สาหร่าย
สà¹à¸¥à¸à¹à¸à¸£à¸°à¸à¸à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸£à¸¢à¸²à¸¢
สà¹à¸¥à¸à¹à¸à¸£à¸°à¸à¸à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸£à¸£à¸¢à¸²à¸¢
- No tags were found...
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
บทที่ 7<br />
<strong>สาหร่าย</strong>
<strong>สาหร่าย</strong><br />
เป็ นยูแคริโอติกเซลล์ : เซลล์เดียว กลุ่มของเซลล์ และพวกหลายเซลล์<br />
บางชนิดมีขนาดใหญ่คล้ายพืชชั ้นสูง<br />
มีโครงสร้างซับซ้อน ท าหน้าที่คล้ายราก ล าต้น และใบ แต่มิใช่ราก<br />
ล าต้น และใบที่แท้จริง<br />
ภายในเซลล์มี chlorophyll สังเคราะห์แสงได้คล้ายกับพืช<br />
แตกต่างที่ <strong>สาหร่าย</strong>มีโครงสร้างการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศอย่างง่าย ๆ<br />
ในการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ จะมีการสร้างสปอร์ที่มีแฟลเจลลา<br />
และ/หรือสปอร์ที่ไม่เคลื่อนที่อยูภายในสปอร์แรงเกียม<br />
แพร่กระจายทั ้งในน ้าจืด น ้าเค็ม น ้ากร่อย และที่ชื ้นแฉะ
สัณฐานวิทยา<br />
รูปร่างและขนาด<br />
มีหลายแบบ เช่น<br />
รูปทรงกลม ท่อน รูปคล้ายกระบอง<br />
รูปเกลียว รูปเรียวแหลม โค้งงอคล้ายพระจันทร์เสี ยว เป็ นต้น<br />
เซลล์เดี่ยว เคลื่อนที่ไม่ได้ เซลล์เดี่ยว เคลื่อนที่ได้<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 9)
ขนาดของ<strong>สาหร่าย</strong>จะแตกต่างกันไปขึ ้นอยู ่กับชนิดของ<strong>สาหร่าย</strong><br />
มีตั ้งแต่ 0.5 ไมครอน จนถึงประมาณ 100 ฟุต<br />
<strong>สาหร่าย</strong>ขนาดเล็กที่ด ารงชีวิตแบบเซลล์เดียว อยู ่เป็ นอิสระ อาจเคลื่อนที่<br />
ตามกระแสน ้าหรือเกาะอยู ่กับวัตถุต่าง ๆ ในน ้า หรือมีแฟลเจลลาช่วยใน<br />
การเคลื่อนที่<br />
ส่วน<strong>สาหร่าย</strong>ที่มีขนาดใหญ่ จะเป็ น<strong>สาหร่าย</strong>ที่อยู ่รวมกันเป็ นโคโลนี เป็ น<br />
สาย หรือเรียงตัวกันเป็ นแผ่น บางชนิดอาจมีเมือกหุ้ม และสามารถ<br />
เคลื่อนที่ได้
กลุ่ม เคลื่อนที่ไม่ได้ กลุ่ม เคลื่อนที่ได้<br />
สาย ไม่แตกแขนง<br />
สาย แตกแขนง<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 9)
ท่อ หรือหลอด คล้ายพืชชั ้นสูง<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 9)
้<br />
แฟลเจลลา<br />
<strong>สาหร่าย</strong>ที่เคลื่อนที่ได้ จะอาศัยแฟลเจลลาในการเคลื่อนที่<br />
อาจมีหนึ ่งเส้น สองเส้นคู่ หรือเป็ นกลุ่มที่ด้านในด้านหนึ ่งของเซลล์<br />
สามารถแบ่งออกเป็ นหลายชนิด ดังนี<br />
วิปแลป (whiplash) เป็ นเส้นหรือรูปทรงเป็ นกระบอกยาวและเรียบ<br />
ทินเซล (tinsel) เป็ นทรงกระบอกยาว และมีขนเล็ก ๆ ยื่นออกมาโดยรอบ<br />
ริบบอน (ribbon) เป็ นแถบแบนคล้ายริบบิน
tinsel<br />
whiplash<br />
whiplash
ผนังเซลล์และเยื่อหุ ้มเซลล์<br />
ผนังเซลล์ของ<strong>สาหร่าย</strong>มีลักษณะบาง แต่แข็งแรง อาจมี outer matrix ล้อมรอบ<br />
ส่วนเยื่อหุ้มเซลล์อาจยืดหยุ่นได้ เรียกว่า periplast เช่น เยื่อหุ้มเซลล์ของยูกลีนา<br />
สารสี<br />
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>มีหลายชนิดด้วยกัน อยู ่ในออร์แกเนลล์ “chloroplast”<br />
และสารสีมีด้วยกันหลายชนิด<br />
มีคลอโรฟิ ลล์เป็ นสารสีส าคัญ
คลอโรฟิ ลล์เอ เป็ นคลอโรฟิ ลล์ที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>ทุกชนิด<br />
คลอโรฟิ ลล์บี : Division Euglenophycophyta and Chlorophycophyta<br />
คลอโรฟิ ลล์ซี : Division Xanthophycophyta, Bacillariophycophyta,<br />
Chrysophycophyta, Pyrrophycophyta, Cryptophycophyta<br />
and Phyophycophyta<br />
คลอโรฟิ ลล์ดี : Division Rhodophycophyta<br />
คลอโรฟิ ลล์อี พบเฉพาะสกุล Triboneaea และซูโอสปอร์ของ Vaucheria<br />
ในดิวิชันแซนโธไฟโคไฟตา<br />
รงควัถตุอื่น ๆ : carotenoid ซึ ่งประกอบด้วย<br />
carotene and xanthophyll กับ phycobilin หรือ biliprotein<br />
พบในดิวิชันโรโดไฟโคไฟตา และดิวิชันคริสโทไฟตาเท่านั ้น
ภายในเซลล์ของ<strong>สาหร่าย</strong>ยังมีนิวเคลียสที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน<br />
และมีเม็ดแป้ ง หยดน ้ามัน และแวคิวโอล อีกด้วย<br />
แฟลเจลลา<br />
ผนังเซลล์<br />
แป้ ง<br />
กอลจิบอดี<br />
ไมโทคอนเดรีย<br />
คอนแทรกไทล์แวควิโอล<br />
นิวเคลียส<br />
ร่างแหเอนโดพลาสซึม<br />
แวควิโอล<br />
ไพรินอยด์<br />
คลอโรพลาสต์<br />
เยื่อหุ ้มเซลล์<br />
ที่มา (Prescott, Harley and Klein, 2005, p.556)
การสืบพันธุ ์<br />
มีทั ้งแบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศ<br />
บางชนิดอาจมีทั ้งสองแบบ<br />
บางชนิดอาจสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเพียงอย่างเดียว
การสืบพันธุ ์แบบไม่อาศัยเพศ<br />
การแตกเป็ นชิ้นส่วน (fragmentation)<br />
เป็ นการสืบพันธุ์ที่แทลลัสของ<strong>สาหร่าย</strong><br />
หัก หรือหลุดออกเป็ นท่อน<br />
พบใน<strong>สาหร่าย</strong>ที่อาศัยอยู ่รวมกันเป็ น<br />
สาย<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 11)
การแบ่งสองส่วน (binary fission)<br />
เป็ นการสืบพันธุ์ที่พบใน<br />
<strong>สาหร่าย</strong><br />
เซลล์เดียวเป็ นส่วนใหญ่<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 11)
การสร้างสปอร์ (sporulation)<br />
พบใน<strong>สาหร่าย</strong>หลายเซลล์<br />
สปอร์อาจเคลื่อนที่ได้ เรียก zoospore<br />
ซึ ่งพบใน<strong>สาหร่าย</strong>ที่อาศัยในน ้า<br />
สปอร์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เรียก<br />
aplanospore พบใน<strong>สาหร่าย</strong>ที่อาศัย<br />
อยู ่บนบก<br />
aplanospore บางชนิดอาจพัฒนาไป<br />
เป็ น zoospore ได้<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 11)
การแบ่งเซลล์สร้างโคโลนี<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 11)
การสืบพันธุ ์แบบอาศัยเพศ<br />
เป็ นการเพิ่มจ านวนโดยการสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเมียขึ ้นมา<br />
เพศผู้ จ านวนโครโมโซม 1 ชุด (n)<br />
+<br />
เพศเมีย จ านวนโครโมโซม 1 ชุด (n)<br />
ไซโกต<br />
จ านวนโครโมโซม 2 ชุด<br />
(2n)
เซลล์สืบพันธุ์อาจมีรูปร่าง ขนาดเหมือน<br />
หรือต่างกันก็ได้ ขึ ้นอยู ่กับชนิดของ<br />
<strong>สาหร่าย</strong><br />
การรวมกันของเซลล์สืบพันธุ์ที่มีรูปร่าง<br />
และขนาดเหมือนกัน เรียก isogamy<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 12)
อวัยวะสืบพันธุ ์เพศผู ้<br />
การรวมกันของเซลล์<br />
สืบพันธุ์ที่มีรูปร่างและ<br />
ขนาดแตกต่างกัน เรียกว่า<br />
heterogamy<br />
อวัยวะสืบพันธุ ์เพศเมีย<br />
ที่มา (มัณฑนา, 2547, หน้า 12)
การจัดจ าแนก<strong>สาหร่าย</strong><br />
จัดอยู ่ในอาณาจักรโพรทิสตา<br />
ประกอบด้วย 9 ดิวิชัน<br />
โรโดไฟโคไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีแดง<br />
แซนโธไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีเขียวแกมเหลือง<br />
คริสโทไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีทอง<br />
ฟี โอไฟโคไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีน ้าตาล<br />
บาซิลลาริโอไฟโคตา หรือไดอะตอม<br />
ยูกลีโนไฟโคไฟตา หรือยูกลีนอยด์<br />
คลอโรไฟโคไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีเขียว<br />
คริปโทไฟโคไฟตา หรือคริปโทโมแนด<br />
ไฟร์โรไฟโคไฟตา หรือไดโนแฟลเจลเลต
หลักเกณฑ์ในการจัดจ าแนก อาศัย<br />
ชนิดและคุณสมบัติของสารสี<br />
องค์ประกอบทางเคมีของอาหารสะสม<br />
ผลผลิตที่ได้จากการสังเคราะห์แสง<br />
ชนิด รูปร่าง และจ านวนของแฟลเจลลา<br />
ต าแหน่งที่แฟลเจลลามาเกาะติด<br />
องค์ประกอบทางเคมีและกายภาพของผนังเซลล์<br />
ลักษณะรูปร่างและการจัดระเบียบของเซลล์และทัลลัส<br />
วงจรชีวิต โครงสร้างและวิธีการสืบพันธุ์
ดิวิชันโรโดไฟโคไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีแดง<br />
<strong>สาหร่าย</strong>ในกลุ่มนี ้เกือบทั ้งหมดอาศัยอยู ่ในน ้าเค็ม<br />
ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ (ไม่มีแฟลเจลลา)<br />
สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ :<br />
การสร้างสปอร์ที่ไม่เคลื่อนที่<br />
การแตกเป็ นชิ้นส่วน<br />
ส าหรับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ<br />
การผสมกันของแกมมีตของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ที่<br />
เคลื่อนที่ไม่ได้ เรียก spermatia และอวัยวะเพศเมีย<br />
เรียก carpogonia<br />
ที่มา (Bauman, 2003, p. 369)
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ้ ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ phycoerythrin<br />
ไฟโคไซแอนิน<br />
ส่วนอาหารสะสมจะอยู ่ในรูปของ floridean strach และน ้ามัน<br />
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้<br />
Porphyra หรือ จีฉ่าย (Gelidium) ใช้ผลิตวุ้น<br />
Chondrus crispus ซึ ่งเป็ นแหล่งของ caranginan<br />
Gelidium<br />
Chondrus crispus
ดิวิชันแซนโธไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีเขียวแกมเหลือง<br />
เดิมจัดอยู ่ในดิวิชันคลอโรไฟโคไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีเขียว (green algae)<br />
พบได้มากในเขตอบอุ่น ทั ้งในน ้าจืด น ้าเค็ม และดิน<br />
ทั ้งในรูปเซลล์เดี่ยว โคโลนี เส้นสายที่แตกกิ่งก้านและไม่แตกกิ่งก้าน<br />
การสืบพันธุ์มีทั ้งแบบไม่อาศัยเพศ และอาศัยเพศ
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ<br />
อาจเป็ นการสร้างซูโอสปอร์ที่เคลื่อนที่ได้ด้วยแฟลเจลลาซึ ่งมีขนาดยาวไม่เท่ากัน<br />
เส้นที่ยาวกว่ามักมีขนเล็ก ๆ อยู ่ 2 แถว<br />
บางชนิดสร้างสปอร์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้<br />
การแตกเป็ นชิ้นส่วน<br />
การแบ่งสองส่วน<br />
ขณะที่การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศไม่ค่อยพบมากนัก
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ้ ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ<br />
คลอโรฟิ ลล์ซี<br />
แคโรทีน<br />
ส่วนอาหารสะสม คือ น ้ามัน<br />
chrysolaminarin<br />
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้<br />
Vaucheria<br />
Heterococcus<br />
Botryochloris<br />
Vaucheria<br />
Botryochloris
ดิวิชันคริสโทไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีทอง<br />
<strong>สาหร่าย</strong>ในกลุ่มนี ้ส่วนใหญ่ด ารงชีวิตแบบเซลล์เดี่ยว<br />
บางชนิดที่มีลักษณะเป็ นโคโลนี หรือมีรูปร่างกลม เป็ นเส้นสายที่ไม่<br />
เคลื่อนที่<br />
บางชนิดเคลื่อนที่โดยอาศัยแฟลเจลลา<br />
บางชนิดเป็ นอะมีบอยด์ที่มีขาเทียม (pseudopod)<br />
สามารถกินอาหารด้วยขาเทียมได้
การสืบพันธุ์มีทั ้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ<br />
ส่วนใหญ่จะสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยการแบ่งสองส่วน<br />
อาจมีการผสมกันของแกมีตแบบไอโซแกมัส<br />
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ้ ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ คลอโรฟิ ลล์ซี<br />
แคโรทีน ฟิ วโคแซนทิน (flucoxanthin)<br />
ส่วนอาหารสะสม คือ น ้ามัน และคริสโซลามินาริน
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้<br />
โอโชรโมแนส (Ochromonas)<br />
<strong>สาหร่าย</strong>เซลล์เดียว ที่มีแฟลเจลลาที่ยาวไม่เท่ากัน<br />
ไครซามีบา (Chrysamoeba)<br />
<strong>สาหร่าย</strong>ที่มีเซลล์คล้ายอะมีบา<br />
มีไรโซโพเดียมยื่นออกมาจากโพรโทพลาซึม<br />
Ochromonas<br />
Chrysamoeba
ดิวิชันฟี โอไฟโคไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีน ้าตาล<br />
มีขนาดใหญ่ที่สุด<br />
ส่วนใหญ่อาศัยอยู ่ในทะเล และมักอยู ่ในน ้าเย็น<br />
มีแฟลเจลลา 2 เส้น ขนาดไม่เท่ากันอยู ่ด้านข้างของเซลล์<br />
มีโครงสร้างที่ซับซ้อน<br />
หลายชนิดมีส่วนยึดเกาะคล้ายรากพืช (holdfast)<br />
บางชนิดมีถุงอากาศ (air bladder)<br />
หรือเคลบ(kelp) ขนาดใหญ่<br />
เคลบ<br />
ที่มา (Bauman, 2003, p. 369)<br />
ลอยตัวอยู ่ในน ้าได้
การสืบพันธุ์มีทั ้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ<br />
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ<br />
ไอโซแกมัส<br />
เฮเทอโรแกมัส<br />
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ<br />
ซูโอสปอร์
้ สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ คลอโรฟิ ลล์ซี<br />
คาโรทีน ฟิ วโคแซนทิน<br />
ส่วนอาหารสะสม คือ<br />
น ้าตาลลามินาริน (lamiinarin)<br />
คาร์โบไฮเดรตที่ละลายน ้า และน ้ามัน<br />
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้<br />
เพอริสปอโรชนัส (Perisporochnus)<br />
ซาร์กาสซัม (Sargassum)<br />
แลนด์สเบอเกีย (Landsburgia)
ดิวิชันบาซิลลาริโอไฟโคตา หรือไดอะตอม<br />
การเจริญเป็ นเซลล์เดี่ยว โคโลนี หรือเส้นสายที่มีรูปร่างแตกต่างกัน<br />
หลายแบบ<br />
เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้มีแฟลเจลลาหนึ ่งเส้นที่ด้านหน้าเซลล์<br />
<strong>สาหร่าย</strong>ในกลุ่มนี ้ถูกน ามาใช้ประโยชน์เป็ นสารขัดต่าง ๆ เช่น<br />
ยาสีฟัน น ้ายาขัดรถ และน ้ายาขัดโลหะ
้ สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ คลอโรฟิ ลล์ซี<br />
แคโรทีน ฟิ วโคแซนทิน (fucoxanthin)<br />
ส่วนอาหารสะสม คือ น ้ามัน และคริสโซลามินาริน (chrysolaminarin)<br />
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้<br />
Cocconeis placentula<br />
Melosira varians<br />
Cocconeis placentula
ดิวิชันยูกลีโนไฟโคไฟตา หรือยูกลีนอยด์<br />
เป็ น<strong>สาหร่าย</strong>เซลล์เดียว สีเขียวอ่อน ที่มีลักษณะคล้ายพืชและสัตว์<br />
ลักษณะที่คล้ายเซลล์สัตว์คือ<br />
เป็ นเซลล์เดี่ยว<br />
เคลื่อนโดยใช้แฟลเจลลา : อาจมีหนึ ่ง สอง หรือสามเส้น<br />
ที่ปลายด้านบนของเซลล์<br />
ผนังเซลล์ไม่มีเซลลูโลสเป็ นส่วนประกอบ<br />
มีจุดรับแสง (eyespot หรือ stigma)<br />
คอนแทรกไทล์แวคิวโอล (contractile vacuole)<br />
และไฟบริลภายในเซลล์<br />
ลักษณะที่แต่จะคล้ายพืช คือมีคลอโรพลาสต์ สังเคราะห์แสงได้
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ้ ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ คลอโรฟิ ลล์บี<br />
เบตาคาโรทีน (-carotene)<br />
ส่วนอาหารสะสม: แป้ งที่ไม่ละลายน ้าชื่อพาราไมลอน (paramylon)<br />
น ้ามัน
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้<br />
ยูกลีนา แอสคัส (Euglena ascus)<br />
ทราชีโลโมแนส (Trachelomonas)
Trachelomonas<br />
ที่มา (Perry and Morton, 1996, p. 18)
Euglena ascus<br />
ที่มา (Perry and Morton, 1996, p. 18)
ดิวิชันคลอโรไฟโคไฟตา หรือ<strong>สาหร่าย</strong>สีเขียว<br />
ถือเป็ น<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มใหญ่ที่สุดใน<strong>สาหร่าย</strong>ทั ้งหมด<br />
พบอาศัยอยู ่ในน ้าจืด น ้าเค็ม และบนบก<br />
มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกัน เช่น รูปถ้วย ตาข่าย และขดดาว<br />
อาจอยู ่ในลักษณะเซลล์อิสระ อยู ่รวมกันเป็ นโคโลนี เป็ นกลุ่มหรือเป็ นสาย<br />
มีทั ้งที่เคลื่อนที่ได้ โดยแฟลเจลลา :อาจมีหนึ ่ง สอง สี่เส้น หรือมากกว่า<br />
พวกเคลื่อนที่ไม่ได้
การสืบพันธุ์มีทั ้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ<br />
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ<br />
ไอโซแกมัส<br />
เฮเทอโรแกมัส<br />
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ<br />
ซูโอสปอร์<br />
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>สีเขียว ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ คลอโรฟิ ลล์บี และแคโรนีน<br />
ส่วนอาหารสะสมจะอยู ่ในรูปของแป้ ง และน ้ามัน
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้
Volvox
Chlamydomonas
Acetabularia
Micrasterias
Spirogyra
ดิวิชันคริปโทไฟโคไฟตา หรือคริปโทโมแนด<br />
ด ารงชีวิตแบบเซลล์เดี่ยว<br />
มีรูปร่างแบนทั ้งด้านบนและล่างคล้ายรองเท้าแตะ<br />
อาจมีผนังเซลล์ หรือไม่มีก็ได้ขึ ้นอยู ่กับแต่ละชนิด<br />
มีแฟลเจลลาสองเส้นออกจากฐานร่อง (groove)<br />
สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ : ซูโอสปอร์ ซีสต์ หรือแบ่งสองส่วนตามยาว
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ้ ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ คลอโรฟิ ลล์ซี<br />
แคโรทีน ไฟโคอิริทริน<br />
ไฟโคไซแอนิน<br />
อาหารสะสมอยู ่ในรูปของแป้ ง และน ้ามัน
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้<br />
Cryptomonas similis<br />
Chilomonas paramecium
ดิวิชันไฟร์โรไฟโคไฟตา หรือไดโนแฟลเจลเลต<br />
ด ารงชีวิตแบบเซลล์เดี่ยว<br />
พบทั ้งในน ้าเค็ม น ้ากร่อย และน ้าจืด<br />
ส่วนมากไม่มีผนังเซลล์<br />
บางชนิดอาจมีแผ่นเซลลูโลส (cellulose plate) ในเยื่อหุ้มเซลล์<br />
ท าให้มีลักษณะคล้ายเกราะ เรียกว่าธีคัลเพลท (thecal plates)<br />
มีลักษณะรูปร่างแบน มีร่องตามขวางและตามยาว<br />
มีแฟลเจลลาสองเส้นอยู ่ในร่องทั ้งสองนี ้
สารสีที่พบใน<strong>สาหร่าย</strong>กลุ่มนี ้ ประกอบด้วย<br />
คลอโรฟิ ลล์เอ คลอโรฟิ ลล์ซี และแคโรทีน<br />
ส่วนอาหารสะสมอยู ่ในรูปของแป้ ง และน ้ามัน
ตัวอย่างของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันนี ้
Ceratium
ค าถามท้ายบท<br />
1. จงยกตัวอย่างรูปร่างของ<strong>สาหร่าย</strong>มา 3 แบบ<br />
2. แฟลเจลลาของ<strong>สาหร่าย</strong>มีกี่แบบ จงอธิบาย<br />
3. จงอธิบายการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของ<strong>สาหร่าย</strong> พร้อมยกตัวอย่าง<br />
4. จงอธิบายการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของ<strong>สาหร่าย</strong> พร้อมยกตัวอย่าง<br />
5. คุณลักษณะที่ใช้ในการจัดจ าแนก<strong>สาหร่าย</strong>มีอะไรบ้าง อธิบาย<br />
6. จงอธิบายลักษณะที่ส าคัญของ<strong>สาหร่าย</strong>ในดิวิชันต่าง ๆ พร้อมยกตัวอย่าง