Chapter 2 สมรรà¸à¸à¸° (Competency) - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸¥à¸¢à¸µà¸¡à¸«à¸²à¸à¸à¸£
Chapter 2 สมรรà¸à¸à¸° (Competency) - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸¥à¸¢à¸µà¸¡à¸«à¸²à¸à¸à¸£ Chapter 2 สมรรà¸à¸à¸° (Competency) - มหาวิà¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸¥à¸¢à¸µà¸¡à¸«à¸²à¸à¸à¸£
แมคคลีแลนด์ พบว่า Competency แบ่งได้เป็ น 2 กลุ ่ม คือ 1) Competency ขั นพื นฐาน (Threshold Competencies) หมายถึง ความรู้หรือทักษะ พื นฐานทีบุคคลจําเป็ นต้องมีในการทํางาน เช่น ความรู้ในงานทีตนทําอยู ่ประจํา เป็ น ต้น ซึ ง Competency พื นฐานเหล่านี ไม่ทําให้บุคคลคนนั นแตกต่างจากผู้อืน หรือ ไม่ สามารถทําให้บุคคลคนนั นมีผลงานทีดีกว่าผู้อืน ดังนั น Competency กลุ่มนี จึงไม่ได้ รับความสนใจจากนักวิชาการ บางคนถึงกับถือว่า ความรู้และทักษะพื นฐานเหล่านี ไม่ถือว่า เป็ น Competency 2) Competency ทีทําให้บุคคลแตกต่างจากผู้อืน (Differentiating Competencies) หมายถึง ปัจจัยทีทําให้บุคคลมีผลการทํางานสูงกว่ามาตรฐานหรือดีกว่าบุคคลทั วไป ซึ ง Competency ในกลุ่มนี จะมุ่งเน้นไปทีการใช้ความรู้ ทักษะและคุณลักษณะอืน ๆ เพือช่วยให้เกิดผลสําเร็จทีดีเลิศในงาน นักวิชาการจํานวนมากสนใจและให้ ความสําคัญกับกลุ่มนี มาก 24
Scott B. Parry ได้ รวมเอา Self-concept, Trait และ Motive เข้าไว้ด้วยกัน แล้วเรียกว่า “คุณลักษณะ หรือ Attributes” และให้นิยาม Competency ว่า คือ กลุ่มของความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) และ คุณลักษณะ (Attributes) ทีเกียวข้องกัน ซึ งมี ผลกระทบต่องานหลักของตําแหน่งงานหนึ ง ๆ ซึ งกลุ่มความรู้ ทักษะและคุณลักษณะ ดังกล่าว สัมพันธ์กับผลงานของตําแหน่งงานนั น ๆ และสามารถวัดเปรียบเทียบกับ มาตรฐาน ทีเป็ นทียอมรับและเป็ นสิ งทีสามารถเสริมสร้างขึ นได้ โดยผ่านการฝึ กอบรม และพัฒนา 25
- Page 1 and 2: Chapter 2 สมรรถนะ (Co
- Page 3 and 4: History of Competency 3
- Page 5 and 6: 1) เป็ นการวัด
- Page 7 and 8: 3) วิเคราะห์ค
- Page 9 and 10: ปี 1994 Gary Hamel และ C.
- Page 11 and 12: สําหรับประเ
- Page 13 and 14: ความหมายของ C
- Page 15 and 16: ่ Richard Boyatzis (1982 อ้
- Page 17 and 18: บริษัทปูนซี
- Page 19 and 20: สิ งทีเรามอง
- Page 21 and 22: ความสัมพันธ
- Page 23: Hard Skill vs. Soft Skill จะ
- Page 28 and 29: ประเภทของสม
- Page 30 and 31: ขอสรุปตรงนี
- Page 32 and 33: ค่อย ๆ คิดดู
- Page 34 and 35: 3) สมรรถนะด้า
- Page 36 and 37: สรุป ลักษณะข
- Page 38 and 39: ความหมายของ
- Page 40 and 41: 2) ใช้กําหนดค
- Page 42 and 43: เปรียบเทียบ
- Page 44 and 45: ดังนั นผลทีไ
- Page 46 and 47: จากนั นจะแบ่
- Page 48 and 49: 1. Job/Function/Technical Competenc
- Page 50 and 51: 3. Managerial / Professional Compet
- Page 52 and 53: Foundation Level Foundational Leve
- Page 54 and 55: Occupation Related Level จะเ
- Page 56 and 57: 3. ใช้ประโยชน
- Page 58 and 59: ขยายความ…. Knowle
- Page 60 and 61: Competency vs. Knowledge Competenc
- Page 62 and 63: Competency vs. Motive/Attitude Com
- Page 64 and 65: ความแตกต่าง
- Page 66 and 67: สมรรถนะองค์
- Page 68 and 69: 1.2) การเรียนรู
- Page 70 and 71: 2) ตําแหน่งทา
- Page 72 and 73: หลักเกณฑ์กา
แมคคลีแลนด์ พบว่า <strong>Competency</strong> แบ่งได้เป็ น 2 กลุ ่ม คือ<br />
1) <strong>Competency</strong> ขั นพื นฐาน (Threshold Competencies) หมายถึง ความรู้หรือทักษะ<br />
พื นฐานทีบุคคลจําเป็ นต้องมีในการทํางาน เช่น ความรู้ในงานทีตนทําอยู ่ประจํา เป็ น<br />
ต้น ซึ ง <strong>Competency</strong> พื นฐานเหล่านี ไม่ทําให้บุคคลคนนั นแตกต่างจากผู้อืน หรือ ไม่<br />
สามารถทําให้บุคคลคนนั นมีผลงานทีดีกว่าผู้อืน ดังนั น <strong>Competency</strong> กลุ่มนี จึงไม่ได้<br />
รับความสนใจจากนักวิชาการ บางคนถึงกับถือว่า ความรู้และทักษะพื<br />
นฐานเหล่านี<br />
ไม่ถือว่า เป็ น <strong>Competency</strong><br />
2) <strong>Competency</strong> ทีทําให้บุคคลแตกต่างจากผู้อืน (Differentiating Competencies)<br />
หมายถึง ปัจจัยทีทําให้บุคคลมีผลการทํางานสูงกว่ามาตรฐานหรือดีกว่าบุคคลทั วไป<br />
ซึ ง <strong>Competency</strong> ในกลุ่มนี จะมุ่งเน้นไปทีการใช้ความรู้ ทักษะและคุณลักษณะอืน ๆ<br />
เพือช่วยให้เกิดผลสําเร็จทีดีเลิศในงาน นักวิชาการจํานวนมากสนใจและให้<br />
ความสําคัญกับกลุ่มนี มาก<br />
24