à¹à¸£à¸·à¹à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸±à¸ - สà¸à¸²à¸à¸±à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸à¹à¸à¸¥à¹à¸²
à¹à¸£à¸·à¹à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸±à¸ - สà¸à¸²à¸à¸±à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸à¹à¸à¸¥à¹à¸²
à¹à¸£à¸·à¹à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸±à¸ - สà¸à¸²à¸à¸±à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸à¹à¸à¸¥à¹à¸²
- No tags were found...
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
จดหมายข่าว<br />
เดือนมิถุนายน ๒๕๕๒<br />
ตีความได้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะดึงมวลชนทั้งหมด ๙๐ คนมาอยู่ข้างรัฐ<br />
จากการพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านโครงการต่างๆ โดยที่กลุ่มขบวนการอีก<br />
๑๐ คนจะ “ฝ่อ” ไปเอง หรือหากไม่สลายไป ก็จะสามารถจับกุมปราบ<br />
ปรามกลุ่มขบวนการที่เหลือให้หมดสิ้นไปได้<br />
แน่นอนที่สุด คงไม่มีใครปฏิเสธว่ามาตรการในการแก้ไขปัญหา<br />
ที่จำเป็นต้องทำส่วนหนึ่งคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่<br />
ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ากินดีอยู่ดี สามารถ<br />
ปฏิบัติศาสนกิจตามความเชื่อของตนได้อย่างเสรี ซึ่งเป็นแนวทางถูกต้อง<br />
เหมาะสมแล้วและควรได้รับการสนับสนุนส่งเสริมอย่างเต็มที่ <br />
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจว่างานการเมืองที่เน้นการพัฒนา<br />
เพียงอย่างเดียวจะเพียงพอหรือไม่ในการยุติความรุนแรงโดยที่ไม่ต้อง<br />
มีการพูดคุยกับกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อ<br />
ทำความเข้าใจว่าคนกลุ่มนี้ต้องการอะไร และไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะ<br />
สามารถจับกุม ปรับความคิด หรือปราบปรามกลุ่มขบวนการนี้ได้อย่าง<br />
เบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามสมมติฐานข้างต้น เมื่อดูจากความรุนแรงรายวันที่<br />
ยังคงเกิดขึ้นยืดเยื้อมากว่า ๕ ปีแล้วท่ามกลางความพยายามแก้ปัญหา<br />
จากทุกภาคส่วนและการทุ่มเทงบประมาณซึ่งเป็นภาษีประชาชนไปกว่า<br />
แสนล้านบาท โดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการสูญเสียลงได้ ความไม่<br />
แน่ใจดังกล่าวนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลจะต้อง<br />
คุยกับกลุ่มขบวนการด้วยการมอบหมายหน่วยงานหรือกลุ่มบุคคล<br />
เฉพาะเพื่อดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง<br />
การพูดคุยเพื่อสันติภาพ (Peace Talks) นี้ถือเป็นงานการเมือง<br />
เชิงรุกที่เป็นรูปธรรมอีกประการหนึ่ง ความขัดแย้งในหลายกรณีทั่วโลก<br />
ไม่ว่าจะเป็นที่แคว้นบาสก์ อาเจะห์ ไอร์แลนด์เหนือ หรือมินดาเนา ก็เริ่ม<br />
ต้นคลี่คลายลงด้วยแนวทางนี้ทั้งสิ้น การพูดคุยนี้เป็นการทำความเข้าใจ<br />
ความต้องการของผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อนำมาวิเคราะห์และพิจารณา<br />
หาทางออกร่วมกันที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ในพื้นที่และมีความ<br />
เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดในการลด<br />
ความรุนแรงผ่านการสื่อสารกับผู้กระทำโดยตรง เพื่อยุติการสูญเสียชีวิต<br />
ของทุกๆฝ่ายให้ได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การพูดคุยดังกล่าวนี้ไม่ใช่การหา<br />
ข่าวอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา และที่สำคัญคือไม่ใช่การเจรจาแต่อย่างใด<br />
หากแต่เป็นการทำความเข้าใจกับคนไทยด้วยกันที่มีความเห็นต่างจาก<br />
รัฐ ๓ <br />
หากนโยบายการเมืองนำการทหารของรัฐบาลมีการดำเนินงานสองขา<br />
คู่ขนานกันไปคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และการ<br />
พูดคุยเพื่อสันติภาพกับกลุ่มขบวนการในการทำความเข้าใจว่าทำไมจึง<br />
ต้องใช้ความรุนแรง ก็น่าจะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่เข้าเป้ามากยิ่ง<br />
ขึ้น ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำ<br />
ผิด ซึ่งต้องดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรมและพยานหลักฐานอยู่<br />
แล้ว หรือไม่ได้หมายความว่าจะงดใช้การทหาร เพียงแต่ต้องเป็นการใช้<br />
การทหารเพื่อสนับสนุนงานการเมืองเท่านั้น<br />
ในเมื่อเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลคือสันติสุขในพื้นที่ หากทางเลือก<br />
ใดที่อาจจะนำมาซึ่งเป้าหมายนี้ได้ ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่า<br />
ต่อรัฐบาลที่จะลองหันมาพิจารณา<br />
<br />
<br />
๓<br />
รายงานปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้: บทวิเคราะห์และแนวทางการแก้ปัญหาเชิงรุกที่ยั่งยืนด้วยสันติวิธี โดยนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตร<br />
ชั้นสูง “การเสริมสร้างสังคมสันติสุข” รุ่นที่ ๑ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า, หน้า ๔๓