ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ภาคผนวกที่ ๕ - ๑ภาคผนวกที่ ๕ ศัพท์พฤกษศาสตร์บางคําที่เกี่ยวข้องต่อมน้ําต้อย (Nectary) หรือน้ําหวานไว้ล่อแมลงเพื่อช่วยในการผสมเกสร น้ําต้อย (nectar) ที่ขับออกมาจากต่อมน้ําต้อย อาจมีน้ําตาลถึงร้อยละ ๕๐ สําหรับให้สัตว์ที่มาช่วยถ่ายเทเรณูกินเป็นอาหารช่อดอก (Inflorescence) มีลักษณะ (types) ต่าง ๆ ได้แก่๑. แบบช่อกระจุก (cymose type) ช่อดอกที่มีดอกย่อยที ่เกิดก่อนอยู ่ตรงกลางหรือปลายช่อดอกการบานของดอกเริ่มที่ดอกย่อยบริเวณกลางหรือด้านปลายบนของช่อดอก มีหลายประเภท ได้แก่ช่อกระจุกด้านเดียวชนิดเดี่ยว ช่อวงแถวเดี่ยว (ช่อกระจุกด้านเดี่ยวชนิดประกอบ) ช่อกระจุกซ้อนเดี่ยวช่อกระจุกซ้อนเชิงประกอบ ช่อกระจุกซ้อนผสม๒. แบบช่อกระจะ (racemose type) ช่อดอกที่มีดอกย่อยที ่เกิดก่อนอยู ่ล่างสุดหรือด้านนอกสุดของช่อดอก ดอกที่อ่อนสุดอยู ่ส่วนปลายหรือใจกลางของช่อดอก การบานของดอกเริ่มที่ดอกย่อยบริเวณโคนช่อหรือด้านนอกของช่อดอก มีหลายประเภท ได้แก่ ช่อกระจะ ช่อเชิงลด ช่อแบบหางกระรอกช่อเชิงหลั่น ช่อเชิงลดมีกาบ ช่อซี่ร่ม ช่อซี่ร่มเชิงประกอบ ช่อกระจุกแน่น ช่อแยกแขนง• ช่อกระจะ (raceme) ช่อดอกย่อยที่มีก้านดอกย่อยยาวไล่เลี่ยกัน ดอกเกิดสลับสองข้างของแกนกลางดอกเกิดและบานก่อนอยู ่ด้านล่างของช่อดอก เช่น ช่อดอกกล้วยไม้• ช่อเชิงลด (spike) ช่อดอกที ่คล้ายช่อกระจะ แต่ดอกย่อยไม่มีก้านดอกย่อย เช่น ช่อดอกกระถินณรงค์• ช่อเชิงหลั่น (corymb) ช่อดอกที่ดอกย่อยมีก้านดอกย่อยยาวไม่เท่ากัน ดอกย่อยที่อยู ่ล่างสุดมีก้านดอกย่อยยาวที่สุดแล้วลดหลั่นกันไปที่ปลายยอด ดอกย่อยมักจะเรียงอยู ่ในระนาบเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ช่อดอกหางนกยูงไทย ผักกาดเขียว• ช่อซี่ร่ม (umbel) ช่อดอกที่ก้านดอกย่อยเจริญออกมาจากปลายก้านช่อดอกที่จุดเดียวกัน และมีขนาดไล่เลี่ยกันคล้ายซี่ร่ม เช่น ช่อดอกหอม กุยช่าย• ช่อกระจุกแน่น (capitulum, head) ช่อดอกที่มีดอกย่อยเรียงบนฐานรองดอกที่พองออก หรือแผ่กว้าง และไม่มีก้านดอกย่อย เช่น ช่อดอกทานตะวัน บานไม่รู ้โรย ผกากรอง• ช่อแยกแขนง (panicle, compound raceme) ช่อดอกที่มีช่อกระจะหลายช่อมาซ้อนกันผลกลุ่ม (Aggregate Fruit) ชนิดของผลที่เกิดจากดอกเดียวแต่มีหลายคาร์เพล และแต่ละคาร์เพลแยกจากกันซึ่งแต่ละคาร์เพลนี้จะเจริญไปเป็นผลย่อย เช่น ผลน้อยหน่า การเวก จําปี จําปา สตรอเบอร์รี่ผลแบบมะเดื่อ (Syconium) ผลรวมที่ข้างในผลกลวง ซึ่งเป็นผลที่เจริญมาจากช่อดอกที่มีฐานรองดอกรูปถ้วย(hypanthium) ภายในประกอบด้วยดอกย่อยมีขนาดเล็ก ไม่มีกลีบดอก และแยกเพศ ภายในช่อดอกมีช่องเปิดขนาดเล็ก (ostiolum) ให้แมลงขนาดเล็กเข้าไปช่วยการผสมเกสร เช่น ไทร มะเดื่อ กร่างผลรวม (Multiple Fruit) ชนิดของผลที่เกิดจากดอกย่อยหลาย ๆ ดอก ในช่อดอกเดียวกันเจริญเชื่อมติดกันเป็นผลเดียว เช่น ผลขนุน สับปะรด ยอ
ภาคผนวกที่ ๕ - ๒พรรณไม้เบิกนํา (Pioneer Species) คือ ชนิดพรรณไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่มีปัจจัยแวดล้อมจํากัดมีความสามารถยึดครองพื้นที่ได้เร็ว กระจายพันธุ ์ได้ดี ชอบแสงแดด และมีความต้องการอาหารค่อนข้างต่ําต้องการน้ําน้อย แต่ถ้าได้น้ําเพียงพอแค่ฤดูกาลเดียว มันจะโตได้อย่างรวดเร็วและปกคลุมพื้นที่ได้ดีมากพรรณไม้เบิกนําในป่าเต็งรัง เช่น หญ้าคา หญ้าเลา สาบเสือ พังแหร ปอขี้ตุ ่น ขัดมอนพูพอน (Lobes) ก็คือ รากค้ํายันของต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่ยื่นออกนอกลําต้นทางโคนของต้น ซึ่งติดกับรากแขนงของไม้ยืนต้น มีลักษณะเป็นปีก เป็นพู หรือเป็นปมที่โคนต้น ซึ่งแผ่ขยายออกไปรอบๆ เพื่อพยุงลําต้นพอนก็เรียกไพรีน (Pyrene) ผลและเมล็ดหลายเมล็ดอยู ่รวมกันในเปลือกชั ้นในที่มีลักษณะแข็ง (endocarp)รากหายใจ (Pneumatophore Root) รากที่เกิดจากรากที่อยู ่ใต้ดินงอกและตั ้งตรงขึ้นมาเหนือดิน เพื่อช่วยในการหายใจ พบในพืชชายน้ําหรือป่าชายเลน เช่น ลําพู โกงกาง แสมลําต้นเปลา ลําต้นตรง ไม่คดงอ และไม่มีกิ่งก้านสาขามาก
- Page 223 and 224: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 225 and 226: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 227 and 228: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 229 and 230: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 231 and 232: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 233 and 234: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 235 and 236: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 237 and 238: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 239 and 240: Meliaceaeหมายเหตุ (
- Page 241 and 242: ลําดับที่ (ชื
- Page 243 and 244: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 245 and 246: MyrtaceaeNepenthaceaeหมาย
- Page 247 and 248: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 249 and 250: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 251 and 252: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 253 and 254: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 255 and 256: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 257 and 258: หมายเหตุ (๑) ช
- Page 260 and 261: ภาคผนวกที่ ๔-
- Page 262 and 263: ภาคผนวกที่ ๔-
- Page 264 and 265: ภาคผนวกที่ ๔-
- Page 266 and 267: ภาคผนวกที่ ๔-
- Page 268 and 269: ภาคผนวกที่ ๔-
- Page 270 and 271: ภาคผนวกที่ ๔-
- Page 272: ภาคผนวกที่ ๔-
- Page 277 and 278: ภาคผนวกที่ ๖
- Page 279 and 280: ภาคผนวกที่ ๖
- Page 281 and 282: ภาคผนวกที่ ๖
- Page 283 and 284: ภาคผนวกที่ ๖
- Page 286 and 287: ที่ปรึกษาด้
ภาคผนวกที่ ๕ - ๒พรรณไม้เบิกนํา (Pioneer Species) คือ ชนิดพรรณไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่มีปัจจัยแวดล้อมจํากัดมีความสามารถยึดครองพื้นที่ได้เร็ว กระจายพันธุ ์ได้ดี ชอบแสงแดด และมีความต้องการอาหารค่อนข้างต่ําต้องการน้ําน้อย แต่ถ้าได้น้ําเพียงพอแค่ฤดูกาลเดียว มันจะโตได้อย่างรวดเร็วและปกคลุมพื้นที่ได้ดีมากพรรณไม้เบิกนําในป่าเต็งรัง เช่น หญ้าคา หญ้าเลา สาบเสือ พังแหร ปอขี้ตุ ่น ขัดมอนพูพอน (Lobes) ก็คือ รากค้ํายันของต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่ยื่นออกนอกลําต้นทางโคนของต้น ซึ่งติดกับรากแขนงของไม้ยืนต้น มีลักษณะเป็นปีก เป็นพู หรือเป็นปมที่โคนต้น ซึ่งแผ่ขยายออกไปรอบๆ เพื่อพยุงลําต้นพอนก็เรียกไพรีน (Pyrene) ผลและเมล็ดหลายเมล็ดอยู ่รวมกันในเปลือกชั ้นในที่มีลักษณะแข็ง (endocarp)รากหายใจ (Pneumatophore Root) รากที่เกิดจากรากที่อยู ่ใต้ดินงอกและตั ้งตรงขึ้นมาเหนือดิน เพื่อช่วยในการหายใจ พบในพืชชายน้ําหรือป่าชายเลน เช่น ลําพู โกงกาง แสมลําต้นเปลา ลําต้นตรง ไม่คดงอ และไม่มีกิ่งก้านสาขามาก