ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับวิชาการ - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๔ - ๔๓ก. ข.ค.ชะมวง Garcinia cowa Roxb. ex DC. ก. ต้น, ข. ใบ, ค. ผลที่มา จังหวัดจันทบุรี
์๔ - ๔๔๒๒. ซ้อชื่อพฤกษศาสตร์ Gmelina arborea Roxb.ชื่อวงศ์ LABIATAEชื่อพื้นเมือง กําม่าทุ (กําแพงเพชร) แก้มอ้น (นครราชสีมา) ช้องแมว(ชุมพร) แต้งขาว (เชียงใหม่) ท้องแมว (ราชบุรี สุพรรณบุรี) เป้านก(อุตรดิตถ์) เฝิง (ภาคเหนือ) เมา (สุราษฎร์ธานี) สันปลาช่อน (สุโขทัย)ชื่อสามัญ -นิเวศวิทยาและการกระจายพันธุ์ ขึ้นตามป่าเบญจพรรณป่าดิบแล้งป่าดิบเขา และป่าดิบชื้น ที่ความสูงจากระดับน้ําทะเลจนถึงประมาณ ๑,๕๐๐ เมตร ในประเทศไทยพบทั่วทุกภาคต่างประเทศพบที่อินเดีย ศรีลังกา เนปาล บังกลาเทศ ภูฏาน พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีน และมาเลเซีย (วรดลต์ แจ่มจํารูญ, ๒๕๕๓)ลักษณะทั่วไปและลักษณะเด่น ไม้ต้นขนาดกลาง สูงได้ถึง ๒๐เมตร เปลือกเรียบสีขาวอมเทา กิ่งอ่อนรูปสี ่เหลี่ยมใบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบรูปไข่ ยาว ๗-๒๐เซนติเมตร ปลายแหลมหรือแหลมยาวโคนรูปลิ ่มกว้าง แผ่ออกคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนเกลี้ยงด้านล่างมีนวลและมีขนสั้นนุ่ม เส้นแขนงใบ ๓-๕ คู่ ก้านใบมีต่อม ๑ คู่ ก้านใบยาว ๓-๑๐เซนติเมตร เป็นร่องด้านบนดอก ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงสั้นๆ ออกที่ง่ามใบและปลายกิ ่งยาว ๗-๑๕ เซนติเมตร ใบประดับหลุดร่วงง่าย กลีบเลี ้ยงและกลีบดอกมีจํานวนอย่างละ ๕ กลีบ กลีบเลี้ยงรูประฆัง ยาว ๐.๓-๐.๔เซนติเมตร ปลายกลีบรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านนอกมีขนติดทนกลีบดอกรูปปากแตรโป่งด้านเดียว ปลายแยกเป็น ๕ กลีบ กลีบบน๒ กลีบ กลีบล่าง ๓ กลีบ ไม่เท่ากัน ด้านนอกมีสีน้ําตาลอมเหลืองด้านในหลอดกลีบสีครีมอ่อน ๆ กลีบปากล่างกลีบกลางด้านในมีสีเหลืองแซม มีขนสั้นนุ่มด้านนอก ด้านในเกลี้ยง เกสรเพศผู ้ สั้น ๒อัน ยาว ๒ อัน ยื่นไม่พ้นปากหลอดกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ติดบนหลอดกลีบดอกตรงประมาณกึ่งกลาง รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ยอดเกสรเพศเมียมี ๒ แฉกไม่เท่ากันผล ผลสด แบบเมล็ดเดียวแข็ง รูปกลมหรือรูปไข่กลับ ผิวเกลี้ยงเป็นมัน สุกสีเหลือง ยาว ๑.๕-๒ เซนติเมตร กลีบเลี้ยงติดทนลักษณะเด่น ก้านใบมีต่อม ๑ คู่ ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงสั้น ๆ กลีบดอกรูปปากแตรโป่งด้านเดียว ผลแบบเมล็ดเดียวแข็งสุกสีเหลือง กลีบเลี้ยงติดทนความสําคัญของพันธุ์ไม้ -ช่วงการออกดอกและติดผล ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมติดผลเดือนเมษายนถึงมิถุนายน (ไซมอน การ์ดเนอร์ และคณะ,๒๕๔๓)การปลูกและการดูแล ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง(สุธรรม อารีกุล, ๒๕๕๒ ข) เก็บผลสีเหลืองในเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ใช้มือลอกเอาเนื้อผลออกแล้วแช่หน่วย (pyrene) ในน้ํา๑๒-๒๔ ชั่วโมง ก่อนนําไปเพาะให้ห่างกัน ๒-๕ เซนติเมตร เพาะตื้น ๆในถาดเพาะไว้ในที่รําไร อัตราการงอกที่คาดหวังถึงร้อยละ ๘๓ช่วง ๑๘-๓๒ วัน ย้ายต้นกล้าอ่อนเมื่อใบคู่แรกคลี่กางออก ประมาณ๔-๑๒ วัน หลังจากเมล็ดงอก อาจจะต้องทําการตกแต่งยอดและลดการให้ปุ๋ย เพื่อมิให้ต้นกล้าโตพ้นภาชนะปลูก ลูกไม้ควรจะพร้อมปลูกในฤดูฝนที่ ๒ หลังจากเมล็ดงอก (หลังจากนั้น ๑๓-๑๖ เดือน)(หน่วยวิจัยการฟื้นฟูป่า, ๒๕๔๓)ประโยชน์ทั่วไป เนื้อไม้สีจาง ค่อนข้างเบา แต่การใช้งานค่อนข้างทนแม้จะอยู่ในน้ํา ใช้ทําสิ ่งก่อสร้าง ต่อเรือ กล่อง ขวดน้ํา เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเฟอร์นิเจอร์ งานแกะสลักราคาแพง ราก ใช้เป็นยาบํารุงมีรสขม แก้พิษ ฟอกเลือด รักษาโรคหนองใน การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ยาระบาย ใบ เป็นยาขับลมในท้อง (ไซมอนการ์ดเนอร์ และคณะ, ๒๕๔๓) สรรพคุณทางสมุนไพร เปลือก รักษาโรคผิวหนังผื่นคันและแก้หูดผลดิบ รับประทานเป็นผัก (พงษ์ศักดิพลเสนา, ๒๕๕๐ ข) เนื้อไม้สีขาวอมเหลือง เหนียว ทนทานดี เสี ้ยนละเอียดตบแต่งได้ง่ายและขัดมันขึ้น จึงใช้ประโยชน์ในหลายด้านในการสร้างบ้านเรือนใช้ทํากระดานพื้น ฝาบ้าน กรอบประตูหน้าต่างและเครื่องเรือน ใช้ทําเรือประเภทเรือขุดเรือโปง เรือมาด เรือใบดาดฟ้า เรือแจวพาย เครื่องมือการเกษตร ครก กระเดื่องด้านเครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องดนตรี จะเข้ รางระนาด เครื่องเขียนเช่น ด้ามปากกา ไม้บรรทัด ตลอดจนทําเยื่อกระดาษ (สุธรรม อารีกุล,๒๕๕๒ ข)ประโยชน์ด้านการลดมลพิษและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง_
- Page 59 and 60: ๓ - ๒พันธุไม ช
- Page 61 and 62: ๓ - ๔พันธุไม ช
- Page 63 and 64: ๓ - ๖พันธุไม ช
- Page 65 and 66: ๓ - ๘พันธุ์ไม
- Page 67 and 68: ๓ - ๑๐พันธุไม
- Page 69 and 70: ๔ - ๒๑. รางจืดช
- Page 71 and 72: ชื่อพฤกษศาส
- Page 73 and 74: ๔ - ๖๓. มะม่วงช
- Page 75 and 76: ๔ - ๘๔. การเวกช
- Page 77 and 78: ๔ - ๑๐๕. กระดัง
- Page 79 and 80: ๔ - ๑๒๖. อโศกอิ
- Page 81 and 82: ๔ - ๑๔๗. แคทะเล
- Page 83 and 84: ๔ - ๑๖๘. แคแสดช
- Page 85 and 86: ๔ - ๑๘๙. สนทะเล
- Page 87 and 88: ๔ - ๒๐๑๐. กระจู
- Page 89 and 90: ๔ - ๒๒๑๑. ยางนา
- Page 91 and 92: ๔ - ๒๔๑๒. เหียง
- Page 93 and 94: ๔ - ๒๖๑๓. ยางแด
- Page 95 and 96: ่๔ - ๒๘๑๔. ตะเค
- Page 97 and 98: ๔ - ๓๐๑๕. สบูดํ
- Page 99 and 100: ๔ - ๓๒๑๖. ขันทอ
- Page 101 and 102: ๔ - ๓๔๑๗. ก่อขี
- Page 103 and 104: ๔ - ๓๖๑๘. รักทะ
- Page 105 and 106: ๔ - ๓๘๑๙. ตังหน
- Page 107 and 108: ๔ - ๔๐๒๐. กระทิ
- Page 109: ๔ - ๔๒๒๑. ชะมวง
- Page 113 and 114: ๔ - ๔๖๒๓. กระโด
- Page 115 and 116: ๔ - ๔๘๒๔. มะค่า
- Page 117 and 118: ๔ - ๕๐๒๕. ฝางชื
- Page 119 and 120: ๔ - ๕๒๒๖. ราชพฤ
- Page 121 and 122: ่้่๔ - ๕๔๒๗. หล
- Page 123 and 124: ๔ - ๕๖๒๘. นนทรี
- Page 125 and 126: ๔ - ๕๘๒๙. โสกน้
- Page 127 and 128: ๔ - ๖๐๓๐. พฤกษช
- Page 129 and 130: ๔ - ๖๒๓๑. จามจุ
- Page 131 and 132: ๔ - ๖๔๓๒. ประดู
- Page 133 and 134: ๔ - ๖๖๓๓. ตะแบก
- Page 135 and 136: ๔ - ๖๘๓๔. เสลาช
- Page 137 and 138: ์๔ - ๗๐๓๕. อินท
- Page 139 and 140: ๔ - ๗๒๓๖. โพทะเ
- Page 141 and 142: ๔ - ๗๔๓๗. มะฮอก
- Page 143 and 144: ๔ - ๗๖๓๘. ตะบูน
- Page 145 and 146: ๔ - ๗๘๓๙. ขนุนป
- Page 147 and 148: ๔ - ๘๐๔๐. โพศรี
- Page 149 and 150: ๔ - ๘๒๔๑. เลียบ
- Page 151 and 152: ๔ - ๘๔๔๒. สนทรา
- Page 153 and 154: ๔ - ๘๖๔๓. หวาชื
- Page 155 and 156: ๔ - ๘๘๔๔. ตาลโต
- Page 157 and 158: ๔ - ๙๐๔๕. กะพ้อ
- Page 159 and 160: ๔ - ๙๒๔๖. เปงชื
๔ - ๔๓ก. ข.ค.ชะมวง Garcinia cowa Roxb. ex DC. ก. ต้น, ข. ใบ, ค. ผลที่มา จังหวัดจันทบุรี