download - ราà¸à¸§à¸´à¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢ à¹à¸ªà¸ ศภà¸à¸²à¸ªà¸´à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹ à¹à¸«à¹à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨à¹à¸à¸¢
download - ราà¸à¸§à¸´à¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢ à¹à¸ªà¸ ศภà¸à¸²à¸ªà¸´à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹ à¹à¸«à¹à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨à¹à¸à¸¢
download - ราà¸à¸§à¸´à¸à¸¢à¸²à¸¥à¸±à¸¢ à¹à¸ªà¸ ศภà¸à¸²à¸ªà¸´à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹ à¹à¸«à¹à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸¨à¹à¸à¸¢
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
้<br />
วิธีการป้องกัน Sedation<br />
1. ให้เริ ่มด้วยขนาดยาของ opioids ขนาดต่ำสุดที ่สามารถควบคุมความปวดได้ โดยเฉพาะ<br />
ในผู ้ป่วยสูงอายุ และผู ้ป่วยที ่มีการทำงานของไตบกพร่อง<br />
2. ในกรณีที่ต้องเพิ่มขนาดยา opioids ให้เพิ่มขึ้นทีละน้อย ประมาณร้อยละ 25-50 ของ<br />
ขนาดยาเดิม โดยทั ่วไปผู ้ป่วยมักจะปรับตัวกับอาการ sedation ได้เมื ่อเริ ่มใช้ opioids ไปแล้วประมาณ<br />
1-2 สัปดาห์ และในกรณีที ่ผู ้ป่วยยังมีอาการ sedation อยู ่ภายหลังจากเริ ่มใช้ opioids ไปแล้วประมาณ<br />
1-2 สัปดาห์ แนะนำให้<br />
♦ ประเมินเพื่อหาสาเหตุอื่นของการเกิด sedation เช่น พยาธิสภาพอื่นของระบบ<br />
ประสาทส่วนกลาง, ยาอื่นที่ให้ร่วมที่มีฤทธิ์ทำให้ sedation, ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง และ sepsis,<br />
electrolyte imbalance, ภาวะพร่องน้ำ (dehydration) เป็นต้น<br />
♦ พิจารณาเพิ่มยาในกลุ่ม NSAIDs และ/หรือ co-analgesics เช่น anti-depressant,<br />
ยากันชัก ร่วมไปกับการใช้ยาในกลุ ่ม opioids โดยลดขนาดยาในกลุ ่ม opioids ลง<br />
♦ ลดขนาดยาของ opioids ลง ให้อยู ่ในขนาดต่ำสุดที ่สามารถควบคุมความปวดได้<br />
♦ พิจารณาเปลี ่ยนยา opioids ไปเป็นอีกตัวหนึ ่ง เช่น จาก morphine ไปเป็น fentanyl<br />
เป็นต้น<br />
ถ้า sedation score = 3 และอัตราการหายใจน้อยกว่า 10 ครั ้ง/นาที ควรให้การรักษาและ<br />
ดูแลผู ้ป่วยอย่างใกล้ชิด เนื ่องจากมีโอกาสเกิดการกดการหายใจจากการใช้ opioids ได้ การรักษาคือ<br />
1. ให้ oxygen และดูแลการหายใจ<br />
2. ให้ยาต้านฤทธิ์ naloxone ทางหลอดเลือดดำ โดย titrate dose ครั้งละ 0.1 มิลลิกรัม<br />
ทุก 5-10 นาที จนผู้ป่วยรู้สึกตัว ต่อจากนั้นต้องเฝ้าระวังอาการ และอาจต้องให้ naloxone ซ้ำอีกทุก<br />
1 ชั ่วโมง เพราะ naloxone มีระยะเวลาการออกฤทธิ ์เพียง 1 ชั ่วโมง<br />
3. แก้สาเหตุ<br />
2. ท้องผูก เกิดจากการกระตุ ้น m receptors ทั ้งที ่ระบบประสาทส่วนกลางและที ่ทางเดินอาหาร<br />
ทำให้ลด peristalsis ของทางเดินอาหาร และเพิ ่มการดูดน้ำกลับที ่ทางเดินอาหารอีกด้วย อาการท้องผูก<br />
ที ่เกิดจากการใช้ opioids จะคงอยู ่ตลอดเวลาที ่ใช้ยา ดังนั ้นจึงควรให้ยาระบายร่วมไปด้วยเสมอ และควร<br />
เพิ ่มขนาดยาระบายเมื ่อเพิ ่มขนาดยา opioids ขึ ้น<br />
คำแนะนำเพื ่อป้องกันอาการท้องผูก ดังนี<br />
1. เพิ ่ม fluid intake ให้ได้อย่างน้อยวันละ 2-2.5 ลิตร แต่ต้องระวังในภาวะบางอย่าง เช่น<br />
ภาวะหัวใจล้มเหลว, ภาวะไตทำงานบกพร่อง<br />
2. เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีกาก<br />
3. เพิ่มการออกกำลังและการเคลื่อนไหวในรายที่สามารถทำได้<br />
4. ยาระบายที่ใช้ควรเป็นชนิด stimulant laxatives เช่น bisacodyl, sennoside เป็นต้น<br />
หรืออาจเป็นยาในกลุ่ม stool softeners เช่น docusate เป็นต้น และไม่ควรใช้ยาระบายชนิด<br />
bulk forming เช่น methylcellulose เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเรื ่อง GI obstruction มากขึ ้น<br />
22<br />
แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาความปวดจากมะเร็ง