๑๒๓) จันทนหอม๑๒๔) มะตูมนิ่ม ๑๒๕) สันโสก ๑๒๖) เขยตาย๑๒๗) มะหวด ๑๒๘) เกด ๑๒๙) ราชดัด (พญาดาบหัก)๑๓๐) ปลาไหลเผือก ๑๓๑) ดุหุนใบเล็ก ๑๓๒) หงอนไกทะเล๑๓๓) สํารอง (พุงทะลาย) ๑๓๔) สํารองกะโหลก ๑๓๕) สําโรง๑๓๖) กฤษณา ๑๓๗) พลับพลา (มลาย) ๑๓๘) ตะขบฝรั่ง (ตะขบบาน)๑๓๙) ขมิ ้นชัน๑๔๐) ไพล๒.๒.๖ พรรณไมจําแนกตามลักษณะพิเศษพรรณไมที่เหมาะสมจํานวน ๒๓๒ ชนิด เมื่อนํามาจําแนกตามลักษณะพิเศษ ๔ ประการไดแก (๑) ไมเจริญเติบโตเร็ว (๒) ไมแนวกันลม (๓) ไมทนไฟ และ (๔) ไมทนน้ําฝนทวมขังตามฤดูกาล(กองสิ่งแวดลอมชุมชนและพื้นที่เฉพาะ, ๒๕๕๕ ก, ข) มีรายละเอียดดังตอไปนี้๑) ไมเจริญเติบโตเร็ว หมายถึง ไมที่สามารถเห็นอัตราการเจริญเติบโตไดชัดเจน ภายในระยะเวลา ๓ - ๕ ป เชน๑) แคทะเล ๒) สนทะเล ๓) สนประดิพัทธ๔) มะขามปอม ๕) อะราง (นนทรีปา อินทรี) ๖) นนทรี๗) ชุมเห็ดเทศ ๘) กระถินณรงค ๙) กระถินเทพา๑๐) จามจุรี (กามปู) ๑๑) ทองกวาว ๑๒) ประดูบาน๑๓) โพทะเล ๑๔) มะฮอกกานีใบใหญ ๑๕) มะฮอกกานีใบเล็ก

๒ - ๓๐๑๖) ยมหอม ๑๗) มะหาด ๑๘) ขนุนป่า๑๙) กร่าง ๒๐) ไทรย้อยใบแหลม ๒๑) มะรุม๒๒) พิลังกาสา ๒๓) ยูคาลิปตัส ๒๔) ตะกู๒๕) สําโรง ๒๖) ตะขบฝรั่ง (ตะขบบ้าน) ๒๗) กระเชา๒) ไม้แนวกันลม หมายถึง ไม้ที่ทนลมแรงและเจริญเติบโตได้ในที่ลมแรง ไม้แนวกันลมที่ดี มักเป็นไม้ทรงสูง มีทรงพุ ่มหนา ใบมาก โตเร็ว และมีระบบรากแข็งแรง ทั ้งนี้ต้องมีการจัดการดูแลที่ดีเนื่องจากไม้โตเร็ว จึงสูงแต่อาจล้มได้ง่าย เช่น๑) อโศกอินเดีย๒) สนทะเล ๓) สนประดิพัทธ์(อโศกเซนคาเบรียล)๔) ทองกวาว ๕) ไทรย้อยใบแหลม ๖) ยูคาลิปตัสเช่น๓) ไม้ทนไฟ หมายถึง ไม้ที่สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากเปลือกกับรากมีระบบการลําเลียงที่ดี๑) ยางนา ๒) เหียง ๓) เต็ง๔) พะยอม ๕) กระโดน ๖) มะค่าแต้๗) ประดู ่ป่า ๘) กล้วย ๙) ยูคาลิปตัส๑๐) เสม็ดขาว ๑๑) ตาลโตนด๔) ไม้ทนน้ําฝนท่วมขังตามฤดูกาล (ไม่รวมไม้ป่าชายเลน) เช่น๑) กระจูด (กก) ๒) ยางนา ๓) จันทน์กะพ้อ๔) กันเกรา (มันปลา ตําเสา) ๕) โสกน้ํา ๖) หยีน้ํา๗) ยูคาลิปตัส ๘) เสม็ดขาว ๙) หว้า๑๐) เสม็ด (เสม็ดแดง) ๑๑) กะพ้อ ๑๒) หลาวชะโอน๑๓) เตยทะเล

๒ - ๓๐๑๖) ยมหอม ๑๗) มะหาด ๑๘) ขนุนป่า๑๙) กร่าง ๒๐) ไทรย้อยใบแหลม ๒๑) มะรุม๒๒) พิลังกาสา ๒๓) ยูคาลิปตัส ๒๔) ตะกู๒๕) สําโรง ๒๖) ตะขบฝรั่ง (ตะขบบ้าน) ๒๗) กระเชา๒) ไม้แนวกันลม หมายถึง ไม้ที่ทนลมแรงและเจริญเติบโตได้ในที่ลมแรง ไม้แนวกันลมที่ดี มักเป็นไม้ทรงสูง มีทรงพุ ่มหนา ใบมาก โตเร็ว และมีระบบรากแข็งแรง ทั ้งนี้ต้องมีการจัดการดูแลที่ดีเนื่องจากไม้โตเร็ว จึงสูงแต่อาจล้มได้ง่าย เช่น๑) อโศกอินเดีย๒) สนทะเล ๓) สนประดิพัทธ์(อโศกเซนคาเบรียล)๔) ทองกวาว ๕) ไทรย้อยใบแหลม ๖) ยูคาลิปตัสเช่น๓) ไม้ทนไฟ หมายถึง ไม้ที่สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากเปลือกกับรากมีระบบการลําเลียงที่ดี๑) ยางนา ๒) เหียง ๓) เต็ง๔) พะยอม ๕) กระโดน ๖) มะค่าแต้๗) ประดู ่ป่า ๘) กล้วย ๙) ยูคาลิปตัส๑๐) เสม็ดขาว ๑๑) ตาลโตนด๔) ไม้ทนน้ําฝนท่วมขังตามฤดูกาล (ไม่รวมไม้ป่าชายเลน) เช่น๑) กระจูด (กก) ๒) ยางนา ๓) จันทน์กะพ้อ๔) กันเกรา (มันปลา ตําเสา) ๕) โสกน้ํา ๖) หยีน้ํา๗) ยูคาลิปตัส ๘) เสม็ดขาว ๙) หว้า๑๐) เสม็ด (เสม็ดแดง) ๑๑) กะพ้อ ๑๒) หลาวชะโอน๑๓) เตยทะเล

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!