30.01.2015 Views

Thermal System Design - สภาวิศวกร

Thermal System Design - สภาวิศวกร

Thermal System Design - สภาวิศวกร

SHOW MORE
SHOW LESS

Create successful ePaper yourself

Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.

สาขา: เครื่องกล วิชา: ME72 <strong>Thermal</strong> <strong>System</strong> <strong>Design</strong><br />

1 of 130<br />

ขอที่ : 1<br />

ขอที่ : 2<br />

ขอที่ : 3<br />

ขอที่ : 4<br />

ขั้นตอนใดเปนขั้นตอนแรกในการออกแบบทางวิศวกรรม<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

<strong>System</strong> design and cost estimation.<br />

Defined need or opportunity<br />

Market analysis.<br />

Probability of success<br />

เปาหมายสูงสุดในการออกแบบระบบ <strong>Thermal</strong> system design คือ<br />

คําตอบ 1 : ระบบที่คุมทุนและสามารถทํางานไดตามที่ตองการ<br />

คําตอบ 2 : ระบบที่ทันสมัยและทํางานไดดีที่สุด<br />

คําตอบ 3 : ระบบที่ถูกที่สุดที่สามารถทํางานได<br />

คําตอบ 4 : ระบบที่ออกแบบตรงตามความตองการของลูกคา<br />

ขอใดเรียงลําดับขั้นตอนที่ถูกตองในการออกแบบระบบหรือผลิตภัณฑตามหลักวิศวกรรม<br />

คําตอบ 1 :<br />

ระบุความตองการและโอกาส – วิเคราะหตลาด – วิเคราะหความนาจะเปนของความสําเร็จ<br />

คําตอบ 2 : วิเคราะหตลาด – ศึกษาความเปนไปไดของโครงการ – เริ่มกอสรางหรือผลิต<br />

คําตอบ 3 : ศึกษาความเปนไปไดของโครงการ – วิเคราะหตลาด – เริ่มกอสรางหรือผลิต<br />

คําตอบ 4 : วิเคราะหตลาด – กอสรางหรือผลิต – ประเมินความสําเร็จ<br />

ขั้นตอนตอไปนี้จะเกิดหลังขั้นตอนการศึกษาความนาจะเปนของโครงการ (Feasibility Study) ยกเวนขอใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Criteria for Success<br />

Market Analysis<br />

Research and Development<br />

Project Cancellation<br />

ขอที่ : 5<br />

ขั้นตอนการศึกษาความนาจะเปนของโครงการ (Feasibility Study) ควรจะดําเนินการตอเนื่องจากขั้นตอนใด


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Marketing Analysis<br />

Research and Development<br />

Product or <strong>System</strong> <strong>Design</strong> and Cost Estimation<br />

Need or Opportunity<br />

2 of 130<br />

ขอที่ : 6<br />

ในบางโครงการจําเปนตองมีขั้นตอน Research and Development เพื่อใหโครงการมีประสิทธิภาพและมีความเปนไปไดมากขึ้น ขั้นตอนนี้ควรอยูระหวางขั้นตอนใด<br />

คําตอบ 1 : Criteria for Success และ Probability of Success<br />

คําตอบ 2 : Need or Opportunity และ Criteria for Success<br />

คําตอบ 3 : Marketing Analysis และ Feasibility Study<br />

คําตอบ 4 : Feasibility Study และ Implement Construction<br />

ขอที่ : 7<br />

สิ่งใดไมไดอยูในขั้นตอนการออกแบบทางความรอน<br />

คําตอบ 1 : การทําความเขาใจปญหา (Understanding the problem)<br />

คําตอบ 2 : การพัฒนาแนวความคิด (Concept development)<br />

คําตอบ 3 : การออกแบบอยางละเอียด (Detailed design)<br />

คําตอบ 4 : การตั้งสมมุติฐานในการออกแบบ (Hypothesis)<br />

ขอที่ : 8<br />

ขอที่ : 9<br />

ขั้นตอนสุดทายในการออกแบบคืออะไร<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบในแตละอุปกรณ<br />

คําตอบ 2 : การวิเคราะหทางเศรษฐศาสตร<br />

คําตอบ 3 : การดําเนินการกับผลลัพธ<br />

คําตอบ 4 : การเลิกกิจการ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จากแผนภูมิแสดงผลการวิเคราะหตลาด (Market Analysis) ขอใดแสดงถึงตัวแปรตางๆ ในแผนภูมิ ไดถูกตองโดย เรียงตัวแปร A-B-C-D ตามลําดับ


3 of 130<br />

ขอที่ : 10<br />

ขอที่ : 11<br />

ขอที่ : 12<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Potential volume of sales- High sales and advertising effort-Low effort-Price<br />

Price- High sales and advertising effort-Low effort- Potential volume of sales<br />

Potential volume of sales- Low effort- sales and advertising effort- Price<br />

Price- Low effort- High sales and advertising effort- Potential volume of sales<br />

ขอไมใชตัวแปรในการพิจารณาในกระบวนการศึกษาความเปนไปไดของโครงการกอสรางหรือการ ออกแบบ (Feasibility study)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Investment capital<br />

Economics<br />

Zoning regulations<br />

Land costs<br />

ขั้นตอนใดไมจําเปนทางทฤษฎีในการออกแบบทางวิศวกรรม (Engineering Undertaking)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Determine probability of success<br />

Market Analysis<br />

Research and Development<br />

Feasibility study<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

การคํานวนหาจุดคุมทุน (Optimized) ของการออกแบบระบบ สิ่งใดที่ตองพิจารณาเปนสําคัญ<br />

คําตอบ 1 : ดูวาระบบนั้นใชทําอะไร<br />

คําตอบ 2 : ดูวาระบบทํางานไดหรือไม<br />

คําตอบ 3 : ดูวาคุมคาตอการลงทุนหรือไม<br />

คําตอบ 4 : ดูวาระบบมีประสิทธิภาพดีหรือไม


ขอที่ : 13<br />

ขอที่ : 14<br />

ขอที่ : 15<br />

ขอที่ : 16<br />

ในการออกแบบทางวิศวกรรม ขั้นตอนหลังจากที่ทราบความตองการหรือเห็นวามีโอกาสความเปนไปไดแลว คือ<br />

คําตอบ 1 : หาผูรวมทุน<br />

คําตอบ 2 : หาตลาด<br />

คําตอบ 3 : กําหนดแนวคิดในการออกแบบ<br />

คําตอบ 4 : พิจารณาโอกาสที่จะสําเร็จ<br />

หลังจากศึกษาไดวาโปรเจคมีความนาจะเปนสูงที่จะมีความสําเร็จ ขั้นตอนตอไปที่ตองศึกษาคือ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

ศึกษาตลาด<br />

กําหนดวิธีการการออกแบบ<br />

คําตอบ 3 : กําหนดวัสดุที่จะใช<br />

คําตอบ 4 : กําหนดความตองการ<br />

หลังจากศึกษาไดวาโปรเจคมีความนาจะเปนสูงที่จะมีความสําเร็จ ขั้นตอนตอไปที่ตองศึกษาคือ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

ศึกษาตลาด<br />

กําหนดวิธีการการออกแบบ<br />

คําตอบ 3 : กําหนดวัสดุที่จะใช<br />

คําตอบ 4 : กําหนดความตองการ<br />

หลังจากขั้นตอนการทํา Feasibility แลว ถาพบวามีโอกาสที่สําเร็จสูง ขั้นตอนใดควรเปนขั้นตอนตอไป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Market analysis<br />

Research and Development<br />

Technical design<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ไมมีขอถูก<br />

4 of 130<br />

ขอที่ : 17<br />

อะไรคือขั้นตอนตอไปหลังจากการทํา Market analysis<br />

คําตอบ 1 : Specify criteria of success<br />

คําตอบ 2 : Feasibility study


คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Technical design<br />

R&D<br />

5 of 130<br />

ขอที่ : 18<br />

ขอที่ : 19<br />

ขอที่ : 20<br />

ขอที่ : 21<br />

หลังจากทํา R&D แลวพบแนวคิดใหมๆขึ้นมา ควรตองกลับไปเริ่มที่ขั้นตอนใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Market analysis<br />

Feasibility study<br />

Technical design<br />

Define need or opportunity<br />

หลังจากทําขั้นตอน Feasibility study แลว และพบวามีโอกาสเปนไปได หากไมจําเปนตองทํา R&D สามารถดําเนินขั้นตอนใดได<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Technical design<br />

Market analysis<br />

Implement<br />

Specify criteria of success<br />

ในการออกแบบหากเราขาดขอมูลสําคัญหรือมีขอมูลคลุมเครืออยู ควรทําอยางไร<br />

คําตอบ 1 : หาแนวทางการออกแบบใหมที่ไมใชขอมูลนั้น<br />

คําตอบ 2 : ทําการจําลองและทดสอบในหองทดลอง<br />

คําตอบ 3 : ออกแบบโดยสมมุติขอมูลนั้นใหชัดเจน<br />

คําตอบ 4 : ทํางานในขั้นตอนอื่นๆ ไปกอน<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ผลผลิตที่เกิดขึ้นทันทีจากขบวนการออกแบบคือ<br />

คําตอบ 1 : รายงานการคํานวณและแบบตาง ๆ ที่จะนํามาผลิตตอไป<br />

คําตอบ 2 : สินคาที่ผลิตได<br />

คําตอบ 3 : ความรูความเขาใจในขบวนการผลิตนั้น ๆ<br />

คําตอบ 4 : การติดตอสื่อสารกับบุคคลากรที่เกี่ยวของ<br />

ขอที่ : 22


คําวา <strong>Thermal</strong> <strong>System</strong> หมายถึง<br />

คําตอบ 1 : ระบบที่พลังงานตาง ๆ ไปขับเคลื่อนทําใหเกิดขบวนการตาง ๆ ขึ้นมา<br />

คําตอบ 2 : ระบบทางความรอนที่เกี่ยวของกับพลังงานทั้งในของแข็ง ของเหลวและกาซ<br />

คําตอบ 3 : ระบบทางความรอนซึ่งของไหลและพลังงานที่อยูในรูปของความรอนและงานเกิดการสงถายและเปลี่ยนแปลงไปมา<br />

คําตอบ 4 : ระบบทางเทอรโมไดนามิคสที่เกี่ยวพันกับของไหลและพลังงาน<br />

6 of 130<br />

ขอที่ : 23<br />

Methodology หรือ Morphology ในงานทางดานวิศวกรรมคือ<br />

ขอที่ : 24<br />

ขอที่ : 25<br />

ขอที่ : 26<br />

คําตอบ 1 : ความรูความสามารถ ความเขาใจในงานที่ตองตัดสินใจ<br />

คําตอบ 2 : การวิเคราะหขั้นตอนและขบวนการในแตละขั้นเพื่อนําไปสูการตัดสินใจในขั้นตอนสุดทาย<br />

คําตอบ 3 : การสรางวิธีการในการแกปญหาทางดานวิศวกรรม<br />

คําตอบ 4 : การประยุกตใชวิธีการทางทฤษฎีใหปรับใชไดในทางปฏิบัติเพื่อใหงานทางดานวิศวกรรมสําเร็จลงได<br />

สิ่งที่จะตองมีมากอนเปนอยางแรกในการตัดสินใจทํางานทางดานวิศวกรรมคือ<br />

คําตอบ 1 : เงินลงทุนในปริมาณที่เพียงพอ<br />

คําตอบ 2 : ปริมาณวิศวกรสาขาตาง ๆ ที่พอเพียงตอการทํางานนั้น<br />

คําตอบ 3 : กําหนดนิยามของความตองการหรือโอกาสของงานทางดานวิศวกรรมไดอยางถูกตองและแมนยํา<br />

คําตอบ 4 : ความแข็งแกรงของคูแขงในตลาดเพื่อรักษาสวนแบงทางดานการตลาด<br />

การแจกแจงความนาจะเปนแบบไหนที่เหมาะสมสําหรับใชเปนเครื่องมือการตัดสินใจ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

การแจกแจงแบบยกกําลัง (Exponential Distribution)<br />

การแจกแจงแบบแกมมา (Gamma Distribution)<br />

การแจกแจงแบบที (T Distribution)<br />

การแจกแจงแบบปกติ ( Normal Distribution)<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

สิ่งสําคัญที่สุดสําหรับนักตัดสินใจที่จําเปนตองทราบ เพื่อการตัดสินใจทํางานทางดานวิศวกรรมคือ<br />

คําตอบ 1 : ผลตอบแทนที่คุมคา<br />

คําตอบ 2 : เงินลงทุนที่ไมบานปลาย<br />

คําตอบ 3 : โอกาสที่สินคานั้นจะผลิตขึ้นโดยมีการสูญเสียนอย


คําตอบ 4 : ผลตอบแทนและความนาจะเปนที่จะไดรับผลตอบแทนนั้น ๆ<br />

ขอที่ : 27<br />

ขอที่ : 28<br />

ขอที่ : 29<br />

ขอที่ : 30<br />

ความเปนไปไมไดในเชิงไมสามารถทําไดของโครงการเปนผลมาจากอะไรไดบาง<br />

คําตอบ 1 : ขัดตอกฎหมายและขอบังคับตาง ๆ ขาดแรงงาน ขาดเงินทุนและที่ดิน<br />

คําตอบ 2 : ขาดความรูความสามารถ มีความไมปลอดภัยในการทํางาน<br />

คําตอบ 3 : ขาดคนตั้งใจทํางาน ขาดความสามัคคี<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

การวิเคราะหความนาจะเปนของความสําเร็จจะเปนตัวบงชี้ใหเกิดขบวนการอะไรตอไป<br />

คําตอบ 1 : การกําหนดเงื่อนไขของความสําเร็จ<br />

คําตอบ 2 : การกําหนดความตองการหรือโอกาส<br />

คําตอบ 3 : เงินลงทุนที่จะตองใช<br />

คําตอบ 4 : การวิเคราะหดานตลาด<br />

ขอใดจัดเปนการออกแบบเชิงเทคนิค<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

ตนทุนการผลิต<br />

คุณสมบัติของอุปกรณและระบบ<br />

คําตอบ 3 : กลุมเปาหมายทางการตลาด<br />

คําตอบ 4 : วิเคราะหปจจัยทางเศรษฐศาสตร<br />

ขอไมใชตัวแปรในการพิจารณาในกระบวนการศึกษาความเปนไปไดของการ ออกแบบ ในการวิเคราะหแบบ (Feasibility study)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Fix Cost<br />

Operating Cost<br />

Equipment or <strong>System</strong> Cost<br />

Maintenance Cost<br />

7 of 130<br />

ขอที่ : 31<br />

ในการออกแบบระบบ บางครั้งจําเปนตองมีการพิจารณาซ้ํา (Iteration) เพื่อเปนการตรวจสอบ ยืนยัน ปรับปรุง กระบวนการ ออกแบบใหมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ขั้นตอนตอไปนี้ ยกเวน ขั้น


ตอนใด ไมจัดอยูภายใตกระบวนการพิจารณาซ้ําตามหลักการออกแบบทาง วิศวกรรม<br />

คําตอบ 1 : Criteria for Success<br />

คําตอบ 2 : Marketing Analysis<br />

คําตอบ 3 : Feasibility Study<br />

คําตอบ 4 : Cost Estimation<br />

8 of 130<br />

ขอที่ : 32<br />

ขอที่ : 33<br />

ขอที่ : 34<br />

ขอที่ : 35<br />

ในการออกแบบทางวิศวกรรม บางครั้งอาจจะไมเหมาะสมในการดําเนินการตอ (โครงการยกเลิก) อาจเกิดขึ้นภายหลังขั้นตอนใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Need or Opportunity<br />

Criteria of Success<br />

Probability of Success<br />

Market Analysis<br />

ในการออกแบบทางวิศวกรรม บางครั้งอาจจะไมเหมาะสมในการดําเนินการตอ (โครงการยกเลิก) อาจเกิดขึ้นภายหลังขั้นตอนใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Feasibility Study<br />

<strong>Design</strong> and Cost Estimates<br />

Research and Development<br />

Implementation or Construction<br />

จากแผนภูมิแสดงผลการวิเคราะหตลาด (Market Analysis) ราคาขายสินคามักจะแปรผกผันกับสิ่งใด หากพิจารณาทําการตลาด ของสินคาชนิดเดียวกัน เทาๆ กัน<br />

คําตอบ 1 :<br />

จํานวนสินคาคงเหลือ<br />

คําตอบ 2 : จํานวนสินคาที่ขายได<br />

คําตอบ 3 : ขอจํากัดทางเศรษฐศาสตร<br />

คําตอบ 4 : จํานวนเงินลงทุน<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ในการพิจารณาแผนภูมิแสดงผลการวิเคราะหตลาด (Market Analysis) หากยอดขายคงที่ วิธีใดเปนวิธีการเพิ่มราคาสินคาใหมี ราคาสูงขึ้น<br />

คําตอบ 1 : เพิ่มเงินลงทุนในการผลิต<br />

คําตอบ 2 : ลดตนทุนในการผลิต<br />

คําตอบ 3 : เพิ่มราคาสินคา


คําตอบ 4 : เพิ่มการโฆษณาหรือสงเสริมการขาย<br />

ขอที่ : 36<br />

ขั้นตอนใดไมจัดเปนกระบวนการเทคนิคทางดานวิศวกรรม (Technical Engineering Undertaking)<br />

คําตอบ 1 : Research<br />

คําตอบ 2 : <strong>System</strong> design<br />

คําตอบ 3 : Implement and Construction<br />

คําตอบ 4 : Development<br />

ขอที่ : 37<br />

ขั้นตอนใดจัดเปนกระบวนการเทคนิคทางดานวิศวกรรม (Technical Engineering Undertaking)<br />

คําตอบ 1 : Marketing Analysis<br />

คําตอบ 2 : Feasibility Study<br />

คําตอบ 3 : Cost Estimation<br />

คําตอบ 4 : Specify criteria for success<br />

ขอที่ : 38<br />

ขั้นตอนใดจัดเปนกระบวนการเทคนิคทางดานวิศวกรรม (Technical Engineering Undertaking)<br />

คําตอบ 1 : Define need and opportunity<br />

คําตอบ 2 : Marketing Analysis<br />

คําตอบ 3 : Specify criteria for success<br />

คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />

ขอที่ : 39<br />

ขั้นตอนใดตอไปนี้ควรพิจารณาและกระทําภายหลังเสร็จสินการทํางานทางดานวิศวกรรม (Engineering Undertaking)<br />

คําตอบ 1 : บริหารตนทุนการดําเนินการใหต่ําที่สุด<br />

คําตอบ 2 : วิเคราะหสวนแบงทางตลาด<br />

คําตอบ 3 : วิจัยและพัฒนาสินคาหรือระบบ<br />

คําตอบ 4 : กําหนดจุดมุงหมายและความสําเร็จ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

9 of 130<br />

ขอที่ : 40<br />

ขั้นตอนใดจะเปนตัวบงชี้ใหเกิดขบวนการ ศึกษาความเปนไปไดของโครงการ (Feasibility Study) ตอไป


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

การดําเนินการผลิต หรือ กอสราง ระบบ หรือ อุปกรณ<br />

การดําเนินการออกแบบ และประเมินราคาของระบบ หรืออุปกรณ<br />

การวิจัยและพัฒนาระบบ หรืออุปกรณ<br />

การกําหนดนิยามของความตองการหรือโอกาสของงานทางดานวิศวกรรม<br />

10 of 130<br />

ขอที่ : 41<br />

ขอที่ : 42<br />

ขอที่ : 43<br />

ขอที่ : 44<br />

ขอใดไมใชความหมายของระบบใชงานได (Workable <strong>System</strong>)<br />

คําตอบ 1 : ระบบที่มีคาดําเนินการและคาบํารุงรักษาที่ดี<br />

คําตอบ 2 : ระบบที่ตรงวัตถุประสงคในการออกแบบ<br />

คําตอบ 3 : ระบบที่มีจุดคุมทุนดีที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ระบบที่เปนไปตามขอกําหนดเบื้องตนในการออกแบบ<br />

ขอใดกลาวถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ระบบที่ทํางานไดกับระบบที่เหมาะสมที่สุด แทจริงแลวมีความหมายเหมือนกัน<br />

คําตอบ 2 : ระบบที่เหมาะสมที่สุดเปนซับเซตของระบบที่ทํางานได<br />

คําตอบ 3 : ระบบที่ทํางานได คือระบบที่คุมคาตอการลงทุนที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ระบบที่ทํางานไดเปนซับเซตของระบบเหมาะสมที่สุด<br />

ในการออกแบบที่เหมาะสมที่สุดสําหรับอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบของไหลไหลสวนทางกัน (Counter flow heat exchanger) ซึ่งมีตัวแปรในการออกแบบ คือ ผลตางของ<br />

อุณหภูมิต่ําสุดระหวางของของไหลทั้งสองที่แลกเปลี่ยนความรอนกัน (ΔTmin) จะตอง ออกแบบอยางไร<br />

คําตอบ 1 : ออกแบบใหเกิดคาใชจายโดยรวมทั้งหมดมีคาต่ําที่สุด เมื่อคิดตลอดการใชงาน<br />

คําตอบ 2 : ออกแบบใหคา ΔTmin สูงสุด เพื่อประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนความรอน<br />

คําตอบ 3 : ออกแบบใหอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนมีราคาถูกที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ออกแบบใหคาใชจายเริ่มตนในตอนลงทุนต่ําที่สุด เพื่อแสดงใหเห็นถึงความเปนไปไดของโครงการ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ตองการสงน้ําขึ้นถังซึ่งสูงจากพื้น 20 เมตร ใหไดในอัตรา 200 ลูกบาศกเมตร ตอชั่วโมง ขอใดเปนการออกแบบที่ระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong>)<br />

คําตอบ 1 : ติดตอผูขายเครื่องสูบน้ํา สั่งซื้อเครื่องสูบน้ําที่มีความดัน 20 เมตร<br />

คําตอบ 2 : เลือกใชทอขนาด 8 นิ้ว จากนั้นหาคาความดันสูญเสียในทอ แลวนําคาที่ไดไปเลือกซื้อเครื่องสูบน้ํา<br />

คําตอบ 3 : คํานวณหาขนาดทอโดยพิจารณาความเร็วของน้ําในทอ จากนั้นคํานวณความดันสูญเสียในทอรวมกับ Static Head เพื่อนําไปซื้อเครื่อง สูบ<br />

คําตอบ 4 : คํานวณหาขนาดทอและขนาดเครื่องสูบที่เหมาะสมโดยพิจารณาถึงเงินลงทุนและคาดําเนินการดวย


ขอที่ : 45<br />

ขอที่ : 46<br />

ขอที่ : 47<br />

เกณฑที่ใชในการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดคืออะไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ประสิทธิภาพการทํางานของแตละอุปกรณ<br />

ประสิทธิภาพการทํางานของระบบโดยรวม<br />

สภาพทางเศรษฐศาสตร<br />

สภาพทางเศรษฐกิจ<br />

จากแผนภูมิระหวาง ความหนาของฉนวนกันความรอน (Insulation thickness, แกนX) และ คาลงทุนทั้งหมด (Total cost, แกนY) จงพิจารณาวาคาความหนาของฉนวนที่อยูบริเวณ<br />

ใด เปน ความหนาที่มีคาการลงทุน (Total cost) ต่ําสุด หากพิจารณาคาลงทุนของฉนวน (Insulation cost) และ คาลงทุนเนื่องจากการสูญเสียความรอน (Cost of lost energy)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

A<br />

B<br />

C<br />

D<br />

ขอใดอธิบายความหมายของคําวา ระบบที่สามารถทํางานได (Workable system) ไดเหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 1 : หมายถึงระบบที่ใชอุปกรณที่มีคุณภาพสูง<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 2 : หมายถึงระบบที่ออกแบบไดถูกตองตามมาตรฐาน<br />

คําตอบ 3 : หมายถึงระบบที่สามารถทํางานไดตามความตองการ<br />

คําตอบ 4 : หมายถึงระบบที่ออกแบบไดคุมทุนและสามารถทํางานไดตามที่ตองการ<br />

11 of 130<br />

ขอที่ : 48<br />

ขอใดคือนิยามของคําวาระบบที่ทํางานได(Workable system)ที่เหมาะสมทีสุด


คําตอบ 1 : คือระบบที่ออกแบบไดถูกตองตามาตรฐานและใชอุปกรณที่มีคุณภาพ<br />

คําตอบ 2 : คือระบบที่ออกแบบใหสามารถทํางานไดตามที่ตองการ<br />

คําตอบ 3 : คือระบบที่ออกแบบไดคุมคาที่สุด<br />

คําตอบ 4 : คือระบบที่ออกแบบแลวใชเงินลงทุนนอยที่สุด<br />

12 of 130<br />

ขอที่ : 49<br />

การออกแบบใดเหมาะสมกับคําวาระบบที่สามารถทํางานได(Workable system)มากที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําที่สามารถสงน้ําไดตามปริมาณที่ตองการ<br />

คําตอบ 2 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําที่ใชพลังงานนอยที่สุดและสามารถสงน้ําไดตามตองการ<br />

คําตอบ 3 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําที่สามารถทํางานไดและใชวัสดุที่ดีที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ออกแบบระบบทอและเลือกขนาดปมน้ําโดยมีคาติดตั้งนอยที่สุด<br />

ขอที่ : 50<br />

ระบบใดอธิบายคําวาระบบที่สามารถทํางานได(Workable system)ไดเหมาะสมที่สุด<br />

ขอที่ : 51<br />

คําตอบ 1 : ระบบทําความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยที่เสียคาลงทุนนอยที่สุด<br />

คําตอบ 2 : ระบบสงน้ําที่เมื่อเดินปมแลวสามารถสงน้ําขึ้นถังเก็บไดปริมาณตามที่ตองการ<br />

คําตอบ 3 : ระบบอัดอากาศที่เสียคาใชจายในการเดินเครื่องและการติดตั้งนอยที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ระบบแลกเปลี่ยนความรอนที่ใชวัสดุดีที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุด<br />

ระบบใดเหมาะสมกับคําวา Workable system มากที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ระบบสงน้ําถึงถังเก็บบนภูเขาโดยพิจารณาความดันสูญเสียในทอและความสูงของภูเขาเปนสําคัญ<br />

คําตอบ 2 : ระบบสงน้ําที่พิจารณาถึงผลกระทบของขนาดทอที่มีตอการใชพลังงานของปมน้ําและเลือกขนาดของทอและปมที่เหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 3 : ระบบสงน้ําที่พิจารณาถึงความมั่นคงของระบบเปนสําคัญ<br />

คําตอบ 4 : ระบบสูบน้ําที่เลือกใชทอและปมที่มีขนาดเล็กที่สุดเพื่อใหสูบน้ําไดตามตองการ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 52<br />

การออกแบบใดถือวาเปนการออกแบบที่เหมาะสมคุมคา(Optimum system)<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบระบบที่ทํางานไดตามความตองการของผูออกแบบ<br />

คําตอบ 2 : การออกแบบที่พิจารณาถึงคุณภาพของอุปกรณที่ใชเพื่อใหไดระบบที่มั่นคงที่สุด<br />

คําตอบ 3 : การออกแบบที่ทําใหระบบทํางานไดตามตองการโดยมีการลงทุนและใชพลังงานนอยที่สุด<br />

คําตอบ 4 : การออกแบบที่ทําใหไดระบบที่มีมูลคาต่ําที่สุด


ขอที่ : 53<br />

ขอที่ : 54<br />

ขอที่ : 55<br />

ขอที่ : 56<br />

เสี่ยรายหนึ่งตองการสงน้ําไปยังถังเก็บที่บานตากอากาศบนเขาสูงจากแหลงน้ํา 20 เมตร โดยประมาณมามีคนในบาน 10 คน (ใหใช น้ําคนละ 300 ลิตรตอคนตอวัน) การเลือกปมน้ําใน<br />

ขอใดจะทําใหเสี่ยมีน้ําใชไดพอดีตามตองการ<br />

คําตอบ 1 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 125 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร<br />

คําตอบ 2 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 300 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร<br />

คําตอบ 3 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 125 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร บวกความดันสูญเสียในทอ<br />

คําตอบ 4 : สั่งซื้อปมน้ําที่มีจุดทํางานที่อัตราการไหล 300 ลิตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 2 บาร บวกความดันสูญเสียในทอ<br />

ถามีความตองการสงน้ําในอัตรา 250 แกลอนตอนาที ไปยังถังน้ํามันสูง 10 เมตร โดยมีความดันสูญเสียในทอเทากับ 32 บาร การ เลือกปมในขอใดสามารถทําใหระบบทํางานได<br />

คําตอบ 1 : เลือกปมขนาด 270 แกลอนตอนาที ที่ความดัน 33 บาร<br />

คําตอบ 2 : เลือกปมขนาด 300 แกลอนตอนาที ที่ความดัน 33 บาร<br />

คําตอบ 3 : เลือกปมขนาด 250 แกลอนตอนาที ที่ความดัน 33 บาร<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

ระบบในขอใดถือวาเปนระบบที่ทํางานได<br />

คําตอบ 1 : ระบบที่ทําไดตามวัตถุประสงค<br />

คําตอบ 2 : ระบบที่เปนไปตามขอกําหนด<br />

คําตอบ 3 : ระบบที่มีอายุใชงานและคาบํารุงรักษาเปนที่นาพอใจ<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

สองขั้นตอนหลักในการทําใหระบบทํางานไดคือ<br />

คําตอบ 1 : กําหนดแนวคิดการออกแบบและกําหนดคาตัวแปรตางๆที่จะใชเลือกอุปกรณ<br />

คําตอบ 2 : กําหนดเงินลงทุนและวิธีการทํางาน<br />

คําตอบ 3 : กําหนดวิธีการและกําหนดตลาด<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : กําหนดจุดคุมทุนและวิธีการทํางาน<br />

13 of 130<br />

ขอที่ : 57<br />

บริษัทรับออกแบบแหงหนึ่งออกแบบระบบปมน้ําและทอสงน้ําโดยคํานึงถึงความดันสูญเสียในทอ , ความแตกตางของระดับปมกับ ถังน้ํา และอัตราการไหลที่ตองการ เพื่อกําหนดขนาด<br />

ปม อยากทราบวาการออกแบบนี้ถือเปนการออกแบบชนิดใด


คําตอบ 1 : เปนการออกแบบตามมาตรฐาน<br />

คําตอบ 2 : เปนการออกแบบใหระบบทํางานได<br />

คําตอบ 3 : เปนการออกแบบอยางคุมคา<br />

คําตอบ 4 : เปนการออกแบบที่ผิด<br />

14 of 130<br />

ขอที่ : 58<br />

ขอที่ : 59<br />

ขอที่ : 60<br />

ขอที่ : 61<br />

การออกแบบทอระบบหนึ่ง จากการคํานวณไดวาจะตองใชทอขนาดไมเล็กกวา 4.12 นิ้ว วิศวกรผูออกแบบควรแจงใหผูรับเหมา ติดตั้งทอขนาดใด<br />

คําตอบ 1 : 4.12 นิ้ว<br />

คําตอบ 2 : 4.00 นิ้ว<br />

คําตอบ 3 : 4.50 นิ้ว<br />

คําตอบ 4 : 6.00 นิ้ว<br />

ผูใหญบานตองการใหออกแบบทอสงน้ําใชในหมูบาน โดยมีความตองการใชน้ํา 10,000 ลิตรตอวัน แหลงน้ําหางจากถังเก็บน้ํา 100 เมตรและอยูสูงจากระดับปม 10 เมตร วิศวกรผู<br />

ออกแบบคํานวณไดวาตองใชทอขนาด 20 นิ้ว ทานคิดวาผลการคํานวณนี้เปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

เหมาะสมดีแลว<br />

คําตอบ 2 : ขนาดทอที่คํานวณได นาจะมีขนาดเล็กเกินไป<br />

คําตอบ 3 : ขนาดทอที่คํานวณได นาจะมีขนาดใหญเกินไป<br />

คําตอบ 4 : ตองใชทอขนาด 22 นิ้ว เพราะขนาด 20 นิ้ว ไมมีขายในตลาด<br />

ขอใดไมใชขอกําหนดของระบบที่สามารถทํางานได<br />

คําตอบ 1 : สามารถทํางานไดตามวัตถุประสงคที่ตองการ<br />

คําตอบ 2 : ใหอายุการทํางานยาวนานเปนที่นาพอใจ<br />

คําตอบ 3 : ตองสามารถทํางานไดจริง แมจะไมไดอยูภายใตเงื่อนไขที่กําหนดไว<br />

คําตอบ 4 : การทํางานจะตองอยูภายใตเงื่อนไขที่กําหนด<br />

ระบบที่ใชงานไดคือ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : ระบบที่บรรลุความตองการตามวัตถุประสงคของระบบ<br />

คําตอบ 2 : ระบบที่มีคาบํารุงรักษาและอายุการใชงานในระดับที่นาพึงพอใจ<br />

คําตอบ 3 : ระบบที่เปนไปตามเงื่อนไขขอบังคับที่ระบุไวทุกอยาง<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ


ขอที่ : 62<br />

ขอที่ : 63<br />

ขอที่ : 64<br />

ขอที่ : 65<br />

ขั้นตอนในการออกแบบเพื่อใหไดระบบที่ทํางานได มีดังนี้<br />

คําตอบ 1 : เลือกแนวคิดในการออกแบบที่จะใช<br />

คําตอบ 2 : กําหนดคาตัวแปรที่จําเปนในการเลือกสวนประกอบของระบบ<br />

คําตอบ 3 : พิจารณาความเปนไปไดในดานการลงทุนรวมทั้งความประหยัดทางดานเศรษฐศาสตร<br />

คําตอบ 4 : ถูกเฉพาะขอ 1 และ 2<br />

สิ่งที่ทําใหการออกแบบระบบใหเหมาะสมตางจากการออกแบบระบบโดยทั่ว ๆ ไปคือ<br />

คําตอบ 1 :<br />

ตองมีการสรางแบบจําลองทางคณิตศาสตร<br />

คําตอบ 2 : ตองคํานึงถึงความคุมคาทางดานการลงทุน<br />

คําตอบ 3 : ตองใชวิธีการคํานวณที่ซับซอน<br />

คําตอบ 4 : ตองอาศัยความรูทางดานวิศวกรรมขั้นสูง<br />

หัวใจสําคัญของการคัดเลือกแนวคิดในการออกแบบคือ<br />

คําตอบ 1 : เลือกใชวิธีการที่เคยใชไดมาแลวกับงานออกแบบที่มีลักษณะคลายกัน เพื่อความปลอดภัย<br />

คําตอบ 2 : พยายามคิดทบทวนถึงแนวคิดตาง ๆ ที่เปนไปไดรวมทั้งแนวคิดที่เคยเปนไปไมไดดวย เพื่อใหไดแนวทางการเลือกแนวคิดการออกแบบ ที่หลากหลาย<br />

คําตอบ 3 : คัดเลือกแนวคิดตามระยะเวลาที่อํานวยเพื่อใหงานออกแบบนั้นเสร็จสิ้นเรียบรอยทันตามกําหนดเวลา<br />

คําตอบ 4 : เลือกแนวคิดการออกแบบตามที่วิศวกรอาวุโสแนะนําและไมใชแนวคิดการออกแบบที่ไมไดรับการสนับสนุนจากวิศวกรอาวุโส<br />

วิศวกรคํานวณขนาดเครื่องปรับอากาศสําหรับอาคารหลังหนึ่ง โดยคิดตัวประกอบความปลอดภัยในการคํานวณไว 10 % ทานคิด วาการออกแบบดังกลาวเปนการออกแบบแบบไหน<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบเพื่อใหระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 2 : การออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 3 : การออกแบบตามวิธีการที่ใชทั่วไป (Conventional <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 4 : การออกแบบตามวิธีการคํานวณภาระการทําความเย็นตามวิธีกรคํานวณของสมาคมวิศวกรทําความรอน ทําความเย็น และปรับอากาศ แหงสหรัฐอเมริกา (ASHRAE)<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

15 of 130<br />

ขอที่ : 66<br />

วิศวกรออกแบบระบบเครื่องทําความเย็นโดยมีขอกําหนดวาระบบดังกลาวตองใชเงินลงทุนนอยสุด ในขณะเดียวกันตองสามารถทํา ความเย็นไดเพียงพอหากวาภาระการทําความเย็น<br />

สูงสุดเพิ่มขึ้น 10% ในความคิดของทาน วิศวกรผูนี้ตองใชการออกแบบระบบแบบ ไหน<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)


คําตอบ 2 : การออกแบบตามวิธีการที่ใชทั่วไป (Conventional <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 3 : การออกแบบเพื่อใหระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

16 of 130<br />

คําตอบ 4 : การออกแบบตามวิธีการคํานวณภาระการทําความเย็นตามวิธีกรคํานวณของสมาคมวิศวกรทําความรอน ทําความเย็น และปรับอากาศ แหงสหรัฐอเมริกา (ASHRAE)<br />

ขอที่ : 67<br />

ขอที่ : 68<br />

ขอที่ : 69<br />

ขอที่ : 70<br />

ทานคิดวาประโยคใดตอไปนี้ถูก<br />

คําตอบ 1 : วิศวกรควรเลือกใชวิธีการออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) ในทุก ๆ งาน เนื่องจากปจจุบันเครื่องคอมพิวเตอรหา ไดงาย<br />

คําตอบ 2 : เพื่อความปลอดภัย วิศวกรควรเลือกออกแบบระบบใหสามารถทํางานไดกอน (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) เพื่อปองกันความผิดพลาด เสียหายที่จะเกิดขึ้น<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

การที่จะเลือกใชวิธีการออกแบบอยางใดอยางหนึ่งระหวางการออกแบบระบบใหทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) กับการออกแบบ ระบบใหเหมาะสม<br />

(Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) ตองดูวาคาใชจายในการออกแบบจะคุมหรือไม<br />

ประโยคขางตนผิดหมด<br />

การออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) คืออะไร<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบที่คํานึงถึงความสัมพันธระหวางตัวแปรตาง ๆ ที่มีในระบบทั้งหมด โดยมีฟงชั่นวัตถุประสงค (Objective function) เปนตัว ชี้นําการออกแบบ<br />

คําตอบ 2 : การออกแบบที่ใหความสําคัญกับตัวแปรที่สําคัญที่สุดเปนพิเศษ โดยไมคํานึงถึงความสําคัญของตัวแปรอื่น ๆ ที่มีในระบบ<br />

คําตอบ 3 : การออกแบบที่อาศัยแนวคิดการออกแบบที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อใหไดระบบที่เหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 4 : การออกแบบเพื่อใหผูใชพึงพอใจ<br />

ขอใดตอไปนี้เปนการออกแบบระบบขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 1 : ออกแบบใหระบบสามารถทํางานไดตรงตามคา design ที่กําหนดไว<br />

คําตอบ 2 : ออกแบบระบบใหมีความปลอดภัยสูงสุด<br />

คําตอบ 3 : ออกแบบระบบใหตรงตามความพึ่งพอใจของลูกคา<br />

คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />

ขอใดคือขอแตกตางที่สําคัญที่สุดระหวางการออกแบบเพื่อใหระบบทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) และ การออกแบบระบบ ขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong><br />

<strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

พิจารณาคํานึงถึงดานตนทุนในการออกแบบและผลิต<br />

พิจารณาคํานึงถึงความสามารถในการทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพ<br />

พิจารณาคํานึงถึงความปลอดภัยของระบบตอสภาพแวดลอม<br />

พิจารณาคํานึงถึงขอขอบังคับหรือกฎหมาย


ขอที่ : 71<br />

ขอใดตอไปนี้ถือวาเปนการออกแบบระบบที่ทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 1 : วิศวกร A ออกแบบเครื่องปรับอากาศที่มีความจุความเย็นต่ํากวาคาความสบายของบุคคลทั่วไป<br />

คําตอบ 2 : วิศวกร B ออกแบบอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนจําพวกหอหลอเย็นใหมีขนาดเหมาะสมกับระบบ<br />

คําตอบ 3 : วิศวกร C ออกแบบระบบสูบน้ําโดยพิจารณาคาดําเนินการและคาบํารุงรักษาใหต่ําที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ไมมีวิศวกรทานใด ออกแบบตามหลัก การออกแบบระบบที่ทํางานได<br />

ขอที่ : 72<br />

ขอใดตอไปนี้ไมถือวาเปนการออกแบบระบบที่ทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบที่มีการใชสารเคมีในกระบวนการ<br />

คําตอบ 2 : การออกแบบโดยใชวัสดุที่มีความแข็งแรงเกินกวาคาสภาวออกแบบ (design condition) ที่กําหนดไว<br />

คําตอบ 3 : ระบบที่มีเสียงดังเกิดกวาคามาตรฐานหรือกฎหมายกําหนด<br />

คําตอบ 4 : ทุกขอไมถือเปนการออกแบบระบบที่ทํางานได<br />

ขอที่ : 73<br />

ขอใดตอไปนี้เปนการกระทําที่ถือวาเปนการออกแบบระบบขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>) ในการออกแบบระบบ สูบน้ํา<br />

คําตอบ 1 : เปลี่ยนเครื่องสูบน้ําใหมีขนาดเล็กลง<br />

คําตอบ 2 : เปลี่ยนวัสดุทอจากทอเหล็กเปนทอพลาสติกโดยความดันภายในทอไมเกินคากําหนดของทอพลาสติก<br />

คําตอบ 3 : เพิ่มขนาดทอจากทอเล็กเปนทอขนาดใหญเพื่อสงน้ําในปริมาณที่มากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : เปลี่ยนวัสดุทอจากทอพลาสติกเปนทอเหล็กเพื่อยืดอายุการใชงาน<br />

ขอที่ : 74<br />

ขอใดตอไปนี้ ไมใชขั้นตอนเพื่อใหไดระบบที่ทํางานได (Workable <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 1 : พิจารณาเปาหมายของการออกแบบและเงื่อนไขบังคับ<br />

คําตอบ 2 : กําหนดฟงกชั่นประสงค (Objective Function) (เชน น้ําหนักเบาสุด หรือ พื้นผิวมากสุด ฯลฯ), เปาหมายการออกแบบ และเงื่อนไขบังคับ<br />

คําตอบ 3 : เลือกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรมที่เกี่ยวของมาใช<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

17 of 130<br />

กําหนดตัวแปรบางตัวในสมการทางฟสิกส เปนตัวแปรตรึงซึ่งจําเปนตอการเลือกอุปกรณยอย และคํานวณตัวแปรที่เหลือ โดยคาที่ คํานวณไดตองสอดคลองกับ<br />

เงื่อนไขบังคับ<br />

ขอที่ : 75<br />

ขอใดคือความสามารถของระบบขั้นทํางานได<br />

คําตอบ 1 : ระบบนั้นตองทํางานตรงตามเปาหมายหรือวัตถุประสงค


คําตอบ 2 : ระบบนั้นตองมีอายุการใชงานและคาบํารุงรักษาอยูในเกณฑที่ตองการ<br />

คําตอบ 3 : สอดคลองกับเงื่อนไขบังคับทั้งหมด (Constraints)<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

18 of 130<br />

ขอที่ : 76<br />

ขอใดตอไปนี้ ไมใชขั้นตอนเพื่อใหไดระบบขั้นเหมาะสมที่สุด (Optimum <strong>System</strong> <strong>Design</strong>)<br />

คําตอบ 1 : กําหนดฟงกชั่นประสงค (Objective Function) (เชน น้ําหนักเบาสุด หรือ พื้นผิวมากสุด ฯลฯ), เปาหมายการออกแบบ และเงื่อนไขบังคับ<br />

คําตอบ 2 : เลือกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรมที่เกี่ยวของมาใช รวมกับฟงกชั่นประสงค<br />

คําตอบ 3 : ใชเทคนิคทางคณิตศาสตรเฉพาะเพื่อแกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรม โดยไมกําหนดตัวแปรคงที่ หรือตัวแปรตรึง<br />

คําตอบ 4 : ใชเทคนิคทางคณิตศาสตรเฉพาะเพื่อแกสมการพื้นฐานทางฟสิกสและวิศวกรรม โดยกําหนดตัวแปรคงที่ หรือตัวแปรตรึง<br />

ขอที่ : 77<br />

จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนเทาไหร ณ ปที่ 5 เมื่อกูเงิน 5,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 8% ตอป เปนระยะเวลา 5 ป<br />

คําตอบ 1 : 7,346,600 บาท<br />

คําตอบ 2 : 6,456,040 บาท<br />

คําตอบ 3 : 8,365,930 บาท<br />

คําตอบ 4 : 7,125,500 บาท<br />

ขอที่ : 78<br />

มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน 1,000 บาท ใน 15 ปขางหนา จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป คิดดอกเบี้ยทบตนทุกสาม เดือน<br />

คําตอบ 1 : 25,489 บาท<br />

คําตอบ 2 : 23,598 บาท<br />

คําตอบ 3 : 27,671 บาท<br />

คําตอบ 4 : 24,598 บาท<br />

ขอที่ : 79<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

หากคุณยืมเงินมาลงทุน 1000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 15 % คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน คุณมีความสามารถในการ ชําระเงินคืนตอเดือนได 38 บาท จะตองใชระยะเวลา<br />

ประมาณกี่เดือนจึงจะสามารถชําระหนี้ไดทั้งหมด<br />

คําตอบ 1 : 28 เดือน<br />

คําตอบ 2 : 32 เดือน<br />

คําตอบ 3 : 35 เดือน<br />

คําตอบ 4 : 38 เดือน


ขอที่ : 80<br />

ขอที่ : 81<br />

ขอที่ : 82<br />

ขอที่ : 83<br />

ขอใดคือขอจํากัดของการประเมินโครงการโดยพิจารณาจากอัตราคืนผลภายใน (Internal rate of return)<br />

คําตอบ 1 :<br />

ไมสามารถพิจารณาอัตราสวนของผลตอบแทนตอตนทุนได<br />

คําตอบ 2 : อัตราดอกเบี้ยตองมีคาคงที่ตลอดโครงการ<br />

คําตอบ 3 : สามารถใชไดกับสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงได<br />

คําตอบ 4 : ไมสามารถประเมินผลกําไรที่แทจริงได<br />

วิธีการประเมินโครงการวิธีใดที่ควรใชวิเคราะหในสภาวะที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ<br />

คําตอบ 1 : วิธีพิจารณาจากอัตราสวนระหวางผลตอบแทนและตนทุน (Benefit-cost ratio, BCR)<br />

คําตอบ 2 : วิธีพิจารณาจากอัตราคืนผลภายใน (Internal rate of return)<br />

คําตอบ 3 : วิธีพิจารณาจากระยะเวลาถอนทุน (Pay back period)<br />

คําตอบ 4 : วิธีพิจารณาจากอัตราคืนผลเฉลี่ย (Average rate of return)<br />

นายสมชายกูเงินจากธนาคารมาซื้อเครื่องจักรราคา 500,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู 10 % ตอป คิดดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน โดยชําระคืนเปนรายเดือนๆ ละ 20,000 บาท นาย<br />

สมชายจะใชเวลานานเทาใดในการชําระคืน<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

27 เดือน<br />

28 เดือน<br />

29 เดือน<br />

30เดือน<br />

หากมีการลงทุนเพื่อซื้ออุปกรณความรอนชุดหนึ่ง ในชวงเวลา 5 ป ดังนี้ ตนปที่ 1 ลงทุน 100,000 บาท ตนปที่ 2 ลงทุน 90,000 บาท ตนปที่ 3 ลงทุน 80,000 บาท ตนปที่ 4 ลงทุน<br />

70,000 บาท ตนปที่ 5 ลงทุน 60,000 บาท ใหทําการวิเคราะหทางเศรษฐศาสตร เพื่อหามูลคาในปจจุบันโดยคิดอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

325,547 บาท<br />

351,591 บาท<br />

460,321 บาท<br />

497,147 บาท<br />

19 of 130<br />

ขอที่ : 84<br />

ในการฝากเงิน 150,000 บาท ธนาคารใหดอกเบี้ย 1.5% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยให 6 เดือนตอครั้ง เมื่อสิ้นปที่ 5 จะไดรับเงินคืน ทั้งหมดเทาไร


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

152,250 บาท<br />

161,593 บาท<br />

161,637 บาท<br />

161,667 บาท<br />

20 of 130<br />

ขอที่ : 85<br />

ขอที่ : 86<br />

ขอที่ : 87<br />

ขอที่ : 88<br />

กูเงินมา 750,000 บาท เพื่อมาตั้งสายการผลิตสินคาเพิ่มในโรงงาน เงินกูดังกลาวตองใชคืนภายใน 10 ป โดยที่จะตองสงเงินคืนทุก ๆ ไตรมาส โดยเริ่มตนจายเงินเมื่อสิ้นสุดไตรมาส<br />

แรก อัตราดอกเบี้ยเทากับ 8% ตอป คิดแบบทบตนรายวัน ใหคํานวณหาเงินที่ตองจาย คืนในแตละ ไตรมาส<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

26,868.27 บาท, 27,166.81 บาท, 27,465.34 บาท, 27,465.34 บาท<br />

26,786.34 บาท, 27,366.81 บาท, 27,565.34 บาท, 27,465.34 บาท<br />

29,790.34 บาท, 229,145.81 บาท, 29,565.34 บาท, 29,465.34 บาท<br />

26,786.34 บาท, 27,366.81 บาท, 28,565.34 บาท, 29,465.34 บาท<br />

หากยืมเงินมา 5,000 บาท โดยธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยทบตน 4% ตอป อยากทราบวาในปที่ 8 จะตองจายคืนเงินตนและดอกเบี้ย รวมกันเทาไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

5,320.00 บาท<br />

6,842.85 บาท<br />

6,600.00 บาท<br />

6,654.75 บาท<br />

ทักษิณกูเงินจํานวน 300 ลานบาท โดยผูใหกูกําหนดดอกเบี้ย 5% ตอป และไมคิดเปนดอกเบี้ยทบตน อยากทราบวา ณ. ปที่ 9 ทักษิณตองจายเงินคืนเทาไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

450 ลานบาท<br />

465 ลานบาท<br />

435 ลานบาท<br />

440 ลานบาท<br />

มูลคาของเงินที่ตองใชคืนจะเปนเทาไร เมือเวลาผานไป 5 ป ถากูเงินจํานวน 500 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 8% และคิดดอกเบี้ยทบ ตนทุกไตรมาส<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

742.97 บาท<br />

800 บาท<br />

2,330.48 บาท<br />

1,300 บาท


ขอที่ : 89<br />

ขอที่ : 90<br />

ขอที่ : 91<br />

ขอที่ : 92<br />

จะตองใชคืนจะเปนเทาไร เมือเวลาผานไป 5 ป ถากูเงินจํานวน 500 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 8% และคิดดอกเบี้ยทบตนทุกครึ่งป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

1,300 บาท<br />

740.12 บาท<br />

800 บาท<br />

900 บาท<br />

จะตองใชคืนจะเปนเทาไร เมือเวลาผานไป 15 ป ถากูเงินจํานวน 525 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 7% และคิดดอกเบี้ยทบตนทุกครึ่งป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

1,473.57 บาท<br />

1,447.35 บาท<br />

1,532.33 บาท<br />

1,488.68 บาท<br />

ถากูเงินจากธนาคารมาจํานวน 5 ลานบาท ระยะเวลาการใชคืน 20 ป โดยธนาคารคิดดอกเบี้ยในอัตรา 3% ตอป และคิดดอกเบี้ยทบ ตนทุกๆครึ่งป จงหาวาจะตองนําเงินมาชําระคืน<br />

เทาไรเมื่อครบเวลา 20 ป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

8.01 ลานบาท<br />

16.02 ลานบาท<br />

11.05 ลานบาท<br />

9.07 ลานบาท<br />

กําหนดใหยืมเงินมา 1,000 บาท โดยผูใหยืมคิดคาดอกเบี้ย 15% ตอปโดยคิดดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน ถาสามารถที่จะจายคืนได 38 บาท ตอเดือน อยากทราบวาตองใชเวลากี่เดือน<br />

จึงสามารถจายคืนเงินยืมได<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

35 เดือน<br />

40 เดือน<br />

33 เดือน<br />

50 เดือน<br />

21 of 130<br />

ขอที่ : 93<br />

วิศวกรรายหนึ่งกูเงินมาลงทุนจํานวน 500,000 บาท โดยตองเสียดอกเบี้ย 12% ตอปโดยคิดดอกเบี้ยทบตนทุกหกเดือน จงหาวา เมือถึงปที่ 5 จํานวนเงินทั้งหมดจะเปนเทาไร


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

620,000 บาท<br />

895,424 บาท<br />

800,000 บาท<br />

11,000,000 บาท<br />

22 of 130<br />

ขอที่ : 94<br />

ขอที่ : 95<br />

ครอบครัวหนึ่งตองการมีเงินเพื่อใชสรางบานจํานวน 2 ลานบาท โดยมีระยะเวลาลงทุน 12 ป ถาผลตอบแทนจากการลงทุนคิดเปน 9% โดยจะไดทุกๆครึ่งป อยากทราบวาครอบครัวนี้<br />

ตองใชเงินลงทุนเทาใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

660,879.90 บาท<br />

674,889.50 บาท<br />

695,406.95 บาท<br />

736,997.25 บาท<br />

ชัยยุทธตองการมีเงิน 1,000,000 บาท จึงเลือกลงทุนกับหลักทรัพยแหงหนึ่ง ซึ่งใหผลตอบแทน 9% ตอป โดยคิดดอกเบี้ยทบตน ทุกไตรมาตร ตามขอตกลงมีระยะเวลาลงทุน 12 ป<br />

จงหาวาชัยยุทธตองหาเงินมาลงทุนจํานวนเทาไร<br />

คําตอบ 1 : 343,685.18<br />

คําตอบ 2 : 355,675.55<br />

คําตอบ 3 : 465,886.45<br />

คําตอบ 4 : 554,323.77<br />

ขอที่ : 96<br />

นส. พจมาน ไดประมาณคาบํารุงรักษารถยนตคันใหมเทากับ 2,000 บาท ในปแรก และเพิ่มขึ้นปละ 1,000 บาท เธอตั้งใจจะเก็บ รถยนตไวเปนเวลา 6 ป เธออยากทราบวาจะตองฝาก<br />

เงินเขาธนาคารเทาไร ถาธนาคารจายดอกเบี้ยให 5.5 % ตอป ทบตนทุกป เพื่อใหเพียงพอกับคาบํารุงรักษารถยนตคันนี้<br />

ขอที่ : 97<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

21,701 บาท<br />

21,806 บาท<br />

22,701 บาท<br />

27,000 บาท<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

สมคิดตองการฝากเงินที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย ซึ่งจายดอกเบี้ย 10 % ตอป ทบตนทุกวัน จงคํานวณหาดอกเบี้ยที่แทจริงที่เขา ไดรับตอป (1 ป มี 365 วัน)<br />

คําตอบ 1 : 9.500 %<br />

คําตอบ 2 : 9.515 %


คําตอบ 3 : 10.500 %<br />

คําตอบ 4 : 10.515 %<br />

23 of 130<br />

ขอที่ : 98<br />

ขอที่ : 99<br />

ขอที่ : 100<br />

ขอที่ : 101<br />

ธนาคารออมสินขายพันธบัตรออมทรัพยระยะยาว ซึ่งจายดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 % ตอป ทบตนตอเนื่อง อยากทราบวา ผลประโยชนที่ไดรับจริงตอปคือเทาใด<br />

คําตอบ 1 : 7.50 %<br />

คําตอบ 2 : 7.65 %<br />

คําตอบ 3 : 7.79 %<br />

คําตอบ 4 : 8.00 %<br />

ขอใดตอไปนี้เปนทรัพยสินที่ไมเสื่อมราคา<br />

คําตอบ 1 :<br />

รถยนตประจําตําแหนง<br />

คําตอบ 2 : เครื่องจักรกลในโรงงาน<br />

คําตอบ 3 : คอมพิวเตอรในสํานักงาน<br />

คําตอบ 4 : ที่ดินที่ใชในการประกอบกิจการ<br />

ลงทุน 300,000 บาท ไดรับกําไรรายปเปน 86,000 บาท ซึ่งกระจายสม่ําเสมอตลอดป และถูกนํากลับไปลงทุนอีกโดยทันที ถา อายุเปน 6 ป และมูลคาหลังจาก 6 ป เปนศูนย จงหา<br />

อัตราการคืนทุน<br />

คําตอบ 1 : 12 %<br />

คําตอบ 2 : 16 %<br />

คําตอบ 3 : 20 %<br />

คําตอบ 4 : 22 %<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ในการวิเคราะหการลงทุนในทางเศรษฐศาสตร วิธีการ Total Capitalized Cost เหมาะสําหรับโครงการใด<br />

คําตอบ 1 : โครงการที่สภาวะดอกเบี้ยไมคงที่<br />

คําตอบ 2 : โครงการที่สามารถประเมินผลกําไรจริงออกมาได<br />

คําตอบ 3 : โครงการที่สามารถพิจารณาอัตราสวนของผลตอบแทนตอตนทุนได<br />

คําตอบ 4 : โครงการที่ไมสามารถประเมินผลกําไรได


ขอที่ : 102<br />

ขอที่ : 103<br />

ขอที่ : 104<br />

ขอที่ : 105<br />

ขอใดตอไปนี้กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />

คําตอบ 1 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งดวยกราฟตองกําหนดแกนและแบงสเกลของตัวแปรอิสระกอน<br />

คําตอบ 2 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งสามารถใชไดกับปญหาที่มีตัวแปรมากกวา 3 ตัวได<br />

คําตอบ 3 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะใชในการหาคาต่ําสุดหรือสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงค<br />

คําตอบ 4 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่ง ฟงกชันวัตถุประสงคและเงื่อนไขบังคับจะตองมีลักษณะเปนเชิงเสนเทานั้น<br />

ขอใดตอไปนี้กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />

คําตอบ 1 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งดวยกราฟตองกําหนดแกนและแบงสเกลของตัวแปรอิสระกอน<br />

คําตอบ 2 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งสามารถใชไดกับปญหาที่มีตัวแปรมากกวา 3 ตัวได<br />

คําตอบ 3 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะใชในการหาคาต่ําสุดหรือสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงค<br />

คําตอบ 4 : ในการแกปญหาลิเนียรโปรแกรมมิ่ง ฟงกชันวัตถุประสงคและเงื่อนไขบังคับจะตองมีลักษณะเปนเชิงเสนเทานั้น<br />

คําตอบ 1 : คาสูงสุดเทากับ 6.25<br />

คําตอบ 2 : คาต่ําสุดเทากับ 6.25<br />

คําตอบ 3 : คาสูงสุดเทากับ 5.00<br />

คําตอบ 4 : คาต่ําสุดเทากับ 5.00<br />

กูเงินมาลงทุนทํารานอาหาร 600,000 บาทที่อัตราดอกเบี้ย 11 % ตอป คิดทบตนทุกครึ่งป รายไดที่คาดวาจะไดหลังจากหัก คาใชจายแลวทุก ๆ 6 เดือนเปนเงิน 60,000 บาท หาก<br />

ไมคิดรายไดจากการขายรานอาหารไปหลังจากเลิกกิจการ เจาของรานจะตองใช เวลาเทาไรในการจายคืนเงินกูทั้งหมด<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : 5 ป ครึ่ง<br />

คําตอบ 2 : 6 ป ครึ่ง<br />

คําตอบ 3 : 7 ป ครึ่ง<br />

คําตอบ 4 : 8 ป ครึ่ง<br />

24 of 130<br />

ขอที่ : 106<br />

กูเงินมาจากธนาคารออมสินตามนโยบายปลอยกูรายยอยเปนเงิน 40,000 บาท ระยะเวลาใชคืน 15 ปที่อัตราดอกเบี้ย 10 % ตอป คิดทบตนทุกเดือน โดยกําหนดใหชําระทุก ๆ เดือน<br />

อยากทราบวาดอกเบี้ยทั้งหมดที่จายไปใน 2 ปแรกคิดเปนเงินเทาไร


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

8,542.52 บาท<br />

7,763.57 บาท<br />

5,759.77 บาท<br />

9,861.25 บาท<br />

25 of 130<br />

ขอที่ : 107<br />

ขอที่ : 108<br />

ขอที่ : 109<br />

ขอที่ : 110<br />

ฝากเงินสะสมทุกป ป ละ 1,000 บาท เปนเวลา 15 ป โดยธนาคารคิดดอกเบี้ยให 8 % ตอป ทบตนทุก 3 เดือน เมื่อครบ 15 ป จะ ไดเงินเทาไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

27,671 บาท<br />

31,512 บาท<br />

19,895 บาท<br />

26,358 บาท<br />

เงินกูยืมเพื่อซื้อบานไดรับการขยายระยะเวลาการชําระเปน 20 ป ที่อัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป คิดทบตนทุกเดือน กําหนดการชําระ เปนรายเดือน ถามวาจะตองใชเวลากี่เดือน เงินตนที่กู<br />

ยืมมาจึงจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งจากเงินตนเดิม<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

154 เดือน<br />

174 เดือน<br />

144 เดือน<br />

164 เดือน<br />

บริษัทเงินกูรายหนึ่งเสนอใหการกูยืมแกลูกคาเปนระยะเวลา 1 ป โดยไมตองมีหลักทรัพยค้ําประกัน ทั้งนี้บริษัทคิดอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป แตลูกคาตองเริ่มชําระดอกเบี้ยตั้งแตตน<br />

แทนที่จะไปเปนปลายปดังเชนที่เคยทํามา ถามวา อัตราดอกเบี้ยที่คิดเทียบเทากับกรณี ที่กําหนดใหลูกคาตองชําระเบี้ยปลายป จะเปนเทาไรจึงจะเทียบเทากับในกรณีดังกลาวขางตน<br />

คําตอบ 1 : 8.1 %<br />

คําตอบ 2 : 8.5 %<br />

คําตอบ 3 : 8.7 %<br />

คําตอบ 4 : 8.9 %<br />

ลงทุนในกองทุนประกันชีวิต เปนเงิน 10,000 บาท โดยไดรับดอกเบี้ยคิดเปน 8 % ตอป ทบตนรายป กองทุนอนุญาตใหถอนเงินได ในปลายปของแตละปเปนเงิน 1,000 บาท ถามวา<br />

จะถอนเงินจากกองทุนนี้ไดหมดภายในกี่ป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

25 ป<br />

21 ป


คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

23 ป<br />

27 ป<br />

26 of 130<br />

ขอที่ : 111<br />

ขอที่ : 112<br />

ขอที่ : 113<br />

ขอที่ : 114<br />

รายไดจากการปลอยเครื่องจักรใหเชาคิดเปนเงิน 120,000 บาท ตอป คาบํารุงรักษาเครื่องจักรเทากับ 60,000บาทตอป มูลคาของ เครื่องจักรเมื่อครบอายุการใชงาน 12 ป คิดเปน 20<br />

% ของเงินที่ซื้อเครื่องจักรมา ถามวาตองซื้อเครื่องจักรมาเปนเงินเทาไร จึงจะได อัตราผลตอบแทนจากการปลอยเชาเทากับ 15 %<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

337,868 บาท<br />

438,532 บาท<br />

335,845 บาท<br />

364,475 บาท<br />

เครื่องจักรตัวหนึ่งเมื่อซื้อแลวจะไมสามารถทํากําไรไดใน 5 ปแรก แตใน 10 ปหลังจากนั้น จะสามารถทํากําไรกลับคืนมาไดในอัตรา 80,000 บาทตอป ถาหากวาตองการผลตอบแทน<br />

จากการลงทุนซื้อเครื่องจักรคิดเปน 12 % (คิดทบตนรายป) ถามวาตองซื้อเครื่องจักรมา เปนเงินเทาไร จึงจะทําใหผลตอบแทนดังกลาวเปนไปได<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

246,000 บาท<br />

258,800 บาท<br />

248,700 บาท<br />

256,500 บาท<br />

กูเงินมา 100,000 บาท กําหนดชําระคืนภายใน 5 ป ที่อัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป จะตองชําระเปนเงินทั้งหมดเทาไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

150,000 บาท<br />

140,000 บาท<br />

120,000 บาท<br />

180,000 บาท<br />

จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนประมาณเทาไหร ณ ปที่ 30 เมื่อกูเงิน 3,200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 14% ตอป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

153 ลานบาท<br />

163 ลานบาท<br />

165 ลานบาท<br />

169 ลานบาท


ขอที่ : 115<br />

ขอที่ : 116<br />

ขอที่ : 117<br />

ขอที่ : 118<br />

นางสมหญิงตองการวางแผนหาเงินเพื่อสงเสียบุตรใหเรียนหนังสือตอนอายุ 12 ป โดยที่คาเลาเรียนบุตรในปนั้นมีคาเทากับ 400,000 บาท นางสมหญิงตองลงทุนเทาไรในเวลานี้ไปลง<br />

27 of 130<br />

ทุนในกองทุนรวม ที่ใหผลตอบแทนรอยละ 8 คิดทุกๆ 6 เดือน เพื่อที่จะ สามารถสงบุตรใหเขาเรียนไดอีก 12 ปขางหนา (สมมติวา คาเลาเรียนคงที่ที่ปที่ 12)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

125,000 บาท<br />

147,500 บาท<br />

156,000 บาท<br />

172,000 บาท<br />

แมวารัฐบาลจะรณรงคไมใหประชาชนไปกูหนี้นอกระบบ แตนายหลงผิดก็ยังไปกูเงินจากนายดอกโหดซึ่งเปนเจาหนี้นอกระบบ จํานวนเงิน 100,000 บาท โดยเสียดอกเบี้ยรอยละ 30<br />

ตอปคงที่ หากนายหลงผิดจะชําระในปที่ 10 ตองจายเงินทั้งเงินตนและดอกเบี้ยให เจาหนี้รวมเปนเงินเทาใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

1,258,571 บาท<br />

1,378,584 บาท<br />

1,394,682 บาท<br />

1,429,527 บาท<br />

มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน ฝากทุกๆ ป ปละ 7,000 บาท ใน 10 ปขางหนา จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย 5 % ตอป คิด ดอกเบี้ยทบตนทุกๆ หกเดือน.<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

88,300 บาท<br />

89,980 บาท<br />

91,250 บาท<br />

92,250 บาท<br />

หากตองการยืมเงินจากธนาคารมาลงทุนในการกอสรางโรงงานผลิตชิ้นสวนรถยนตจํานวน 200 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 18 % คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน คุณมีความ<br />

สามารถในการชําระเงินคืนตอเดือนได 7 ลานบาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่ เดือนจึงจะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

31 เดือน<br />

34 เดือน<br />

38 เดือน<br />

40 เดือน<br />

ขอที่ : 119<br />

เจาของโรงงานแหงหนึ่งตองการจะจะสรรเงินไวซื้อเครื่องจักรตัวใหมราคา 640,000 บาท ซึ่งเปนราคาประเมิน ใน 10 ป ขางหนา โดยการนําเงินไปลงทุนโดยฝากประจํา ซึ่งได


ดอกเบี้ยเงินฝากทบตนรอยละ 8 ตอป เจาของโรงงานนี้ตองฝากประจําตอปเทาใด จึงจะมี เงินมาซื้อเครื่องจักรตัวใหม<br />

คําตอบ 1 : 42,510 บาท<br />

คําตอบ 2 : 43,675 บาท<br />

คําตอบ 3 : 43,980 บาท<br />

คําตอบ 4 : 44,180 บาท<br />

28 of 130<br />

ขอที่ : 120<br />

ขอที่ : 121<br />

ขอที่ : 122<br />

เงินจํานวน 10,000 บาท นําไปลงทุนในกิจการเทาๆ กันทุกป โดยไมถอดเงินลงทุนออกมา หาก ROI (Return of Investment) มี คาเทากับ 14 % ตอปทบตนทุกเดือน อีก 12 ป<br />

ขางหนา จะไดเงินกอน ออกมาจํานวนเทาใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

272,700 บาท<br />

290,700 บาท<br />

301,700 บาท<br />

321,700 บาท<br />

หากตองการยืมเงินจากธนาคารมาลงทุนในการกอสรางโรงงานผลิตน้ําแข็งจํานวน 15 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 12 % คิด อัตราดอกเบี้ยทบตนทุกป แตละเดือนคุณมีความ<br />

สามารถในการชําระเงินคืนตอได 350,000 บาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่เดือนจึง จะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

55 เดือน<br />

60 เดือน<br />

65 เดือน<br />

68 เดือน<br />

กูเงินจากสหกรณออมทรัพยมาลงทุนทํารานขนมปงจํานวน 3 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 12 % คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุก ป แตละปคุณมีความสามารถในการชําระเงินคืนตอ<br />

ได 600,000 บาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่ปจึงจะสามารถชําระหนี้ธนาคารได ทั้งหมด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

6 ป<br />

7 ป<br />

8 ป<br />

9 ป<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 123<br />

มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน ฝากทุกๆ ป ปละ 8,000 บาท ใน 10 ปขางหนา มูลคาเงินฝากนี้จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย เงินฝากคิดเปน 5 % คงที่ตอปและคิดดอกเบี้ยทบตน<br />

ทุกๆ ไตรมาส


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

101,018 บาท<br />

101,068 บาท<br />

101,108 บาท<br />

101,168 บาท<br />

29 of 130<br />

ขอที่ : 124<br />

ขอที่ : 125<br />

ขอที่ : 126<br />

ขอที่ : 127<br />

หากตองการยืมเงินจากธนาคารมาลงทุนในการกอสรางโรงงานผลิตน้ําแข็งจํานวน 15 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยตอป 12 % คิด อัตราดอกเบี้ยทบตนทุกป แตละเดือนคุณมีความ<br />

สามารถในการชําระเงินคืนตอได 350,000 บาท จะตองใชระยะเวลาประมาณกี่เดือนจึง จะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

4.52 เดือน<br />

5 เดือน<br />

5.42 เดือน<br />

5.67 เดือน<br />

มูลคาในอนาคตของเงินจํานวน ฝากทุกๆ ป ปละ 65,000 บาท ใน 10 ปขางหนา มูลคาเงินฝากนี้จะเปนเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ย เงินฝากคิดเปน 3.75 % คงที่ตอปและคิดดอกเบี้ย<br />

ทบตนทุกๆ เดือน<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

763,756 บาท<br />

769,340 บาท<br />

772,130 บาท<br />

773,740 บาท<br />

เงินจํานวน 100,000 บาท นําไปลงทุนในกิจการเทาๆ กันทุกป โดยไมถอดเงินลงทุนออกมา หาก Return of Investment มีคา เทากับ 8 % ตอปทบตนทุกป อีก 15 ปขางหนา จะได<br />

เงินกอน ออกมาจํานวนเทาใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

317,217 บาท<br />

763,756 บาท<br />

2,715,210 บาท<br />

2,918,430 บาท<br />

จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนประมาณเทาไหร หากทําสัญญาเงินกูระยะยาว เปนเวลา 15 ปจากแหลงเงินทุนแหงหนึ่งจํานวน 150 ลานบาท อัตราดอกเบี้ย 7% คงที่ตอป<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

414 ลานบาท<br />

416 ลานบาท


คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

418 ลานบาท<br />

420 ลานบาท<br />

30 of 130<br />

ขอที่ : 128<br />

จากสมการดังตอไปนี้ (NPM) X1 – 4X2 + 3X3 = -7 3X1 + X2 – 2X3 = 14 2X1 + X2 + X3 = 5 จงหาคาตัวแปร X2<br />

คําตอบ 1 : 0<br />

คําตอบ 2 : 1<br />

คําตอบ 3 : 2<br />

คําตอบ 4 : 3<br />

ขอที่ : 129<br />

27. ใหคํานวณหาคาคงที่ในสมการ Y=A0+A1X+A2X2 โดยใชวิธีกําลังสองต่ําสุด สําหรับ (X,Y) ดังนี้ (1,10.5), (2,8), (5,18) และ (10,25) ขอใดถูกตอง<br />

ขอที่ : 130<br />

คําตอบ 1 : A0 = 2.329<br />

คําตอบ 2 : A0 = 6.337<br />

คําตอบ 3 : A3 = -2.329<br />

คําตอบ 4 : A3 = 6.337<br />

สมการแสดงความสัมพันธระหวางความดันอิ่มตัวกับอุณหภูมิสัมบูรณเขียนไดเปน ln P = A + B/T เมื่อ P คือ ความดันอิ่มตัว(kPa) และ T คือ อุณหภูมิสัมบูรณ (K) ใหใชวิธี กําลัง<br />

สองต่ําสุด ในการหาคาคงที่ A จากขอมูลตอไปนี้<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : 0.051<br />

คําตอบ 2 : 0.69<br />

คําตอบ 3 : 41.12<br />

คําตอบ 4 : 591.71<br />

ขอที่ : 131<br />

การสรางเสนโคงจากขอมูลในรูปแบบโพลิโนเมียลสองตัวแปรที่มีกําลังติดลบ ควรจะใชเมื่อใด


คําตอบ 1 : เมื่อกลุมขอมูลมีการกระจายตัวมาก<br />

คําตอบ 2 : เมื่อขอมูลมีคาเปนลบมากขึ้น ในขณะที่คาตัวแปรอิสระมีคามากขึ้น<br />

คําตอบ 3 : เมื่อขอมูลมีคาเขาใกลคาคงที่หนึ่ง ในขณะที่ตัวแปรอิสระมีคามากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : เมื่อขอมูลมีคาเขาใกลศูนย เมื่อตัวแปรอิสระมีคานอยลงเรื่อยๆ<br />

31 of 130<br />

ขอที่ : 132<br />

ขอที่ : 133<br />

ขอที่ : 134<br />

ในการสรางเสนโคงสําหรับศึกษาการการนําความรอนในรูปทรงกระบอก (Cylindrical wall) ระหวางอุณหภูมิกับระยะทางตามแนว รัศมี ควรเลือกรูปแบบในการสรางเสนโคงอยางไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

แบบเสนตรง<br />

แบบโพลิโนเมียลกําลังสอง<br />

แบบล็อกการิทึม<br />

แบบล็อกการิทึมรวมกับโพลิโนเมียลกําลังสอง<br />

ขอใดกลาวถูกตองในการสรางเสนโคงจากขอมูลที่มีอยู<br />

คําตอบ 1 : วิธีกําลังสองต่ําสุดสามารถใชไดกับรูปแบบสมการที่ไมใชโพลิโนเมียลทุกรูปแบบ<br />

คําตอบ 2 : วิธีกําลังสองต่ําสุดสามารถใชไดกับรูปแบบสมการโพลิโนเมียลเทานั้น<br />

คําตอบ 3 : การจัดรูปขอมูลในรูปแบบโพลิโนเมียล โดยใชวิธีลากรองจ (Lagrange Interpolation) จะทําไดกับขอมูลที่ไมมีการกระจายตัวมาก เกินไปเทานั้น<br />

คําตอบ 4 : วิธีกําลังสองต่ําสุดไมสามารถใชไดกับรูปแบบสมการที่มีสัมประสิทธิ์คงที่เทานั้น<br />

จงใชขอมูลในตารางดานลาง ที่อุณหภูมิ 0, 50 และ 100 oC เพื่อสราง สมการ โพลิโนเมียล กําลังสอง ระหวางคา Enthalpy hg เทียบกับ อุณหภูมิ (t) เพื่อหาคา Enthalpy ที่<br />

อุณหภูมิ 80 oC กําหนดให สมการ โพลิโนเมียล กําลังสอง (Second-degree polynomial) y= a+bx+cx2, a and b = constant value<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

2625.3 kJ/kg<br />

2633.7 kJ/kg<br />

2640.5 kJ/kg<br />

2643.3 kJ/kg


ขอที่ : 135<br />

ขอที่ : 136<br />

ขอที่ : 137<br />

จากสมการ Y-yo = a1(X-1) + a2(X-1)2 จงหาคาคงที่ a1 โดยกําหนดให คาพิกัด (X, Y) = (1, 4), (2, 8) และ (3, 10)<br />

คําตอบ 1 : -1<br />

คําตอบ 2 : 3<br />

คําตอบ 3 : 4<br />

คําตอบ 4 : 5<br />

คําตอบ 1 : 1.000<br />

คําตอบ 2 : 0.500<br />

คําตอบ 3 : 0.000<br />

คําตอบ 4 : 0.717<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : a = 0.20<br />

คําตอบ 2 : a = 0.67<br />

คําตอบ 3 : b = 0.20<br />

คําตอบ 4 : b = 0.46<br />

32 of 130<br />

ขอที่ : 138<br />

ในงานวิศวกรรมโดยทั่วไป ถาลองพลอตขอมูลไดเปนรูปตัว S ควรใชสมการรูปแบบใดในการสรางเสนโคงแสดงความสัมพันธ ดังกลาว


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สมการโพลิโนเมียลกําลังสอง<br />

สมการโพลิโนเมียลกําลังสาม<br />

คําตอบ 3 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังติดลบ<br />

คําตอบ 4 : สมการ Gompertz<br />

33 of 130<br />

ขอที่ : 139<br />

ขอที่ : 140<br />

ขอที่ : 141<br />

ถาหากขอมูลมีลักษณะเขาใกลคาคงที่คาหนึ่ง ในขณะที่ตัวแปรอิสระมีคามาก ควรใชสมการใดในการแสดงความสัมพันธของขอมูล ดังกลาว<br />

คําตอบ 1 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังสอง<br />

คําตอบ 2 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังติดสาม<br />

คําตอบ 3 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังติดลบ<br />

คําตอบ 4 : สมการ Gompertz<br />

คําตอบ 1 : 0.2<br />

คําตอบ 2 : 2<br />

คําตอบ 3 : 4<br />

คําตอบ 4 : 6<br />

ในการเก็บขอมูลการทดลองอยางหนึ่ง หากเราไดขอมูลจํานวนเทากับ n เราจะสามารถใชสมการโพลีโนเมียลดีกรีสูงสุดเทากับ เทาไร ในการแทนความสัมพันธระหวางขอมูลดังกลาว<br />

คําตอบ 1 : n-2<br />

คําตอบ 2 : n-1<br />

คําตอบ 3 : n<br />

คําตอบ 4 : n+1<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 142


คําตอบ 1 :<br />

34 of 130<br />

ขอที่ : 143<br />

ขอที่ : 144<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอใดเปนความสัมพันธโดยทั่วไปของกําลังของปมกับอัตราการไหลของของไหล เมื่อ ρ แทนความหนาแนนของของไหล , w แทนอัตราการไหลของของไหล และ C, n แทนคาคงที่<br />

ที่เปนจํานวนบวก<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


คําตอบ 1 : 7.524, 4.564, -0.258<br />

คําตอบ 2 : 6.424, 3.953, -0.585<br />

คําตอบ 3 : 5.238, 4.589, -0.278<br />

คําตอบ 4 : 6.589, 3.287, -0.687<br />

35 of 130<br />

ขอที่ : 145<br />

ขอที่ : 146<br />

คําตอบ 1 : a = 4 และ 7/9 b = -1 และ – 7/3<br />

คําตอบ 2 : a = 3 และ 5/9 b = -5 และ – 4/3<br />

คําตอบ 3 : a = 1 และ 5/8 b = -4 และ – 5/2<br />

คําตอบ 4 : a = 4 และ -1 b = 7/9 และ – 7/3<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 :


ขอที่ : 147<br />

36 of 130<br />

ขอที่ : 148<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

คําตอบ 1 : c = 1450 m = -0.6587<br />

คําตอบ 2 : c = 1350 m = -0.6687<br />

คําตอบ 3 : c = 1250 m = -0.6989<br />

คําตอบ 4 : c = 1550 m = -0.7489<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 149<br />

โรงงานแหงหนึ่งผลิตของในรอบ 6 ป ติดตอกันไดดังนี้ 100 102.4 106.9 108.3 107.9 111.0 หากเอาขอมูลนี้มา พล็อตเปนเสนตรง โดยใชวิธี Least square method ใหทํานาย<br />

ผลผลิตที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปถัดไปวาจะไดเทาไร


คําตอบ 1 : 112.5, 117.2<br />

คําตอบ 2 : 113.4, 118.4<br />

คําตอบ 3 : 114.6, 120.9<br />

คําตอบ 4 : 113.4, 115.5<br />

37 of 130<br />

ขอที่ : 150<br />

ขอที่ : 151<br />

คําตอบ 1 : a = 15.8, b = 0.0272, c = -0.000762<br />

คําตอบ 2 : a = 12.5, b = 0.8572, c = -0.001562<br />

คําตอบ 3 : a = 5.9, b = 0.4275, c = -0.004572<br />

คําตอบ 4 : a = 17.4, b = 0.5243, c = -0.007748<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 :


คําตอบ 4 :<br />

38 of 130<br />

ขอที่ : 152<br />

ขอที่ : 153<br />

ขอที่ : 154<br />

จงใชวิธีของ Cramer เพื่อหาคา y จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />

คําตอบ 1 : -1<br />

คําตอบ 2 : -2<br />

คําตอบ 3 : 1<br />

คําตอบ 4 : 3<br />

จงใชวิธีของ เพื่อหาคา x - z จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />

คําตอบ 1 : -3<br />

คําตอบ 2 : 1<br />

คําตอบ 3 : 2<br />

คําตอบ 4 : 3<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จงคํานวณหาคาของสมการ determinants 4X4 ดานลาง


39 of 130<br />

ขอที่ : 155<br />

ขอที่ : 156<br />

คําตอบ 1 : 50<br />

คําตอบ 2 : 52<br />

คําตอบ 3 : 54<br />

คําตอบ 4 : 56<br />

จงคํานวณหาคาของสมการ determinants 4X4 ดานลาง<br />

คําตอบ 1 : 50<br />

คําตอบ 2 : 52<br />

คําตอบ 3 : 54<br />

คําตอบ 4 : 56<br />

จงหาผลลัพธผลคูณของ matrix เหลานี้<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 :


คําตอบ 2 :<br />

40 of 130<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอที่ : 157<br />

ขอใดตอไปนี้จัดเปนสมการ Nonpolynomial<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอที่ : 158<br />

ขอใดตอไปนี้จัดเปนสมการ Polynomial<br />

คําตอบ 1 :สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


คําตอบ 2 :<br />

41 of 130<br />

ขอที่ : 159<br />

ขอที่ : 160<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

จงใชวิธีของ Cramer เพื่อหาคา X4 จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />

คําตอบ 1 : -1<br />

คําตอบ 2 : 0<br />

คําตอบ 3 : 3<br />

คําตอบ 4 : 4<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : 18.752


คําตอบ 2 : 23.437<br />

คําตอบ 3 : 24.336<br />

คําตอบ 4 : 31.222<br />

42 of 130<br />

ขอที่ : 161<br />

ขอที่ : 162<br />

ขอที่ : 163<br />

คําตอบ 1 : 5.436<br />

คําตอบ 2 : 5.924<br />

คําตอบ 3 : 6.215<br />

คําตอบ 4 : 6.396<br />

จงคํานวณหา Effectiveness ของ Heat Exchanger ชนิด Counter flow ซึ่งมีคา UA = 24 kW/K โดยที่ mass flow, specific heat ของของไหลชนิดแรกมีคา 10 kg/s, 2<br />

kJ/kg.K และของไหลชนิดทีสองมีคา 4 kg/s, 4 kJ/kg.K<br />

คําตอบ 1 : 0.636<br />

คําตอบ 2 : 0.754<br />

คําตอบ 3 : 0.543<br />

คําตอบ 4 : 0.876<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter flow ซึ่งมีน้ําอุณหภูมิขาเขา 20 C ไหลดวยอัตราการไหล 2 kg/s อุณหภูมิขาออก 40 C และมีน้ํามันอุณหภูมิขาเขา 60 C ขาออก 30 C<br />

ถากําหนดใหอุปกรณมีการแลกเปลี่ยนความรอนเปนแบบสมบูรณ (อุณหภูมิของน้ํามัน ขาออกเทากับอุณหภูมิของน้ําขาเขา) อัตราการไหลคงที่ตลอด (ให Cp ของน้ํา = 4.19 kJ/kg<br />

K). จงคํานวณหา Rate of heat transfer<br />

คําตอบ 1 : 220.0<br />

คําตอบ 2 : 223.5


คําตอบ 3 : 190.0<br />

คําตอบ 4 : 280.0<br />

43 of 130<br />

ขอที่ : 164<br />

อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter flow มีอัตราไหลของน้ําในวงจรที่ 1 0.5 kg/s ไหลเขา ที่อุณหภูมิ 30 นC และมีน้ําใน วงจรที่ 2 อุณหภูมิ 65 oC ไหลดวยอัตราเทากัน<br />

จงหา Mean Temperature Different ระหวางน้ําทั้งสองวงจร โดยกําหนดใหคา UA = 4 kW/K. กําหนดใหคาความรอนจําเพาะของน้ํา Cp = 4.19 kJ/kg K, U = Overall heat<br />

transfer coefficient, A = Heat transfer area.<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

6 อาศาเซลเซียส<br />

12 อาศาเซลเซียส<br />

15 อาศาเซลเซียส<br />

18 อาศาเซลเซียส<br />

ขอที่ : 165<br />

37. ขอใดคือความหมายของ Heat exchanger effectiveness<br />

ขอที่ : 166<br />

ขอที่ : 167<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

อัตราสวนระหวาง Actual heat transfer area : Theoretical heat transfer area<br />

อัตราสวนระหวาง อุณหภูมิของไหลเขา : อุณหภูมิของไหลออก<br />

คําตอบ 3 : อัตราสวนระหวางอัตราการไหลของของไหลทั้งสอง<br />

คําตอบ 4 : อัตราสวนระหวาง Actual heat rate : Maximum heat rate<br />

ในระบบการทําความเย็นแบบอัด (Compression refrigeration plant) ขอความใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คอนเดนเซอร (Condenser) ใชในการอัดสารทําความเย็น หลังจากวาลวลดความดัน (Throttle valve)<br />

อุปกรณที่ใชในการลดความดันใหต่ําที่สุดในระบบ คือ เทอรโมสแตติกเอกซเพนชันวาลว (Thermostatic expansion valve) ซึ่งใชระบบที่ มีอีวาโปเรเตอร<br />

(Evaporator) หลายตัว<br />

คําตอบ 3 : ในระบบที่มีโซลินอยดวาลว (Solenoid valve) ในการควบคุมความดันของระบบ<br />

คําตอบ 4 : ในระบบทําความเย็นขนาดเล็กอาจใชทอแคปลารี่ (Capillary tube) แทนเทอรโมสแตติกเอกซเพนชันวาลว (Thermostatic expansion valve) ได<br />

ในการเพิ่มอุณหภูมิน้ําดวยไอน้ําโดยใชไอน้ําอิ่มตัวแหงเขาในเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนที่อุณหภูมิ 100 oC และออกในสถานะไอ น้ําอิ่มตัวเปยกที่อุณหภูมิ 100 oC เพื่อเพิ่มอุณหภูมิ<br />

น้ําในทอทองแดง ซึ่งไหลดวยความเร็ว 0.8 kg/s จากอุณหภูมิทางเขา 15oC และ ออกที่ 60 oC โดยทอทองแดงมีขนาด 15 mm ใหคํานวณหาความยาวของทอทองแดงที่ตองใช<br />

กําหนดใหคา hi = 2778 W/(m2-K) (ในทอทองแดง)และ ho = 18838 W/(m2-K) (นอกทอทอ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

1.5 เมตร<br />

3.4 เมตร


คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

2.2 เมตร<br />

4.4 เมตร<br />

44 of 130<br />

ขอที่ : 168<br />

ขอที่ : 169<br />

ขอที่ : 170<br />

ขอที่ : 171<br />

ถังบรรจุกาซไนโตรเจน 2 kg และกาซคารบอนไดออกไซด 4 kg ที่อุณหภูมิ 25 oC และความดัน 2 MPa ใหหาความดันยอยของกาซ ไนโตรเจนและคารบอนไดออกไซด ตามลําดับ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

0.88 MPa และ 1.12 MPa<br />

1.12 MPa และ 0.88 MPa<br />

0.66 MPa และ 1.34 MPa<br />

1.34 MPa และ 0.66 MPa<br />

เหตุใด Heat Exchanger ชนิด Fin Coil จึงมักใชสําหรับการแลกเปลี่ยนความรอนระหวางของเหลวกับอากาศ (Liquid and Air)<br />

คําตอบ 1 : เนื่องจากอากาศมีคา Heat Transfer Coefficient ต่ํา จึงใช Fin ชวยเพิ่มพื้นที่แลกเปลี่ยนความรอนดานอากาศ<br />

คําตอบ 2 : เนื่องจากน้ําระบายความรอนยากจึงเพิ่มพื้นที่ใหดานอากาศ<br />

คําตอบ 3 : อากาศระบายความรอนไดดี ตองติด Fin เพิ่ม เพื่อเพิ่มอัตราการระบายความรอน<br />

คําตอบ 4 : น้ําระบายความรอนไดดี จึงเพิ่ม Fin เพื่อใหระบายความรอนไดดียิ่งขึ้น<br />

ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนชนิดระบายความรอนดวยอากาศกับชนิดระบายความรอนดวยน้ําที่มีขนาด การถายเทความรอนเทากัน<br />

คําตอบ 1 : ทั้งสองชนิดมีขนาดเทากัน<br />

คําตอบ 2 : ชนิดระบายความรอนดวยน้ําจะมีขนาดเล็กกวา<br />

คําตอบ 3 : ชนิดระบายความรอนดวยอากาศจะมีขนาดเล็กกวา<br />

คําตอบ 4 : ทั้งสองชนิดใชแทนกันไมได<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จากสมการตอไปนี้ q = w1(t1,i-t1,o) , q = w2(t2,o-t2,i), q = UA((t1,i-t2,o)-(t1,o-t2,i))/ln[(t1,i-t2,o)/(t1,o-t2,i)] ใหเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน เปนชนิด Counter Flow<br />

ขอใดตอไปนี้ถูกตอง โดยให t1 เปนอุณหภูมิของของไหลชนิดที่หนึ่ง; t2 เปนอุณหภูมิของของไหลชนิดที่สอง; w = mcp m เปน mass ของของไหล และ cp คือ specific heat; U<br />

เปน Overall heat transfer coefficient; A เปน Heat transfer area<br />

คําตอบ 1 : คา q เปนลบถาของไหลชนิดที่หนึ่งรอนกวาชนิดที่สอง<br />

คําตอบ 2 : คา q เปนบวกถาของไหลชนิดที่หนึ่งรอนกวาชนิดที่สอง<br />

คําตอบ 3 : คา q เปนบวกถาของไหลชนิดที่สองรอนกวาชนิดที่หนึ่ง<br />

คําตอบ 4 : คา q เปนลบถาของไหลทั้งสองชนิดอุณหภูมิเทากัน


ขอที่ : 172<br />

ขอที่ : 173<br />

ขอที่ : 174<br />

ขอที่ : 175<br />

เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter Flow มีน้ําหลอเย็นไหลเขาเครื่องดวยอัตรา 0.7 kg/s ที่อุณหภูมิ 32 deg.C ถาน้ํารอนจาก เครื่องยนตไหลเขาเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน<br />

45 of 130<br />

นี้ ที่อุณหภูมิ 90 deg.C โดยมีอัตราไหลเดียวกัน จงหาวาน้ําจากเครื่องยนตที่ไหลออก จากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนจะมีอุณหภูมิเทาไร กําหนดให UA ของเครื่องแลกเปลี่ยนความ<br />

รอนมีคาเทากับ 5 kW/K; specific heat ของน้ํา = 4.19 kj/kg K<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

73.44 deg.C<br />

53.44 deg.C<br />

43.44 deg.C<br />

32.44 deg.C<br />

โรงงานผลิตเสนกวยเตี๋ยวตองการลดอุณหภูมิน้ําลวกกวยเตี๋ยวกอนทิ้งจึงติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Counter Flow ที่มี คา UA = 4 kW/K ถาน้ํากอนเขาเครื่องมี<br />

อุณหภูมิ 70 deg.C น้ําหลอเย็นที่ใชมีอุณหภูมิ 32 deg.C โดยมีอัตราการไหลผานเครื่อง แลกเปลี่ยนความรอนเทากันที่ 0.3 kg/s จงหาวาน้ําลวกกวยเตี๋ยวกอนทิ้งจะมีอุณหภูมิเทาไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

60 deg.C<br />

58 deg.C<br />

41 deg.C<br />

32 deg.C<br />

ของไหลชนิดที่ 1 ไหลเขาอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน (Heat Exchanger) แบบ Counter flow ที่มีคา UA เทากับ 30 kW/K และ ของไหลชนิดที่ 2 โดยกําหนดให ของไหล<br />

ชนิดที่ 1 อุณหภูมิขาเขา เทากับ 60 oC อัตราการไหล เทากับ 1 Kg/s คา Specific heat, cp เทากับ 3.2 kJ/kg K ของไหลชนิดที่ 2 อัตราการไหล เทากับ 0.8 Kg/s คา Specific<br />

heat, cp เทากับ 4 kJ/kg K หากกําหนดให คา w1Cp1 = w2Cp2 จงหาอุณหภูมิขาออก ของของ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

35.65 องศาเซลเซียส<br />

40.65 องศาเซลเซียส<br />

45.65 องศาเซลเซียส<br />

50.65 องศาเซลเซียส<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

กระบวนการผลิตหนึ่ง ตามรูป กําหนดให อัตราการไหล เทากับ 1.2 Kg/s คา Specific heat, cp เทากับ 3.0 kJ/kg K คา UA ของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน เทากับ 2.1 kW/K<br />

จงหาอุณหภูมิขาออก (t) มีคาเทาใด


46 of 130<br />

ขอที่ : 176<br />

ขอที่ : 177<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

50 องศาเซลเซียส<br />

54 องศาเซลเซียส<br />

58 องศาเซลเซียส<br />

62 องศาเซลเซียส<br />

สารละลายของเหลวสองชนิด และ ไออิ่มตัวที่สภาวะสมดุล คาสัดสวนโมเลกุล (Mole fraction) ของสารละลาย A และ B มีคา เทากับ 0.4 และ 0.6 ตามลําดับ ความดันอิ่มตัวที่<br />

สภาวะสมดุลของสารบริสุทธิ์ A และ B มีคาเทากับ 530 kPa และ 225 kPa จงหา สัดสวนโมเลกุล ในสภาวะไออิ่มตัวที่สภาวะสมดุล กําหนดให Raoult’s Law มีสูตรคํานวณดังตอ<br />

ไปนี้ px = xx,lPx โดยที่ px = ความดันไอ ของสาร X, kPa xx,l = สัดสวนโมเลกุลของ สาร X<br />

คําตอบ 1 : 0.51<br />

คําตอบ 2 : 0.61<br />

คําตอบ 3 : 0.71<br />

คําตอบ 4 : 0.81<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จากรูป ระบบสารละลายสองชนิด (Binary Solution) ประกอบไปดวย butane และ heptane ที่ความดัน 700 Kpa และสัดสวนโมเลกุลของ n-butane เทากับ 0.4 ที่อุณหภูมิ<br />

ประมาณเทาใด n-butane จึงจะเริ่มตนการกลั่นตัว


47 of 130<br />

คําตอบ 1 : 80 องศาเซลเซียส<br />

คําตอบ 2 : 105 องศาเซลเซียส<br />

คําตอบ 3 : 140องศาเซลเซียส<br />

คําตอบ 4 : 165 องศาเซลเซียส<br />

ขอที่ : 178<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จากรูป ระบบสารละลายสองชนิด (Binary Solution) ประกอบไปดวย butane และ heptane ที่ความดัน 700 Kpa และสัดสวนโมเลกุลของ n-butane เทากับ 0.4 ที่ อุณหภูมิ<br />

ประมาณเทาใด n-butane จึงจะสิ้นสุดการกลั่นตัว


48 of 130<br />

ขอที่ : 179<br />

คําตอบ 1 : 80 องศาเซลเซียส<br />

คําตอบ 2 : 105 องศาเซลเซียส<br />

คําตอบ 3 : 140 องศาเซลเซียส<br />

คําตอบ 4 : 165 องศาเซลเซียส<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จากรูป ระบบสารละลายสองชนิด (Binary Solution) ประกอบไปดวย butane และ heptane ที่ความดัน 2800 Kpa และสัดสวนโมเลกุลของ n-heptaneเทากับ 0.3 ที่ อุณหภูมิ<br />

ประมาณเทาใด n-heptane จึงจะเริ่มตนการกลั่นตัว


49 of 130<br />

ขอที่ : 180<br />

ขอที่ : 181<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

160 องศาเซลเซียส<br />

200 องศาเซลเซียส<br />

218 องศาเซลเซียส<br />

245 องศาเซลเซียส<br />

น้ําหลอเย็น Cooling water ไหลเขา condenser ซึ่งจัดเปนเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุณหภูมิไอน้ําขาเขา Condenser เทากับ 100 oC ทําใหน้ําหลอเย็นขาเขาที่<br />

อุณหภูมิ 15 oC มีคาอุณหภูมิขาออกเทากับ 62 oC ในกรณีที่อุณหภูมิน้ําหลอ เย็นขาเขาสูงขึ้นเปน 20 oC อุณหภูมิน้ําหลอเย็นขาออกจะมีคาเทาใด เมื่อพิจารณาไมเปลี่ยนแลง<br />

ปริมาณน้ําหลอเย็นและไอน้ํา เทาเดิม และCondenser มีความสามารถในการแลก<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

60.2 องศาเซลเซียส<br />

62.2 องศาเซลเซียส<br />

64.2 องศาเซลเซียส<br />

66.2 องศาเซลเซียส<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ในการจําลองแบบการทํางานของเครื่องสูบน้ําในระบบเปด ถาเราไมคิดความยาวทอทางดานดูด และใหความดันทางดานขาเขา ของเครื่องสูบน้ําเทากับความดันบรรยากาศ ขอสรุปใด<br />

ถูกตองทีสุดในการสรางแบบจําลองการทํางานของระบบดังกลาว<br />

คําตอบ 1 : ความดันลดในทอเทากับผลตางความดันทางขาเขาและขาออกของเครื่องสูบน้ํา


คําตอบ 2 : ความดันลดในทอต่ํากวาผลตางความดันทางขาเขาและขาออกของเครื่องสูบน้ํา<br />

คําตอบ 3 : อัตราการไหลขึ้นอยูกับเสนผาศูนยกลางของทอ ความยาวทอ<br />

คําตอบ 4 : ไมสามารถสรุปอะไรไดจากขอมุลที่ได<br />

50 of 130<br />

ขอที่ : 182<br />

ขอที่ : 183<br />

ขอที่ : 184<br />

ขอที่ : 185<br />

ในการสรางแบบจําลองการถายเทความรอนใหกับน้ําระบายความรอนในวัฎจักรไอน้ํา ถาสภาวะของไอน้ําขาเขากังหันไอน้ําและ อัตราการไหลของไอน้ําคงที่ แบบจําลองการถายเท<br />

ความรอนใหกับน้ําระบายความรอนในขอใดจะถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นกับอุณหภูมิของไอน้ําและอุณหภูมิขาเขาของน้ําระบายความรอน<br />

คําตอบ 2 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นอยูกับชนิดของตัวแลกเปลี่ยนความรอน<br />

คําตอบ 3 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นอยูกับความดันขาออกของไอน้ําเพียงอยางเดียว<br />

คําตอบ 4 : การถายเทความรอนของน้ําระบายความรอนจะขึ้นอยูกับอัตราการไหลของน้ําระบายความรอน<br />

สมมติฐานที่ใชในการวิเคราะหตัวแลกเปลี่ยนความรอนคือขอใด<br />

คําตอบ 1 : สภาวะสม่ําเสมอ<br />

คําตอบ 2 : คุณสมบัติของของไหลคงที่<br />

คําตอบ 3 : สัมประสิทธิ์การถายเทความรอนทั้งหมดมีคาคงที่<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

สมรรถนะของคอมเพรสเซอรแบบลูกสูบสามารถแสดงไดในขอใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

งานอะเดียบาติก (Adiabatic work) หารดวยกําลังขาเขาอะเดียบาติก (Adiabatic input)<br />

งานอะเดียบาติก (Adiabatic work) หารดวยงานอินดิเคตเต็ด (Indicated work)<br />

งานไอโซเทอรมัล (Isothermal work) หารดวยงานอินดิเคตเต็ด (Indicated work)<br />

งานไอโซเทอรมัล (Isothermal work) หารดวยงานอะเดียบาติก (Adiabatic work)<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จากกราฟแสดงสมรรถนะของเครื่องสูบน้ําแบบหอยโขง เครื่องสูบน้ําแบบหอยโขงจะทํางานในขณะที่วาลวทางดานสงปดก็ตอเมื่อ<br />

คําตอบ 1 : เครื่องสูบน้ําตองการกําลังงานที่มากขึ้นในการทํางาน<br />

คําตอบ 2 : หัวน้ํา (Head) ที่สรางขึ้นมีคาเพียงครึ่งหนึ่งของคาสูงสุด<br />

คําตอบ 3 : ประสิทธิภาพการทํางานของเครื่องสูบน้ําอยูที่คาต่ําสุด<br />

คําตอบ 4 : ประสิทธิภาพการทํางานของเครื่องสูบน้ํามีคาสุงสุด


ขอที่ : 186<br />

ขอที่ : 187<br />

ขอที่ : 188<br />

ขอที่ : 189<br />

การจําลองรูปแบบการไหลแบบไหนในอุปกรณที่เราไมสามารถละทิ้งการคํานวณพลังงานจลนได<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

High speed flow<br />

Low speed flow<br />

Steady flow<br />

Equilibrium flow<br />

ตองการออกแบบ Heat Exchanger เครื่องหนึ่งใชไอน้ําเปนของไหลที่ใหความรอน ตองการอุนน้ําจากอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ให รอนขึ้น 60 องศา หากในการออกแบบใชไอน้ํา<br />

อิ่มตัวที่แรงดัน 3 Bar.g จะตองใชพื้นที่การถายเทความรอนเทากับ 50 ตารางเมตร ถาใช ไอน้ําอิ่มตัวที่แรงดัน 8 Bar.g จะตองใชพื้นที่การถายเทความรอนเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

นอยลง<br />

เทาเดิม<br />

คําตอบ 3 : มากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ไมสามารถใชไอน้ําอิ่มตัว 8 Bar.g ได<br />

พัดลม Force Draft ของหมอน้ําเครื่องหนึ่ง เปน Centrifugal Fan แบบ Backward Curve Blade โดยมีลักษณะ Performance Curve เปนแบบ Steady rising กลาวคือ Static<br />

Pressure สูงขึ้น เมื่อ Air Flow ลดนอยลง ดังนั้น หากวัด Static Pressure ดวย Pressure Gauge ซึ่งติดตั้งที่ Outlet Flange ของพัดลมตัวนี้ โดยมี Control Damper ซึ่งทํา<br />

หนาที่ปรับ Air Flow อยู Down stream ของ Pressure Gauge จะอาน Pressure Gauge<br />

คําตอบ 1 : หมอน้ําเดินเครื่อง 100 %<br />

คําตอบ 2 : หมอน้ําเดินเครื่อง 10%<br />

คําตอบ 3 : หมอน้ําเดินเครื่อง 110 %<br />

คําตอบ 4 : หมอน้ําเดินเครื่อง 50%<br />

น้ําไหลในทอสองขนาดซึ่งยาวเทากันวางในแนวราบดวยอัตราการไหลเทากัน ขอใดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Pressure drop ในทอเล็กนอยกวาทอใหญ<br />

Pressure drop ในทอใหญและทอเล็กเทากัน<br />

Pressure drop ในทอเล็กสูงกวาทอใหญ<br />

คําตอบ 4 : Pressure drop ในทอเล็กสูงมาก ทําใหความเร็วของน้ําในทอเขาใกลศูนย<br />

51 of 130<br />

ขอที่ : 190


ขอที่ : 191<br />

กังหันไอน้ําเครื่องหนึ่งใหกําลังเพลา 10 MW โดยเดินเครื่องที่ความดันของไอน้ําใน Condenser เทากับ 0.01 Bar.A (ความดัน สมบูรณ) กังหันเครื่องนี้ถูกใชงานมาเปนเวลานาน<br />

ทําใหเกิดความสกปรกในระบบระบายความรอน จึงทําใหความดันของไอน้ําใน Condenser สูงขึ้นเปน 0.1 Bar.A หากอัตราการไหลและความดันของไอน้ําเขากังหันนี้คงที่ กําลัง<br />

52 of 130<br />

เพลาที่ไดจะเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

มากกวา 10 MW<br />

นอยกวา 10 MW<br />

ไมสามารถผลิตกําลังเพลาได<br />

เทาเดิม<br />

เครื่องสูบน้ําสองเครื่องแบบ Centrifugal Pump มี Performance Curve เทากันทุกประการ น้ํามาตอ Series กัน จะได Performance รวมเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : ณ อัตราการไหลคาใดคาหนึ่ง จะมีความดันเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />

คําตอบ 2 : ณ ความดันคาใดคาหนึ่ง จะมีอัตราการไหลเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />

คําตอบ 3 : ณ อัตราการไหลคาใดคาหนึ่ง จะมีความดันเปนครี่งหนึ่งของเครื่องสุบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />

คําตอบ 4 : ณ ความดันคาใดคาหนึ่ง จะมีอัตราการไหลเปนครึ่งหนึ่งของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />

ขอที่ : 192<br />

Tubular Air Heater เครื่องหนึ่งทํางานโดยการถายเทความรอนจากไอเสียของโรงไฟฟาซึ่งมีอุณหภูมิสูงกวาใหกับอากาศเย็นที่จะ นําไปใชในการเผาไหมในหมอน้ํา การเดินเครื่อง<br />

เปนปรกติดี จนกระทั่งเกิดรอยรั่วขึ้นที่ทอแลกเปลี่ยนความรอน จึงตองทําการอุดทอ เหลานั้น เปนจํานวน 10 ทอ และใชงานตอไปจนกวาจะถึงวาระการซอมใหญประจําป อยากทราบ<br />

วา Performance ของ Tubular Air Heater นี้ หลังจากไดทําการอุดทอดังกลาว<br />

คําตอบ 1 : ไอเสียที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิต่ําลง<br />

คําตอบ 2 : อากาศที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ไอเสียที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : อากาศที่ออกจาก Tubular Air Heater จะมีอุณหภูมิเทาเดิม<br />

ขอที่ : 193<br />

Boiler Feed Pump เครื่องหนึ่ง ปรับอัตราการไหลของน้ําเพื่อเขา Boiler โดยใช Control Valve เมื่อเวลาเดินเครื่อง Boiler 100% valve เปด 70% ดังนั้นหากตองการเดินเครื่อง<br />

Boiler ที่ 50 % จะตองเปด Valve อยางไร สมมติตัวแปรอื่นคงที่<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : นอยกวา 70%<br />

คําตอบ 2 : เทาเดิม<br />

คําตอบ 3 : มากกวา 70%<br />

คําตอบ 4 : เปด Valve ใหเต็มที่<br />

ขอที่ : 194<br />

ถาตองการเพิ่มอัตราการไหลของเครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่งซึ่งสูบน้ําขึ้นถังสูง 20 เมตร ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร จะตองทําอยางไร


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

ลดระดับถังลงเหลือ 15 เมตร<br />

ลดขนาดทอลงเหลือเสนผาศูนยกลาง 32 มิลลิเมตร<br />

คําตอบ 3 : เพิ่มขนาดมอเตอรขับเครื่องสูบน้ําอีกสองเทา<br />

คําตอบ 4 : ปดวาลวดานสงของเครื่องสูบน้ําลง 50%<br />

53 of 130<br />

ขอที่ : 195<br />

เครื่องทําน้ํารอนเครื่องหนึ่งใชพลังความรอนจํานวนหนึ่ง ทําน้ํารอนอุณหภูมิ 50 องศา เซลเซียส ไดชั่วโมงละ 20,000 ลิตร ถาการใช พลังงานทําความรอนอยูในอัตราเทาเดิม แตปรับ<br />

ลดปริมาณน้ําลงเหลือ 15,000 ลิตรตอชั่วโมง จะไดน้ําอุณหภูมิเทาใด สมมติให สัมประสิทธิ์การถายเทความรอนเทาเดิม และตัวแปรอื่นคงที่<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

นอยกวา 50 องศา เซลเซียส<br />

เทาเดิม<br />

มากกวา 50 องศา เซลเซียส<br />

คําตอบ 4 : เทาอุณหภูมิของน้ําที่เขาเครื่องทําน้ํารอน<br />

ขอที่ : 196<br />

Cooling Water Pump แบบ Centrifugal Mixed Flow ขนาดเทากันทุกประการจํานวน 2 เครื่อง เดินเครื่องขนานกัน สงน้ําเพื่อ ระบายความรอนให Condenser ของกังหันไอน้ํา<br />

และระบายความรอนออกที่ Cooling Tower หากเครื่องหนึ่งขัดของ เหลือเครื่องสูบน้ํา ที่ทํางานเพียงเครื่องเดียว ปริมาณน้ําที่สงให Condenser จะเปนอยางไร<br />

ขอที่ : 197<br />

คําตอบ 1 :<br />

เทาเดิม<br />

คําตอบ 2 : นอยลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับขณะที่เดินพรอมกัน 2 เครื่อง<br />

คําตอบ 3 : นอยลงเหลือเพียง ¼ ของปริมาณน้ําที่ไดเมื่อเดินพรอมกัน 2 เครื่อง<br />

คําตอบ 4 : มากกวาครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ําขณะที่เดินพรอมกัน 2 เครื่อง<br />

ไอน้ําแบบ Superheated ถูกสงมาจากหมอน้ําไปยังกังหันไอน้ําโดยทอ Main Steam ขณะที่เดินเครื่องกังหันไอน้ําที่ Full Capacity มีแรงดัน ณ จุดวัดกอน Governor Valve ของ<br />

กังหันไอน้ําวัดได 60 Bar.g หากตองการเดินเครื่องกังหันไอน้ําเพียง Half capacity ความ ดันของไอน้ํา ณ จุดวัดกอน Governor Valve จะเปนอยางไร สมมติใหหมอน้ําเดินเครื่อง<br />

แบบความดันคงที่<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

นอยกวา 60 Bar.g<br />

มากกวา 60 Bar.g<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

เทาเดิม<br />

คําตอบ 4 : เทากับความดันไอน้ําที่หมอน้ํา<br />

ขอที่ : 198<br />

Tubular heat exchanger เครื่องหนึ่งมีอากาศเย็นไหลเขาที่อุณหภูมิ 34 C และไหลออกทีอุณหภูมิ 95 C สวนอีกดานหนึ่งมีไอเสีย ไหลเขาที่ อุณหภูมิ 260 C และไหลออกที่<br />

อุณหภูมิ 140 C หากอัตราการไหลและคาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนคงที่ ในกรณีที่ไอ เสียไหลเขามีอุณหภูมิลดลง 10 C ดังนั้นอุณหภูมิของไอเสียจะไหลออกเปนเทาไร


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

130 C<br />

140 C<br />

150 C<br />

160 C<br />

54 of 130<br />

ขอที่ : 199<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอที่ : 200<br />

LMTD ความหมายที่เกี่ยวของกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน คือ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Load Method Test Device<br />

Least Method Temperature <strong>Design</strong><br />

Low Mass Transfer Difference<br />

Log Mean Temperature Difference<br />

ขอที่ : 201<br />

Counter Flow Heat Exchanger มีลักษณะเฉพาะอยางไร


คําตอบ 1 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนโดยการไหลในทิศทางเดียวกัน<br />

คําตอบ 2 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนกันโดยมีการไหลในทิศทางตั้งฉากกัน<br />

คําตอบ 3 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนกันโดยมีทิศทางการไหลไมแนนอน<br />

คําตอบ 4 : ของไหลแลกเปลี่ยนความรอนกันโดยมีทิศทางการไหลตรงกันขาม<br />

55 of 130<br />

ขอที่ : 202<br />

Heat exchanger effectiveness คื<br />

ขอที่ : 203<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Actual rate of heat transfer / maximum rate of heat transfer<br />

Minimum rate of heat transfer / Maximum rate of heat transfer<br />

Maximum rate of heat transfer / Ideal rate of heat transfer<br />

Actual rate of heat transfer / Maximum possible rate of heat transfer with the same inlet temperature, flow rate and specific heats as actual case.<br />

ถาใหแกนนอนของกราฟเปนพื้นที่ถายเทความรอนและแกนตั้งเปนอุณหภูมิ กราฟของอุณหภูมิของของไหลใน Steam Condenser : ซึ่งใชน้ําหลอเย็นจะเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะเปนเสนตรงและ slope ลงไปทางขวา<br />

คําตอบ 2 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะมีลักษณะเปน exponential<br />

คําตอบ 3 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะมีลักษณะเปน Exponential<br />

คําตอบ 4 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะเปนเสนตรงและ slope ลงไปทางขวา<br />

ขอที่ : 204<br />

Positive Displacement Pump จะมีลักษณะ Ideal Characteristic Curve เปนอยางไร ถ้ํากําหนดใหแกนนอนเปนอัตราการไหลและ แกนตั้งเปน Head<br />

ขอที่ : 205<br />

คําตอบ 1 :<br />

เปนเสนตรงขนานกับแกนนอน<br />

คําตอบ 2 : เปนเสนตรงขนานกับแกนตั้ง<br />

คําตอบ 3 : เปน Parabola<br />

คําตอบ 4 : เปน Sine Curve<br />

กราฟแรงเสียดทานของน้ําที่ไหลในทอจะมีลักษณะเปนอยางไร ใหแกนนอนเปนอัตราการไหล แกนตั้งเปนความดันสูญเสีย<br />

คําตอบ 1 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

เปนเสนตรงขนานกับแกนนอน<br />

คําตอบ 2 : เปนเสนตรงขนานกับแกนตั้ง<br />

คําตอบ 3 : เปน Parabola แสดงคาความดันสูญเสียมากขึ้นเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : เปนเสนตรงแสดงคาความดันสูญเสียมากขึ้นเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น


ขอที่ : 206<br />

ขอที่ : 207<br />

ขอที่ : 208<br />

ขอที่ : 209<br />

ถาตองการใหพัดลมแบบ Centrifugal ซึ่งมีความเร็วรอบคงที่ ลดปริมาณการสงลมลงจะทําไดอยางไร<br />

คําตอบ 1 : เปด Damper ที่ดานสงของพัดลมใหนอยลง<br />

คําตอบ 2 : ขยายทอสงลมใหใหญขึ้น<br />

คําตอบ 3 : เพิ่มความเร็วรอบของพัดลม<br />

คําตอบ 4 : ลดความดันสถิตดานสงของพัดลม<br />

เครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่ง มีความเร็วของใบพัดคงที่ สงน้ําไปยังถังสูงโดยสูบจากบอน้ําที่ระดับพื้นดิน ดวยอัตราการ ไหลคาหนึ่ง ขอความใดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ตองการใหน้ําไหลมากขึ้นก็ตองเพิ่มขนาดทอ<br />

คําตอบ 2 : ติด Control valve ควบคุมเขาไปในทอดานสงและควบคุมการไหลใหดี น้ําจะไหลมากกวาตอนที่ไมมี Control valve<br />

คําตอบ 3 : ถาทอดานสงรั่ว น้ําที่ไหลผานเครื่องสูบน้ําจะนอยลง<br />

คําตอบ 4 : ถาทอดานดูดรั่ว น้ําที่ไหลผานเครื่องสูบน้ําจะมากขึ้น<br />

เครื่องสูบน้ําสองเครื่องตออนุกรมกันโดยทั้งสองเครื่องมี Characteristic Curve เหมือนกันทุกประการ สงน้ําออกจากบอเหมืองไปยัง แหลงน้ําภายนอก โดยมีเครื่องสูบน้ําเครื่องที่<br />

หนึ่งอยูติดกับบอเหมืองและตัวที่สองตออยูบนทอดานสงของตัวที่หนึ่ง ซึ่งหางจากตัวที่หนึ่ง 2 กิโลเมตร ขอความใดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ถาทอน้ํารั่วระหวางเครื่องสูบน้ําทั้งสองตัว จะทําใหน้ําผานเครื่องสูบน้ําตัวแรกนอยลง<br />

คําตอบ 2 : ถาทอน้ํารั่วระหวางเครื่องสูบน้ําทั้งสองตัวจะทําใหน้ําสงไปยังปลายทางภายนอกเหมืองมากขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ถาทอน้ํารั่วหลังจากเครื่องสูบน้ําตัวที่สอง น้ําจะไหลผานเครื่องสูบน้ําตัวที่สองมากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถาทอน้ํารั่วหลังจากเครื่องสูบน้ําตัวที่สอง น้ําจะไหลผานเครื่องสูบน้ําตัวที่หนึ่งนอยลง<br />

เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนเครื่องหนึ่งแบบ Shell and Tube ใชไอน้ํามาทําการอุนน้ําเพื่อเขาหมอน้ํา โดยออกแบบใหอุนน้ําจาก อุณหภูมิ 90 C เปน 150 C โดยใชไอน้ําอิ่มตัว 10<br />

ตันตอชั่วโมงที่ 3 Bar.g ขอความใดถูกตองที่สุด หากสมมติใหตัวแปรอื่นคงที่<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : ถาความดันของไอน้ําอิ่มตัวนอยลงจะทําใหอุณหภูมิของน้ําสูงขึ้น<br />

คําตอบ 2 : ถาอัตราการไหลของน้ํานอยลงจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนสูงขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ถาความดันของน้ําสูงขึ้นจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนสูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถาอัตราการไหลของไอน้ําอิ่มตัวมากขึ้นจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนนอยลง<br />

56 of 130<br />

ขอที่ : 210<br />

น้ําไหลในทอสองขนาดซึ่งยาวเทากันวางในแนวราบดวยอัตราการไหลเทากัน ขอใดไมถูกตอง


คําตอบ 1 : ความดันสูญเสียในทอขนาดเล็กมากกวาทอขนาดใหญ<br />

คําตอบ 2 : ความเร็วของน้ําในทอขนาดเล็กต่ํากวาทอขนาดใหญ<br />

คําตอบ 3 : จะใหน้ําในทอขนาดเล็กไหลมากกวาจะตองใสพลังงานในเครื่องสูบน้ํามากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : กําลังงานในเครื่องสูบน้ําของทอขนาดใหญจะนอยกวากําลังงานที่ใชในทอขนาดเล็ก<br />

57 of 130<br />

ขอที่ : 211<br />

ขอที่ : 212<br />

ขอที่ : 213<br />

ขอที่ : 214<br />

เครื่องสูบน้ําสองเครื่องแบบ Centrifugal Pump มี Performance Curve เทากันทุกประการ น้ํามาตอ Parallel กัน จะได Performance รวมเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : ณ อัตราการไหลรวมคาใดคาหนึ่ง จะมีความดัน ณ จุดที่ทอจากเครื่องสูบทั้งสองตอกันเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />

คําตอบ 2 : ณ ความดันรวมของทอดานสงคาใดคาหนึ่ง จะมีอัตราการไหลรวมเปนสองเทาของเครื่องสูบน้ําหนึ่งเครื่อง<br />

คําตอบ 3 : น้ําไหลผานเครื่องสูบน้ําเครื่องหนึ่งมากกวาอีกเครื่องหนึ่งเสมอ<br />

คําตอบ 4 : ความดันดานสงของเครื่องสูบน้ําเครื่องหนึ่งจะมากกวาอีกเครื่องหนึ่งเสมอ<br />

น้ําไหลจากถังสูงซึ่งอยู 50 เมตร ลงสูถังที่พื้นดินดวยอัตราการไหล 100 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 100 มิลลิเมตร ขอความตอไปนี้ขอความใดเปนแนว<br />

โนมที่ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ถาติดตั้ง Control valve ขนาด 80 มิลลิเมตร เขาไปที่ทอกอนจะเขาถังที่พื้นดิน จะทําใหน้ําไหลนอยกวา 100 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 2 : ยกถังสูงขึ้นอีก 20 เมตร คํานวณแลวความดันสูญเสียในทอที่ยาวขึ้น 2 เมตร แตปรากฏวาทําใหน้ําไหลออนลงเหลือ 80 ลูกบาศกเมตร ตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 3 : เปลี่ยนทอใหเล็กลงเหลือขนาด 80 มิลลิเมตรทําใหน้ําไหลแรงขึ้นเปน 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 4 : เอา Strainer ไปติดในทอกอนเขาถังที่พื้นดิน ทําใหน้ําไหลดีขึ้นเนื่องจากไมมีตะกอน อัตราการไหลเพิ่มเปน105 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

น้ําไหลดวยความดันตนทางคงที่ผานทอเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร ยาว 50 เมตร ไปยังทอแยกสองทอซึ่งตอขนานกันขนาด 25 และ 15 มิลลิเมตร ตามลําดับ ทอแยกทั้งสองยาว<br />

เทากันคือ 20 เมตร น้ําไหลรวมที่ทอขนาด 50 มิลลิเมตร เทากับ 20 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ผิด<br />

คําตอบ 1 : น้ําไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากกวาทอขนาด 25 มิลลิเมตร<br />

คําตอบ 2 : น้ําไหลผานทอขนาด 50 มิลลิเมตรเทากับน้ําที่ไหลผานทอขนาด 15 และ 25 มิลลิเมตร รวมกัน<br />

คําตอบ 3 : ถาติดตั้ง Control valve ที่ทอขนาด 25 มิลลิเมตรและเปด 50% น้ําจะไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากขึ้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : ถาความดันตนทางลดลงจะทําใหอัตราการไหลของน้ําผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรลดลง<br />

ถาน้ํามันมี Viscosity ต่ําลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ขอความใดผิด<br />

คําตอบ 1 : สูบน้ํามันที่อุณหภูมิสูงใชกําลังขับเครื่องสูบนอยกวาอุณหภูมิต่ํา ถาขนาดทอเทากัน<br />

คําตอบ 2 : น้ํามันรอนไหลชากวาน้ํามันเย็น ถาใชกําลังขับเครื่องสูบเทากัน ถาขนาดทอเทากัน<br />

คําตอบ 3 : ถาตองการสูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิต่ําใหไดอัตราการไหลเทากับน้ํามันที่มีอุณหภูมิสูงโดยใชกําลังขับเทากัน จะตองใชทอขนาดใหญขึ้น


ขอที่ : 215<br />

ขอที่ : 216<br />

ขอที่ : 217<br />

คําตอบ 4 : ถาจะใหไดอัตราการไหลเทากันและใชทอขนาดเดียวกันกําลังขับเครื่องสูบสําหรับน้ํามันอุณหภูมิต่ําจะตองมากกวา<br />

ถาใหแกนนอนของกราฟเปนพื้นที่ถายเทความรอนและแกนตั้งเปนอุณหภูมิ กราฟของอุณหภูมิของของไหลใน Steam Condenser : ซึ่งใชน้ําหลอเย็นจะเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะเปนเสนตรงขนานกับแกนนอน<br />

คําตอบ 2 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะมีลักษณะเปนเสนตรง Slope ไปทางซาย<br />

คําตอบ 3 : อุณหภูมิของไอน้ําที่กําลังควบแนนจะมีลักษณะเปน Exponential<br />

คําตอบ 4 : อุณหภูมิของน้ําหลอเย็นจะเปนเสนตรงและ slope ลงไปทางขวา<br />

เครื่องทําน้ํารอนดวยไฟฟาขนาด 4,800 Watts ทําน้ํารอนใชอาบจากอุณหภูมิ 25 C เปน อุณหภูมิ 40 C ดวยอัตราการไหล 15 ลิตร ตอนาที หากเครื่องควบคุมอุณหภูมิของน้ํารอน<br />

เสีย ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง หากตัวแปรอื่นที่ไมไดกลาวถึงคงที่<br />

คําตอบ 1 : เปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดสูงกวา 40 C<br />

คําตอบ 2 : เปดน้ํา 20 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดสูงกวา 40 C<br />

คําตอบ 3 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 5 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 30 C<br />

คําตอบ 4 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 45 C<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

58 of 130<br />

คําตอบ 4 :


ขอที่ : 218<br />

59 of 130<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอที่ : 219<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 :


คําตอบ 4 :<br />

60 of 130<br />

ขอที่ : 220<br />

คําตอบ 1 : 16,500 Btu/hr<br />

คําตอบ 2 : 16,605 Btu/hr<br />

คําตอบ 3 : 16,786 Btu/hr<br />

คําตอบ 4 : 17,867 Btu/hr<br />

ขอที่ : 221<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 222


61 of 130<br />

ขอที่ : 223<br />

ขอที่ : 224<br />

ขอที่ : 225<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

2.0 MPa<br />

1.0 MPa<br />

2.4 MPa<br />

1.6 MPa<br />

คําตอบ 1 : 1,913<br />

คําตอบ 2 : 1,931<br />

คําตอบ 3 : 2,018<br />

คําตอบ 4 : 2,108<br />

อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบใดที่นิยมนํามาใชสําหรับการแลกเปลี่ยนความรอนระหวางแกสและของเหลว<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

แบบเปลือกและทอ (Shell and Tube)<br />

แบบขดทอมีครีบ (Finned Coil)<br />

แบบกะทัดรัด (Compact)<br />

แบบสองกลับ (Two Tube Pass)<br />

อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบใดที่ใชเปนมาตรฐานในการเปรียบเทียบกับอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนประเภทอื่นๆ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

แบบของไหลไหลสวนทางกัน<br />

แบบของไหลไหลในทางเดียวกัน<br />

แบบของไหลไหลขวางกัน<br />

แบบของไหลผสมกัน


ขอที่ : 226<br />

ขอใดเปนความหมายของประสิทธิผล (Effectiveness) ของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน<br />

คําตอบ 1 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนต่ําสุดที่เปนไปไดตออัตราการถายเทความรอนจริง<br />

คําตอบ 2 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนจริงตออัตราการถายเทความรอนต่ําสุดที่เปนไปได<br />

คําตอบ 3 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนจริงตออัตราการถายเทความรอนสูงสุดที่เปนไปได<br />

คําตอบ 4 : อัตราสวนระหวางอัตราการถายเทความรอนสูงสุดที่เปนไปไดตออัตราการถายเทความรอนจริง<br />

ขอที่ : 227<br />

ปมในระบบของไหล ขอใดแตกตางจากพวก<br />

คําตอบ 1 : ปมหอยโขง<br />

คําตอบ 2 : ปมโรตารี่<br />

คําตอบ 3 : ปมลูกสูบ<br />

คําตอบ 4 : ปมฟนเฟอง<br />

ขอที่ : 228<br />

ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการจําลองระบบ<br />

คําตอบ 1 : กลุมสมการที่ใชในการแสดงความสัมพันธของตัวแปรทั้งหมดในระบบ จะมีลักษณะเปนกลุมของสมการเชิงเสนเทานั้น<br />

คําตอบ 2 : กลุมสมการที่ใชในการแสดงความสัมพันธของตัวแปรทั้งหมดในระบบ จะมีลักษณะเปนกลุมของสมการไมเชิงเสนเทานั้น<br />

คําตอบ 3 : การจําลองระบบจะใชกับเฉพาะระบบที่มีอยูแลวเทานั้น<br />

คําตอบ 4 : การจําลองระบบไมจําเปนตองทําในสภาวะที่ออกแบบไวเทานั้น<br />

ขอที่ : 229<br />

เหตุใดอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบขดทอมีครีบ (Finned Coil Heat Exchanger) จึงตองมีครีบเพิ่มขึ้นมา<br />

คําตอบ 1 : เนื่องจากความตานทานการถายเทความรอนดานแก็สมีคาสูง<br />

คําตอบ 2 : เนื่องจากความตานทานการถายเทความรอนดานแก็สมีคาต่ํา<br />

คําตอบ 3 : เนื่องจากความตานทานการถายเทความรอนดานของเหลวมีคาสูง<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการสัมผัสทางดานของเหลวใหมากยิ่งขึ้น<br />

62 of 130<br />

ขอที่ : 230


63 of 130<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอที่ : 231<br />

ขอที่ : 232<br />

คาประสิทธิผลของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนไมไดเปนฟงกชันของสิ่งใด<br />

คําตอบ 1 : คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอน<br />

คําตอบ 2 : อุณหภูมิการไหลของของไหล<br />

คําตอบ 3 : อัตราการไหลของของไหล<br />

คําตอบ 4 : พื้นที่ที่ใชในการถายเทความรอน<br />

ขอใดไมใชปจจัยในการพัฒนาคุณสมบัติของสารละลายผสมของสารสองชนิด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

กฎของราวอูลท (Raoult’s Law)<br />

กฎของดาลตัน (Dalton’s Law)<br />

กฎของบอย (Boyle’s Law)<br />

คําตอบ 4 : ความสัมพันธของอุณหภูมิและความดันที่สภาวะอิ่มตัวของสารสองชนิด<br />

ขอที่ : 233


เครื่องสูบน้ําที่เหมาะสําหรับกรณีที่ตองการหัวน้ําสูง ๆ ( High Head) ค ือ<br />

คําตอบ 1 : เครื่องสูบน้ําแบบลูกสูบ<br />

คําตอบ 2 : เครื่องสูบน้ําแบบหอยโขง<br />

คําตอบ 3 : เครื่องสูบน้ําแบบโรตารี่<br />

คําตอบ 4 : เครื่องสูบน้ําแบบไดอะแฟรม<br />

64 of 130<br />

ขอที่ : 234<br />

ขอที่ : 235<br />

ขอที่ : 236<br />

กราฟแสดงสมรรถนะการทํางานของเครื่องสูบน้ําจะตองประกอบไปดวยตัวแปรอะไรบาง<br />

คําตอบ 1 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, เสนผาศูนยกลางของใบพัด, ประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ํา, ความเร็วรอบ<br />

คําตอบ 2 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, ประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ํา, ความเร็วรอบ<br />

คําตอบ 3 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, ความเร็วรอบ<br />

คําตอบ 4 : หัวน้ํา (Head), ปริมาตรอัตราการไหล, ประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ํา<br />

ความแตกตางระหวางพัดลมแบบ Backward Curve ก ับ Backward Inclined อยูที่<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

Backward curve จะเปนแบบ Non-overload type แต Backward Inclined จะไมใช<br />

Backward curve จะมีชวงของความมีเสถียรภาพในการทํางานมากกวา Backward Inclined<br />

คําตอบ 3 : Backward curve จะใชเมื่อตองการความเร็วสูง แต Backward Inclined จะใชเมื่อตองการความเร็วต่ํา<br />

คําตอบ 4 : Backward curve มีราคาโดยทั่วไปถูกกวา Backward Inclined<br />

ในการเลือกตัวแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Shell and Tube ตองกําหนดคาตัวแปรอะไรบาง<br />

คําตอบ 1 : อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน ขนาด เสนผาศูนยของ Shell และ<br />

ความยาวของ Tube<br />

อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน ขนาด เสนผาศูนยของ Shell และ<br />

ความยาวของ Tube จํานวนของ Tube<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

อัตราการไหล อุณหภูมิเขาและออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนของของไหลสองชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน ขนาด เสนผาศูนยของ Shell และ<br />

ความยาวของ Tube จํานวนของ Tube จํานวนทางเดินของ Tube ที่ของไหลจะไหลผาน<br />

ขอที่ : 237<br />

ความรอนที่แลกเปลี่ยนกันในตัวแลกเปลี่ยนความรอนแบบ Shell and Tube มีกี่ขนาด (ไมคิดความสูญเสีย)<br />

คําตอบ 1 : 2 ขนาด


คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

3 ขนาด<br />

1 ขนาด<br />

4 ขนาด<br />

65 of 130<br />

ขอที่ : 238<br />

ขอที่ : 239<br />

ขอที่ : 240<br />

ขอที่ : 241<br />

คาประสิทธิผล (Effectiveness) ของตัวแลกเปลี่ยนความรอนจะดูไดจาก<br />

คําตอบ 1 : คาอัตราสวนระหวางความรอนที่ถายเทจริงกับความรอนที่ถายเทไดสูงสุดเทาที่เปนไปได<br />

คําตอบ 2 : คาอัตราสวนระหวางคาความรอนถายเทที่ของไหลตัวหนึ่งไดรับกับคาความรอนถายเทที่ของไหลอีกตัวหนึ่งไดใหไป<br />

คําตอบ 3 : คาอัตราสวนระหวางคาความรอนถายเทที่ของไหลไดรับกับคาความรอนถายเทที่เสียใหกับวัสดุที่ใชทําตัวแลกเปลี่ยนความรอน<br />

คําตอบ 4 : คาอัตราสวนระหวางคาความรอนถายเทสูงสุดในทางทฤษฎีกับคาความรอนถายเทที่สูญเสียไปกับความเสียดทานที่เกิดขึ้นภายในตัว แลกเปลี่ยนความรอน<br />

ความสัมพันธระหวากําลังงานกับความดันลดที่เกิดขึ้นในเครื่องสูบน้ําสามารถเขียนไดดังนี้<br />

คําตอบ 1 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหล<br />

คําตอบ 2 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหลยกกําลัง 1.5<br />

คําตอบ 3 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหลยกกําลัง 2<br />

คําตอบ 4 : กําลังงานเทากับความดันลดคูณกับปริมาตรอัตราการไหลยกกําลัง 1.2<br />

ความสัมพันธระหวางความดันลดกับอัตราการไหลสําหรับเครื่องสูบน้ํามีดังนี้<br />

คําตอบ 1 : วามดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 1.2<br />

คําตอบ 2 : วามดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 2.2<br />

คําตอบ 3 : ความดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 1.9<br />

คําตอบ 4 : ความดันลดเทากับคาคงที่คูณอัตราการไหลยกกําลัง 2.5<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


66 of 130<br />

ขอที่ : 242<br />

คําตอบ 1 : 0.623<br />

คําตอบ 2 : 0.626<br />

คําตอบ 3 : 0.879<br />

คําตอบ 4 : 0.894<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 243


67 of 130<br />

ขอที่ : 244<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


68 of 130<br />

ขอที่ : 245<br />

คําตอบ 1 : 39<br />

คําตอบ 2 : 37<br />

คําตอบ 3 : 32<br />

คําตอบ 4 : 30<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 :


69 of 130<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอที่ : 246<br />

ขอที่ : 247<br />

คําตอบ 1 : 0.636<br />

คําตอบ 2 : 0.754<br />

คําตอบ 3 : 0.918<br />

คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />

คําตอบ 1 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 2 :


70 of 130<br />

คําตอบ 3 :<br />

ขอที่ : 248<br />

ขอที่ : 249<br />

คําตอบ 4 :<br />

เครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal สองตัวมีอัตราไหลที่เทากัน แตตัวหนึ่งมีแรงดันสูงกวาอีกตัวหนึ่ง นํามาตอขนานกันและสงน้ําเขาทอ เดียวกัน อัตราการไหลของเครื่องสูบน้ําทั้งสองจะ<br />

เปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : ตัวที่มีแรงดันสูงกวามีอัตราการไหลนอยกวา<br />

คําตอบ 2 : อัตราการไหลเทากัน<br />

คําตอบ 3 : ตัวที่มีแรงดันต่ํากวามีอัตราการไหลมากกวา<br />

คําตอบ 4 : ตัวที่มีแรงดันสูงกวามีอัตราการไหลมากกวา<br />

ถาพบวาเครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal ไมสามารถสูบน้ําเขาถังสูงไดตามอัตราที่ตองการจะมีวิธีแกไขระบบไดอยางไร<br />

คําตอบ 1 : เปลี่ยนขนาดที่ใหเล็กลง<br />

คําตอบ 2 : เปลี่ยนเครื่องสูบใหมีแรงดันนอยลง<br />

คําตอบ 3 : เปลี่ยนขนาดทอใหใหญขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ติดตั้งวาลวควบคุม<br />

ขอที่ : 250<br />

55. เครื่องกังหันไอน้ําออกแบบใหใชงานโดยมีความดันใน condenser ต่ํากวาบรรยากาศ โดยอาศัยน้ําหลอเย็น กําหนดใหความสัมพันธ ของ parameter เปนดังนี้ 1. กังหันไอน้ํา<br />

ผลิตกําลังงานไดนอยลงเมื่อความดันใน condenser สูงขึ้น 2. การถายเทความรอนใน condenser นอยลง เมื่ออุณหภูมิของน้ําหลอเย็นขาเขาสูงขึ้น 3. ความดันใน condenser ลดลง<br />

ถาการถายเทความรอนดีขึ้น ดังนั้น หากอุณหภูมิของน้ําหลอเย็นขาเขาสูงขึ้น จะ<br />

คําตอบ 1 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ความดันใน condenser ลดลง<br />

คําตอบ 2 : เครื่องกังหันไอน้ําสามารถผลิตกําลังงานไดมากขึ้น<br />

คําตอบ 3 : เครื่องกังหันไอน้ําสามารถผลิตกําลังงานไดลดลง<br />

คําตอบ 4 : การถายเทความรอนที่ condenser มากขึ้น


ขอที่ : 251<br />

ขอที่ : 252<br />

ขอที่ : 253<br />

ขอที่ : 254<br />

จงหาจุดทํางานของระบบ Fan และ Duct โดยกําหนดใหสมการเปนดังนี้ Duct SP = 80 + 10.73Q1.8 Fan Q = 15 – (73.5 x 10-6) x SP2 โดยที่ SP = Static<br />

71 of<br />

Pressure<br />

130<br />

(Pa),<br />

Q = Air Flow rate (m3/s) โดยใหเลือกคา Trail Value SP = 200 Pa หรือ Q = 10 m3/s<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

6 m3/s และ 350 Pa<br />

8 m3/s และ 400 Pa<br />

4 m3/s และ 200 Pa<br />

10 m3/s และ 500 Pa<br />

พัดลมแบบ centrifugal 2 เครื่อง มี performance curve แบบเดียวกัน เมื่อนํามาตอแบบขนานจะมีลักษณะของ performance curve รวมเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : อัตราการไหลเปนสองเทาของพัดลม 1 เครื่อง ณ จุดความดันสถิตเทากัน<br />

คําตอบ 2 : ความดันสถิตเปนสองเทาของพัดลม 1 เครื่อง ณ จุดที่มีอัตราการไหลเทากัน<br />

คําตอบ 3 : อัตราการไหลเทากับครึ่งหนึ่งของพัดลม 1 เครื่อง ณ ความดันสถิตเทากัน<br />

คําตอบ 4 : ความดันเปนครึ่งหนึ่งของพัดลม 1 เครื่อง ณ อัตราการไหลเทากัน<br />

ทอน้ําสองทอทําดวยวัสดุชนิดเดียวกันยาวเทากัน แตทอหนึ่งใหญกวาอีกทอหนึ่ง หากตอจากทอประธาน (Header) เดียวกันซึ่งมี แรงดันน้ําตนทางเทากัน ไปยังถังน้ําสูงเทากัน<br />

ลักษณะการไหลของน้ําของทั้งสองทอจะเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : อัตราการไหลของน้ําของทอใหญจะนอยกวาทอเล็ก<br />

คําตอบ 2 : ความเร็วของน้ําทอเล็กจะเปนครึ่งหนึ่งของทอใหญ<br />

คําตอบ 3 : ความเร็วของน้ําในทอเล็กสูงกวาทอใหญ<br />

คําตอบ 4 : อัตราการไหลรวมทั้งสองทอเปนสองเทาของทอเล็ก<br />

รดน้ําตนไมดวยสายยางปลายเปดเสนหนึ่งขนาด ½ นิ้ว ยาว 20 เมตร โดยตอจากเครื่องสูบน้ําซึ่งสูบจากถังเก็บน้ํา แตพบวาน้ําไหล ไมพอกับที่ตองการ ถาตองการใหน้ําไหลมากขึ้น<br />

จะทําอยางไร<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : บีบสายยางที่ปลายใหน้ําฉีดออกไปแรงขึ้นและพุงไปไดไกล<br />

คําตอบ 2 : ตัดสายยางออก 10 เมตร<br />

คําตอบ 3 : ตอสายยางออกไปอีก 10 เมตร<br />

คําตอบ 4 : เอาหัวฉีดน้ํา (nozzle) มาใสที่ปลายใหน้ําฉีดไดแรง<br />

ขอที่ : 255<br />

คําวา “Off <strong>Design</strong>” หมายถึงอะไร


คําตอบ 1 : การออกแบบในระบบปด<br />

คําตอบ 2 : สภาวะที่อยูภายใตสภาวะที่ออกแบบไว<br />

คําตอบ 3 : สภาวะที่นอกเหนือสภาวะที่ออกแบบไว<br />

คําตอบ 4 : สภาวะที่ไมสามารถใชงานได<br />

72 of 130<br />

ขอที่ : 256<br />

ขอที่ : 257<br />

ขอที่ : 258<br />

ขอที่ : 259<br />

ใหใชวิธีการนิวตัน-ราฟสัน ในการหาคา x ของ x(tan x) = 2.0 เมื่อ x มีหนวยเปนเรเดียน โดยใหใชคาเริ่มตนของ x = 2<br />

คําตอบ 1 : 1.0769<br />

คําตอบ 2 : 3.6436<br />

คําตอบ 3 : 6.5783<br />

คําตอบ 4 : 9.6296<br />

ทานคิดวา Friction loss curve ของของไหลที่ไหลผานทอมีลักษณะเปนกราฟชนิดใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Linear<br />

Sine Wave<br />

Parabola<br />

Hyperbola<br />

ทานคิดวา Friction loss curve ของของไหลที่ไหลผานทอมีลักษณะเปนกราฟชนิดใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Linear<br />

Sine Wave<br />

Parabola<br />

Hyperbola<br />

เครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal Pump เครื่องหนึ่ง ถาเพิ่มความเร็วรอบใหเปนสองเทา จะไดปริมาณน้ําเพิ่มเปนกี่เทา<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สองเทา<br />

สามเทา<br />

คําตอบ 3 : สี่เทา<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : ปริมาณน้ําไมเพิ่ม


ขอที่ : 260<br />

ทอที่ใชแลกเปลี่ยนความรอนใน Condenser ของกังหันไอน้ําเครื่องหนึ่ง ซึ่งสัมผัสกับน้ํา Cooling ซึ่งมาจาก Cooling Tower มีความ สกปรกมากขึ้น ทําใหการถายเทความรอนไมดี<br />

หากปริมาณการไหลของน้ํา Cooling และปริมาณการไหลของไอน้ําเขากังหัน คงที่ อยาก ทราบวาเหตุการณตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : กังหันไอน้ําสามารถผลิตกําลังงานไดมากขึ้น<br />

คําตอบ 2 : อุณหภูมิของน้ํา Cooling ที่ไหลออกจาก Condenser สูงขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ความดันใน Condenser ต่ําลง<br />

คําตอบ 4 : ไอน้ําใน Condenser กลั่นตัวที่อุณหภูมิสูงขึ้น<br />

ขอที่ : 261<br />

65. ถา LMTD (Log Mean Temperature Different) ของของไหลที่ไหลเขา Heat Exchanger ลดลงจะมีผลกระทบอยางไรตอการ ออกแบบ Heat Exchanger นั้น<br />

ขอที่ : 262<br />

ขอที่ : 263<br />

คําตอบ 1 : การถายเทความรอนดีขึ้น<br />

คําตอบ 2 : องการพื้นที่ถายเทความรอนนอยลง<br />

คําตอบ 3 : อุณหภูมิขาออกของของไหลที่รับความรอนจะต่ําลง<br />

คําตอบ 4 : อุณหภูมิขาออกของของไหลที่ใหความรอนจะต่ําลง<br />

66.ระบบการทํางานของปมน้ําชุดหนึ่ง มีความสัมพันธระหวางความดัน (P, bar) และอัตราการไหล (Q, m3/s) ดังนี้ P = 50 + 15.65Q0.8 และ Q = 54.27 – 0.005P2 ใหหาจุดทํา<br />

งานของความดันในระบบ โดยใชวิธีแทนคาอยางตอเนื่อง (Successive Substitution) กําหนดคาเริ่มตนเปน Q = 5 m3/s<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

99.0 bar<br />

99.3 bar<br />

100.0 bar<br />

106.7 bar<br />

ขอใดกลาวไมถูกตองในการจําลองระบบ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : รูปแบบโดยทั่วไปของการจําลองระบบในทางวิศวกรรมนิยมแสดงในลักษณะแผนภาพแบบบล็อก (Block diagram)<br />

คําตอบ 2 : กรณีที่ระบบซับซอนการจําลองสามารถแบงระบบเปนสวนยอยๆ แลวจึงนํามาเชื่อมโยงกัน<br />

คําตอบ 3 : ในการจําลองระบบที่มีสภาวะสม่ําเสมอ แตละบล็อกจะแทนสมการเชิงพีชคณิต<br />

คําตอบ 4 : ในการจําลองระบบแบบพลศาสตรนั้นจะมีความซับซอน จึงไมสามารถนํามาใชในการจําลองระบบสวนยอยๆ ได<br />

73 of 130<br />

ขอที่ : 264<br />

ในการจําลองระบบจําเปนตองกําหนดใหอยูในสภาวะที่ออกแบบไว (<strong>Design</strong> Condition) ตามเดิมหรือไม


คําตอบ 1 :<br />

จําเปน เพราะทําใหอุปกรณสามารถทํางานไดอยางเหมาะสม<br />

คําตอบ 2 : จําเปน เพราะทําใหคาใชจายในการเดินเครื่องมีคาต่ําที่สุด<br />

คําตอบ 3 : ไมจําเปน เพราะโดยปกติอุปกรณออกแบบเผื่อไวอยูแลว จึงสามารถใชงานได<br />

คําตอบ 4 : ไมจําเปน เพราะในการออกแบบสามารถกําหนดขนาดของตัวแปรในการทํางานตางๆ ได<br />

74 of 130<br />

ขอที่ : 265<br />

ขอที่ : 266<br />

ขอที่ : 267<br />

อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนเครื่องหนึ่ง ใหความรอนแกน้ําที่ไหลเขามาที่อุณหภูมิ 30 oC จนกระทั่งน้ํามีอุณหภูมิ 48 oC ดวยไอ น้ําอิ่มตัวที่อุณหภูมิ 50 oC และไหลออกเปนคอน<br />

เดนเสท (Condensate) ที่อุณหภูมิ 50 oC ตองการทราบอัตราการไหลของน้ําที่ไหล เขามา โดยกําหนดใหพื้นที่ในการถายเทความรอนเทากับ 1.4 m2 และคา U ตามพื้นที่นี้คือ 1/U<br />

= (0.0445/w0.8) + 0.185 เมื่อ w เปนอัตราการไหลของน้ําในหนวย kg/s<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

0.693 kg/s<br />

0.652 kg/s<br />

0.552 kg/s<br />

0.523 kg/s<br />

การจําลองวัฎจักรการทําความเย็นจะจําลองใหเปนอะไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ระบบเปด<br />

ระบบปด<br />

ระบบผสม (Mixed system)<br />

ระบบไฮบริด (Hybrid system)<br />

การจําลองแบบการทํางานของวัฎจักรกังหันกาซ ความรอนจะถูกสงเขาสูวัฎจักรในขั้นตอนของขบวนการใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Isothermal Process<br />

Isothermal Process<br />

Isentropic Process<br />

Isobaric Process<br />

ขอที่ : 268<br />

Boiler Feed Pump แบบ Multi Stages Centrifugal Type (Fixed speed) เครื่องหนึ่งสูบน้ําจาก Deaerator ไปยัง Boiler Drum ที่มี ความดัน 120 Bar.g สวน Deaerator มี<br />

ความดัน 3.0 Bar.g Boiler Feed Pump มีแรงดัน 150 Bar โดยในการเดินเครื่องจะมี Control valve คอยควบคุมอัตราการไหล โดยมีความดันตกครอม Control Valve อยูที่ 20<br />

Bar โดย Valve เปด 80% ณ อัตราการไหลขณะ เดินเครื่อง Boiler เต็มที่ ดังนั้นถาเดินเครื<br />

คําตอบ 1 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Control valve เปด 90% และความดันตกครอม Valve 20 Bar


คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Control valve เปด 100 % และความดันตกครอม valve 15 Bar<br />

Control valve เปด 20% และความดันตกครอม Valve 10 Bar<br />

Control valve เปด 60% และความดันตกครอม Valve 40 Bar<br />

75 of 130<br />

ขอที่ : 269<br />

Cooling Water Pump สงน้ําจากแมน้ําบางปะกงไปหลอเย็น Condenser ของโรงไฟฟา โดยมีอุณหภูมิ 30 C และมีอุณหภูมิน้ําไหล ออกจาก Condenser 38 C ขณะที่เครื่องกังหัน<br />

ไอน้ําเดินเครื่องเต็มที่ ถาอัตราการไหลของน้ําจาก Cooling Water Pump คงที่ แตกังหัน ไอน้ําเดินเครื่องลดลงเหลือ 50 % แนวโนมอุณหภูมิของน้ําหลอเย็นที่ออกควรจะเปน<br />

เทาไร<br />

ขอที่ : 270<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

42 C<br />

40 C<br />

38 C<br />

34 C<br />

พัดลมแบบ Centrifugal Fan แบบความเร็วรอบคงที่ เครื่องหนึ่งมีกราฟความสัมพันธระหวางกําลังงานที่ใชขับกับอัตราการไหลดังนี้ พัดลมจะใชกําลังขับนอยที่อัตราการไหลต่ํา และ<br />

ตองใชกําลังงานขับสูงเมื่ออัตราการไหลสูง ดังนั้นหากการควบคุมอัตราการไหลของพัด ลมใช Damper ติดตั้งที่ดานสงของพัดลมr ความสัมพันธของเปอรเซ็นตการเปด Damper กับ<br />

กําลังที่ใชขับพัดลมจะเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 100, 80, 60, 40, 20 % ตามลําดับ<br />

เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 50 % เทากัน<br />

เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 20, 40, 60, 80, 100 % ตามลําดับ<br />

เปด Damper 20, 40, 60, 80, 100 % จะใชกําลังขับ 20, 60, 100, 80, 60 % ตามลําดับ<br />

ขอที่ : 271<br />

Centrifugal pump เครื่องหนึ่งมี shut off head ( zero flow rate) ที่ 1000 เมตร (น้ํา) และ ทํางานที่ best efficiency point 80% ดวย capacity 90 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง และ<br />

pump head 800 เมตร สงน้ําให Boiler โดยมี Control valve คอยควบคุมอัตราการไหลของ น้ําสู Boiler, Pump เครื่องนี้ยังมี bypass recirculation control valve เพื่อสงน้ํา<br />

กลับจากดานสงของ Pump ไปยังดานดูด เพื่อปองกัน ไมให Pump overhea<br />

คําตอบ 1 : น้ําไหลไปยัง Boiler มากขึ้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 2 : น้ําไหลผาน bypass valve ทําใหความดันดานสงลดลง และน้ําไหลไปยัง boiler ลดลง<br />

คําตอบ 3 : ความดันดานสงของ Pump เพิ่มขึ้น เนื่องจาก bypass เปด<br />

คําตอบ 4 : ความดันดานสงของ Pump ลดลง น้ําไหลผาน bypass valve และ control valve รวมกันลดลง<br />

ขอที่ : 272<br />

ทอสงน้ํามันยาว 200 กิโลเมตร โดยมีสถานีสูบน้ํามันดวยเครื่องสูบแบบ Fixed speed Centrifugal Pump จํานวน 10 สถานี ตอกัน แบบอนุกรม หางกันสถานีและ 20 กิโลเมตร ขณะ<br />

เดินเครื่องสูบทุกเครื่องตามปรกติ สามารถวัด Pump Head ได 20 Bar เทากันทุก เครื่อง Pump ทุกเครื่องมี characteristic curve เปนแบบ steady rising (Pump head เพิ่มขึ้น


เมื่ออัตราการไหลนอยลง) เหมือนกันทุก เครื่อง ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโน<br />

คําตอบ 1 : Pump เครื่องหนึ่งเสีย ตอง bypass น้ํามันไมใหผาน Pump เครื่องที่เสีย ทําให head ของ pump ตัวที่เหลือลดลงและอัตราการไหลลดลง<br />

คําตอบ 2 : ทอรั่วที่ pump เครื่องที่ 2 ทําใหตองใช pump head มากขึ้น เพื่อทําใหอัตราการไหลเทาเดิม<br />

คําตอบ 3 : ทอที่ปลายทางมีการอุดตัน ทําให pump head แตละเครื่องสูงขึ้นและอัตราการไหลลดลง<br />

คําตอบ 4 : ทอที่ตนทางกอนเขา pump เครื่องแรกมีการอุดตัน ทําใหความดันดานดูดของ pump เครื่องแรกสูงขึ้นและอัตราการไหลลดลง<br />

76 of 130<br />

ขอที่ : 273<br />

ขอที่ : 274<br />

ขอที่ : 275<br />

น้ําไหลจากถังสูงซึ่งอยู 50 เมตร ลงสูถังที่พื้นดินดวยอัตราการไหล 100 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 100 มิลลิเมตร ขอความตอไปนี้ขอความใดเปนแนว<br />

โนมที่ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ถาติดตั้ง Control valve ขนาด 80 มิลลิเมตร เขาไปที่ทอกอนจะเขาถังที่พื้นดิน จะทําใหน้ําไหลแรงขึ้นเปน 110 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 2 : ยกถังสูงขึ้นอีก 20 เมตร คํานวณแลวความดันสูญเสียในทอที่ยาวขึ้น 2 เมตร แตปรากฏวาทําใหน้ําไหลออนลงเหลือ 80 ลูกบาศกเมตร ตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 3 : เปลี่ยนทอใหเล็กลงเหลือขนาด 80 มิลลิเมตรทําใหน้ําไหลแรงขึ้นเปน 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 4 : เอา Strainer ไปติดในทอกอนเขาถังที่พื้นดิน ทําใหน้ําไหลออนลงนิดหนอย เหลือ 95 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโม<br />

ในระบบระบายความรอนดวยน้ําแบบ Closed Loop ใช Centrifugal pump มี characteristic curve dp = 6 + 2Q - 0.5Q^2 และ มี ระบบทอซึ่งมีสมการ dp = 0.1 Q^2 ขอความ<br />

ตอไปนี้ขอใดถูกตอง (p = pressure rise/drop, Q = flow rate)<br />

คําตอบ 1 : หากติดตั้ง control valve เขาไปในทอจะทําใหสมการ dp = 0.1 Q^2 เปลี่ยนแปลง โดย สัมประสิทธิ์ 0.1 จะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น<br />

คําตอบ 2 : หากติดตั้ง Control valve แลวปดวาลวไมใหน้ําไหลจะอานความดันตางที่ pump ได 8<br />

คําตอบ 3 : ถาอัตราการไหลของน้ําเทากับ 1 จะตองทําความดันตางที่ control valve เทากับ 7<br />

คําตอบ 4 : ติดตั้ง control valve ทําใหน้ําไหลมากขึ้น<br />

เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ shell and tube ใชในการอุนน้ํากอนเขา boiler จาก 50 C เปน 120 C โดยใชไอน้ําอิ่มตัวความดัน 10 Bar.g โดยมีอัตราการไหลของไอน้ํา 5 ตันตอ<br />

ชั่วโมง หากสัมประสิทธิ์ การถายเทความรอนคงที่ ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ลดอัตราการไหลของไอน้ําลงเหลือ 3 ตันตอชั่วโมงและอัตราการไหลของน้ําคงที่ จะทําใหอุณหภูมิของน้ําออกจากเครื่องสูงขึ้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 2 : เพิ่มอัตราการไหลของไอน้ําขึ้นเปน 6 ตันตอชั่วโมงและอัตราการไหลของน้ําคงที่ จะทําใหอุณหภูมิของน้ําออกจากเครื่องต่ําลง<br />

คําตอบ 3 : ลดอัตราการไหลของน้ําลงแตใหอัตราการไหลของไอน้ําคงที่ ทําใหอุณหภูมิขาออกของน้ําสูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ลดความดันของไอน้ําลงแตใหอัตราการไหลเทาเดิมทั้งไอน้ําและน้ําที่จะอุน อุณหภูมิขาออกของน้ําจะสูงขึ้น<br />

ขอที่ : 276<br />

เครื่องสูบน้ําสองเครื่องแบบ Centrifugal มี Characteristic Curve แบบ Steadily rising (ความดันลดลงเมื่ออัตราการไหลเพิ่มขึ้น) เหมือนกันทุกประการ ตอเขากันแบบขนานเพื่อ<br />

สูบน้ําไประบายความรอนให condenser ของโรงไฟฟา ขณะเดินเครื่องเต็มที่อาน pressure gauge ที่ทอดานสงของเครื่องสูบน้ําทั้งสองไดเทากัน เทากับ 2 Bar.g ขอความตอไปนี้<br />

ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง


ขอที่ : 277<br />

ขอที่ : 278<br />

ขอที่ : 279<br />

คําตอบ 1 : เครื่องสูบตัวหนึ่งหยุดทําใหความดันของน้ําทีอานได ณ ดานสงของเครื่องสูบที่ยังเดินเครื่องอยูเพิ่มขึ้น<br />

คําตอบ 2 : น้ําไหลผานเครื่องสูบทั้งสองไมเทากัน<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ถากราฟของกําลังขับที่ใชขับเครื่องสูบเปนแบบ steady rising (เครื่องสูบกินกําลังมากขึ้นเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น) แลวเครื่องสูบเครื่อง หนึ่งหยุด จะทําใหเครื่องสูบ<br />

อีกเครื่องหนึ่งที่ยังทํางานกินกําลังมากขึ้น<br />

ถาติด Control valve ที่เหมือนกันทุกประการ ไวที่ดานสงของเครื่องสูบทั้งสองเครื่องแลวปรับการเปด Control valve ใหเปด 50% สําหรับเครื่องที่ 1 และใหเปด<br />

80% ของเครื่องที่ 2 จะทําใหน้ําไหลผานเครื่องที่ 1 มากกวาเครื่องที่ 2<br />

ไอน้ําไหลจาก Boiler ดวยอุณหภูมิ 480 C ณ ความดัน 68 Bar.g ไปยังกังหันไอน้ําดวยอัตราการไหล 90 ตันตอชั่วโมง โดยควบคุม โดย Control valve ที่ทางเขาของกังหันไอน้ํา<br />

ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : เปด control valve นอยลงเพื่อใหกังหันไอน้ําผลิตไฟฟานอยลง จะทําใหความดันใน boiler สูงขึ้น ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler คง เดิม<br />

คําตอบ 2 : เปด control valve มากขึ้นเพื่อใหกังหันไอน้ําผลิตไฟฟามากขึ้น จะทําใหความดันใน boiler สูงขึ้น ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler นอยลง<br />

คําตอบ 3 : ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler นอยลงแตเปด control valve เทาเดิม จะทําใหความดันใน boiler สูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถาอัตราการผลิตไอน้ําของ boiler เทาเดิมและเปด control valve เทาเดิม จะทําใหการผลิตไฟฟาของกังหันลดลง<br />

น้ําไหลดวยความดันตนทางคงที่ผานทอเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร ยาว 50 เมตร ไปยังทอแยกสองทอซึ่งตอขนานกันขนาด 25 และ 15 มิลลิเมตร ตามลําดับ ทอแยกทั้งสองยาว<br />

เทากันคือ 20 เมตร น้ําไหลรวมที่ทอขนาด 50 มิลลิเมตร เทากับ 20 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : น้ําไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากกวาทอขนาด 25 มิลลิเมตร<br />

คําตอบ 2 : น้ําไหลผานทอขนาด 50 มิลลิเมตรมากกวาน้ําที่ไหลผานทอขนาด 15 และ 25 มิลลิเมตร รวมกัน<br />

คําตอบ 3 : ถาติดตั้ง Control valve ที่ทอขนาด 25 มิลลิเมตรและเปด 50% น้ําจะไหลผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรมากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถาความดันตนทางลดลงจะทําใหอัตราการไหลของน้ําผานทอขนาด 15 มิลลิเมตรเพิ่มขึ้น<br />

กังหันกาซเครื่องหนึ่งสงกาซไอเสียใหกับหมอน้ําเพื่อทําไอน้ําสงใหกังหันไอน้ํา โปรดพิจารณาขอความขางลางวาขอใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : เพิ่มปริมาณไอเสียของกังหันกาซโดยการเพิ่มเชื้อเพลิง จะทําใหเกิดไอน้ําไปยังกังหันไอน้ํามากขึ้น<br />

คําตอบ 2 : ถาใชไอน้ําที่กังหันไอน้ําลดลงโดยที่ไมลดการปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซ จะทําใหความดันในหมอน้ําคงที่<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 : ถากังหันไอน้ําหยุดเดินเครื่อง โดยที่การปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซคงที่ จะทําใหหมอน้ํารอนอยูได โดยที่ความดันไมสูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถากังหันกาซหยุดเดินเครื่องจะทําใหกังหันไอน้ําไดรับไอน้ําที่ความดันสูงขึ้น<br />

77 of 130<br />

ขอที่ : 280<br />

ถาน้ํามันมี Viscosity ต่ําลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ขอความใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : สูบน้ํามันที่อุณหภูมิสูงใชกําลังขับเครื่องสูบมากกวาอุณหภูมิต่ํา


คําตอบ 2 : น้ํามันรอนไหลชากวาน้ํามันเย็น ถาใชกําลังขับเครื่องสูบเทากัน<br />

คําตอบ 3 : ถาตองการสูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิต่ําใหไดอัตราการไหลเทากับน้ํามันที่มีอุณหภูมิสูงโดยใชกําลังขับเทากัน จะตองใชทอขนาดใหญขึ้น<br />

คําตอบ 4 : สูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิสูงใชทอใหญ สูบน้ํามันที่มีอุณหภูมิต่ําใชทอเล็ก ถาจะใหไดอัตราการไหลเทากันและกําลังขับเครื่องสูบเทากัน<br />

78 of 130<br />

ขอที่ : 281<br />

พัดลมสงลมเย็นไปตามทอสงไปยังหองที่ 1 และหองที่ 2 แตหองที่ 1 อยูใกลพัดลมมากกวา หองที่ 1 และหองที่ 2 ตองการปริมาณลม เย็นเทากัน แตดวยการออกแบบทอที่ตอไปยัง<br />

หองที่ 2 มีขนาดเล็กกวาเนื่องจากปริมาณลมเย็นนอยลงหลังจากไดแยกสงใหหองที่ 1 แลว หัวจายลมเย็นของทั้งสองหองมีขนาดเทากันและเปด Damper เต็มที่ จงพิจารณาวาขอ<br />

ความตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ลมเย็นไหลไปหองที่ 1 นอยกวาหองที่ 2<br />

คําตอบ 2 : ลมเย็นไหลไปหองที่ 1 เทากับหองที่ 2<br />

คําตอบ 3 : จะทําใหลมเย็นทั้งสองหองเทากันจะตองปด Damper ของหองหนึ่งลงเล็กนอย<br />

คําตอบ 4 : เปด Damper ของหองที่ 2 นอยๆ จะทําใหลมแรง และจะไดอัตราการไหลของลมเย็นไปหองที่ 2 มากขึ้น<br />

ขอที่ : 282<br />

Condensate pump แบบ Centrifugal มี Characteristic Curve แบบ Steady rising (pump head ลดลงเมื่ออัตราการไหลมากขึ้น) สูบน้ําจาก Hot Well ผาน Control valve ไป<br />

ยัง Deaerator โดยเมื่อเครื่องเดินเต็มที่ Control valve เปด 80% และมีความดันตกครอม Control valve เทากับ 2 Bar ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />

ขอที่ : 283<br />

คําตอบ 1 :<br />

ถาตองการลดอัตราการไหล จะตองทําความดันตกครอม control valve เปน 4 Bar<br />

คําตอบ 2 : ถาความดันใน Hot Well ลดลง จะทําใหอัตราการไหลมากขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ถาความดันใน Deaerator มากขึ้นจะทําใหอัตราการไหลมากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถาปด Control valve จะทําใหความดันที่ดานสงของ Condensate pump ต่ําลง<br />

เครื่องสูบน้ําเครื่องหนึ่งแบบ Centrifugal มี Characteristic curve เปนแบบ steady rising (pump head ลดลงเมื่ออัตราการไหล เพิ่มขึ้น) สูบน้ําผานเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนใช<br />

ไอน้ําซึ่งทําใหน้ําจาก 25 C มีอุณหภูมิสูงขึ้นเปน 50 C ดวยอัตราการไหล 30 ลูกบาศก เมตรตอชั่วโมง และสามารถอานความดันที่ดานสงของเครื่องสูบน้ําได 4 Bar.g ขอความตอไป<br />

นี้ขอใดผิด<br />

คําตอบ 1 : ลดอัตราการไหลของน้ําลงดวย Control valve ซึ่งติดตั้งใกลกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน ทําใหอานความดันที่ดานสงของเครื่องสูบได สูงขึ้น<br />

คําตอบ 2 :<br />

เพิ่มอัตราการไหลของน้ําดวยเปด Control valve ซึ่งติดตั้งใกลกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนมากขึ้น ทําใหอุณหภูมิของน้ํารอนที่ออก จากเครื่องแลกเปลี่ยนความ<br />

รอนลดลง ถาไมมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการไหลของไอน้ํา<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 : ลดอัตราการไหลของไอน้ําทําใหอุณหภูมิของน้ําออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนลดลง ถาปริมาณน้ํายังคงเดิม<br />

คําตอบ 4 : เพิ่มอัตราการไหลของไอน้ําจะทําใหอุณหภูมิของน้ําที่ออกจากเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนสูงขึ้น ถาปริมาณน้ํายังคงเดิม<br />

ขอที่ : 284<br />

การระบายความรอนของ Steam Turbine Condenser ดวย Cooling Tower แบบ Closed Loop ใชน้ํา 5,000 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง โดยอุณหภูมิของน้ําเขาและออก<br />

Condenser เทากับ 33 C และ 42 C ตามลําดับ Cooling Tower มีพัดลมเดินเครื่องสองตัว ถูก ออกแการระบายความรอนของ Steam Turbine Condenser ดวย Cooling Tower


แบบ Closed Loop ใชน้ํา 5,000 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง โดยอุณหภูมิของน้ําเขาและออก Condenser เทากับ 33<br />

คําตอบ 1 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Wet bulb ลดลง จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />

คําตอบ 2 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Dry Bulb สูงขึ้น จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />

คําตอบ 3 : ถาน้ํา Cooling เหลือ 4,000 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง จะทําใหอุณหภูมิที่แตกตางระหวางน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />

คําตอบ 4 : ถาพัดลม Cooling tower เสียไปหนึ่งตัว จะทําใหอุณหภูมิของน้ําเขา Condenser ลดลง<br />

79 of 130<br />

ขอที่ : 285<br />

hydraulic Water Turbine ของเขื่อนแหงหนึ่ง เดินเครื่องโดยมี Head เทากับ 120 เมตร โดยสามารถผลิตไฟฟาได 80 MW เมื่อ Governor Valve ซึ่งคอยควบคุมอัตราการไหล<br />

ของน้ํา เปดที่ 95% ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง<br />

ขอที่ : 286<br />

ขอที่ : 287<br />

คําตอบ 1 : เปด Governor Valve 50% จะทําใหน้ําไหลแรงขึ้นและจะผลิตไฟฟาไดมากวา 80 MW<br />

คําตอบ 2 : ระดับน้ําเหนือเขื่อนต่ําลงทําให Head ของ Turbine เหลือ 100 เมตร ตองเปด Governor Valve นอยลง เพื่อใหกําลังผลิตไฟฟาเทาเดิม<br />

คําตอบ 3 : ถาตองการกําลังไฟฟานอยลง ตองเปด Governor Valve ใหมากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถาเปด Governor Valve เพียง 90 % แตตองการกําลังไฟฟาเทาเดิม จะตองเพิ่ม Head ของ Turbine มากขึ้น<br />

เครื่องทําน้ํารอนดวยไฟฟาขนาด 4,800 Watts ทําน้ํารอนใชอาบจากอุณหภูมิ 25 C เปน อุณหภูมิ 40 C ดวยอัตราการไหล 15 ลิตร ตอนาที หากเครื่องควบคุมอุณหภูมิของน้ํารอน<br />

เสีย ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง หากตัวแปรอื่นที่ไมไดกลาวถึงคงที่<br />

คําตอบ 1 : เปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดต่ํากวา 40 C<br />

คําตอบ 2 : เปดน้ํา 20 ลิตรตอนาที จะทําใหอุณหภูมิน้ํารอนที่ไดสูงกวา 40 C<br />

คําตอบ 3 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 5 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 30 C<br />

คําตอบ 4 : ไปซอมอุปกรณควบคุมจนใชงานไดเปนปรกติ แลวเปดน้ํา 10 ลิตรตอนาที จะไดอุณหภูมิน้ํารอน 40 C<br />

พัดลมแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่งมี Performance Curve มีลักษณะดังนี้คือ เมื่ออัตราการไหลสูงขึ้น ความดันสถิตของพัดลมลดลง ใชงานสงลมเย็นผาน Air Handling Unit ไป<br />

ยัง Distribution Duct สูหองตางๆของอาคาร ขอความตอไปนี้ขอใดเปนแนวโนมที่ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ลมสงไปยังหองปลายทางที่อยูไกลที่สุดไมพอ เนื่องจาก Duct ปลายทางมีขนาดเล็กเกินไป<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 2 : หองที่อยูตนทางไดรับลมเย็นมากไป จะตองเปด Damper ที่หัวจายและทางแยกเขาหองดังกลาวใหมากขึ้น เพื่อใหมีลมเย็นเหลือไป ปลายทาง<br />

คําตอบ 3 : ลดความเร็วรอบของพัดลม เนื่องจากลมเย็นถูกสงไปหองตนทางมากเกินไป ทําใหลมเย็นไมไปปลายทาง<br />

คําตอบ 4 : ขยายขนาด Duct ที่แยกไปยังหองตนทางใหมากขึ้น เพื่อใหลดความดันสถิตยใหลดลง และมีลมเย็นสงไปปลายทางมากขึ้น<br />

ขอที่ : 288<br />

ทอน้ําสองทอขนาดทอที่ 1 ขนาดเสนผาศูนยกลาง 100 มม สวนทอที่ 2 มีขนาดเสนผาศูนยกลาง 80 มม ทอทั้งสองยาว 50 เมตร เทากัน ตอขนานกันเขากับเครื่องสูบน้ําแบบ<br />

Centrifugal ซึ่งมี Performance Curve แบบ steady rising (ความดันนอยลงเมื่ออัตราการ ไหลมากขึ้น) ปลายของทอทั้งสองอยูที่ระดับเดียวกัน ขอความตอไปนี้ขอใดถูกตอง


คําตอบ 1 : น้ําไหลผานทอที่ 2 มากกวาทอที่ 1 เพราะทอที่ 2 มีความเร็วสูงกวาทอที่ 1<br />

คําตอบ 2 : ถาตองการใหน้ําไหลไปทอที่ 2 มากกวาทอที่1 จะตองใส control valve ในทอที่ 1 เพื่อเพิ่ม friction ในทอที่ 1<br />

คําตอบ 3 : ถายกปลายทอของทอที่ 1 ขึ้นสูงกวาทอที่ 2 จะทําใหน้ําไหลไปทอที่ 2 ลดลง<br />

คําตอบ 4 : ยกปลายทอทั้งสองขึ้นเทากันจะทําใหอัตราการไหลของทอทั้งสองเทากัน<br />

80 of 130<br />

ขอที่ : 289<br />

Fire pump เครื่องหนึ่ง สูบน้ําไปยัง Hydrant สองตัวเหมือนกันทุกประการ ซึ่งอยูบนทอสงน้ําเดียวกัน Hydrant ตัวที่ 1 อยูใกล Fire pump มากวาตัวที่ 2 โปรดพิจารณาขอความตอ<br />

ไปนี้วาขอใดผิด<br />

ขอที่ : 290<br />

ขอที่ : 291<br />

ขอที่ : 292<br />

คําตอบ 1 : แรงดันน้ําที่ Hydrant ตัวที่ 1 มากกวาตัวที่ 2<br />

คําตอบ 2 : อัตราการไหลของ Hydrant ตัวที่ 2 นอยกวาตัวที่ 1<br />

คําตอบ 3 : อัตราการไหลของ Hydrant ทั้งสองรวมกันเทากับอัตราการไหลของ Fire pump<br />

คําตอบ 4 : อาน pressure gauge ที่ Fire pump ไดคานอยกวาที่ Hydrant<br />

การระบายความรอนของ Steam Turbine Condenser ดวย Cooling Tower แบบ Closed Loop ใชน้ํา 5,000 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง โดยอุณหภูมิของน้ําเขาและออก<br />

Condenser เทากับ 33 C และ 42 C ตามลําดับ Cooling Tower มีพัดลมเดินเครื่องสองตัว ถูก ออกแบบดวยอุณหภูมิบรรยากาศ 28.5 C Wet Bulb 38 C Dry Bulb ขอความใด<br />

ถูกตอง ถา parameter ตัวที่ไมกลาวถึงคงที่<br />

คําตอบ 1 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Wet bulb สูงขึ้น จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />

คําตอบ 2 : ถาอุณหภูมิบรรยากาศ Dry Bulb สูงขึ้น จะทําใหอุณหภูมิน้ําเขาและออก Condenser ลดลง<br />

คําตอบ 3 : ถาน้ํา Cooling เหลือ 4,000 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง จะทําใหอุณหภูมิที่แตกตางระหวางน้ําเขาและออก Condenser สูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถาพัดลม Cooling tower เสียไปหนึ่งตัว จะทําใหอุณหภูมิของน้ําเขา Condenser ลดลง<br />

กังหันกาซเครื่องหนึ่งสงกาซไอเสียใหกับหมอน้ําเพื่อทําไอน้ําสงใหกังหันไอน้ํา โปรดพิจารณาขอความขางลางวาขอใดไมถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : เพิ่มปริมาณไอเสียของกังหันกาซโดยการเพิ่มเชื้อเพลิง จะทําใหเกิดไอน้ําไปยังกังหันไอน้ํามากขึ้น<br />

คําตอบ 2 : ถาใชไอน้ําที่กังหันไอน้ําลดลงโดยที่ไมลดการปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซ จะทําใหความดันในหมอน้ําสูงขึ้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 : ถากังหันไอน้ําหยุดเดินเครื่อง โดยที่การปอนเชื้อเพลิงใหกังหันกาซคงที่ จะทําใหหมอน้ํารอนอยูได โดยที่ความดันไมสูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถากังหันกาซหยุดเดินเครื่องจะทําใหกังหันไอน้ําไดรับไอน้ําที่ความดันต่ําลง<br />

ระบบสงน้ําในหมูบานแหงหนึ่ง สงน้ําโดยใชปมแบบหอยโขง(Centrifugal pump) สงผานทอขนาดหกนิ้วไปยังถังเก็บน้ําซึ่งอยูหาง จากที่ตั้งปม 800 เมตร หากวาทอสงน้ําถูกแอบ<br />

เจาะตอทอขนาดหนึ่งนิ้วซึ่งยาว 20 เมตร ที่ระยะหางจากปม 80 เมตร อยากทราบวาผลที่ เกิดขึ้นในขอใดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ไมมีการเปลี่ยนแปลง ระบบยังคงทํางานไดเหมือนเดิม


คําตอบ 2 : จะตองจายคาไฟฟาสําหรับการเดินปมเพิ่มขึ้น<br />

คําตอบ 3 : อานคาความดันดานสง(discharge pressure)ไดมากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : อัตราการไหลที่ปมทําไดลดลง<br />

81 of 130<br />

ขอที่ : 293<br />

สถานีสูบจายน้ําแหงหนึ่งติดตั้งเครื่องสูบน้ําแบบหอยโขง(centrifugal pump)จํานวน 8 ตัว โดยปมตออยูแบบขนาน ปรากฎวาตอนที่ เริ่มเดินปมวาลวดานสงทุกตัวอยูในตําแหนงปด<br />

อยากทราบวาขอใดกลาวไดถูกตอง<br />

ขอที่ : 294<br />

ขอที่ : 295<br />

ขอที่ : 296<br />

คําตอบ 1 : เปนวิธีการที่ผิด อาจทําใหปมเสียหายได<br />

คําตอบ 2 : เปนวิธีการที่ถูกตองเพราะจะสามารถควบคุมการไหลของน้ําได<br />

คําตอบ 3 : เปนวิธีการที่ถูกตอง เพราะกําลังที่ใชสําหรับเริ่มเดินปมจะต่ําที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ไมเกิดผลอะไรไมวาวาลวจะปดหรือเปด<br />

ปมน้ําแบบ centrifugal ที่มีขนาดความดัน 20 บารเกจ ที่อัตราการไหล 150 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ขอใดกลาวไดถูกตองเกี่ยวกับ ปมตัวนี้<br />

คําตอบ 1 : สามารถนําไปติดตั้งกับทอทุกขนาด เพื่อใหไดอัตราการไหลที่ 150 ลูกบาศกเมตร<br />

คําตอบ 2 : ไมวาจะติดตั้งกับระบบทอขนาดใด ก็จะทําความดันได 20 บารเกจ<br />

คําตอบ 3 : เมื่อติดตั้งกับระบบทอ อาจไมไดความดันและอัตราการไหลตามที่ระบุ ขึ้นกับความดันสูญเสียในระบบดวย<br />

คําตอบ 4 : เมื่อติดตั้งกับระบบทอ จะไมไดความดันและอัตราการไหลตามที่กําหนด เพราะเปนคาตามทฤษฎีเทานั้น<br />

การออกแบบระบบสงน้ําแหงหนึ่งกําหนดใหใชทอขนาด 8 นิ้ว แตผูรับเหมาไมสามารถหาทอขนาดดังกลาวได จึงติดตั้งทอขนาด 6 นิ้วแทน โดยที่ขนาดของปมที่ใชคงเดิม ขอใดกลาว<br />

ไดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : สามารถสงน้ําไดปริมาณมากขึ้น ไกลมากขึ้น<br />

คําตอบ 2 : ไดน้ําแรงขึ้นและปริมาณมากขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ไดปริมาณน้ําลดลง แตสามารถสงไดไกลขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ไดปริมาณน้ําลดลง ความดันที่ใชสูงขึ้น และความเร็วในทออาจจะมากขึ้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ปมน้ําแบบ centrifugal สองตัวขนาด 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 15 บาร ตอรวมกับแบบขนาน หากเดินปมพรอมกัน ทั้งสองตัว ขอใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ความดันที่ไดเพิ่มขึ้นเปน 30 บาร<br />

คําตอบ 2 : อัตราการไหลเพิ่มขึ้นเปน 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 3 : ความดันเพิ่มขึ้น แตไมถึง 30 บาร<br />

คําตอบ 4 : อัตราการไหลเพิ่มขึ้น แตไมถึง 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง


ขอที่ : 297<br />

ขอที่ : 298<br />

ขอที่ : 299<br />

ขอที่ : 300<br />

ปมแบบลูกสูบ (positive displacement) ทําหนาที่สูบ-จายน้ํามันเตาจากถังเก็บไปยังโรงไฟฟา พบวาขณะเริ่มเดินปมวาลวดานสงอยู ในตําแหนงปด ขอใดกลาวไดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : เปนวิธีการที่ถูกตองแลว เพราะเปนการดึงกระแสไฟฟาตอนเริ่มเดินปม<br />

คําตอบ 2 : เปนวิธีการที่ถูกตอง เพราะสามารถควบคุมการไหลของน้ํามันได<br />

คําตอบ 3 : เปนวิธีการที่ไมถูกตอง เพราะจะเกิดความดันที่ดานสงของปมสูงขึ้น อาจทําใหปมเสียหายได<br />

คําตอบ 4 : เปนวิธีการที่ไมถูกตอง เพราะจะไมสามารถเปดวาลวหลังจากปมทํางานแลวได<br />

เครื่องแลกเปลี่ยนความรอนทําหนาที่ลดอุณหภูมิน้ําเสียกอนปลอยสูแมน้ํา ถาเกิดการทํางานผิดผลาดโดยที่ผูเดินเครื่องเปดวาลวผิด ทําใหน้ําเสียไหลเขาเครื่องในอัตราที่สูงกวาคาที่<br />

ออกแบบ ผลที่เกิดขึ้นในขอใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : น้ําเสียที่ไหลออกจะมีอุณหภูมิเทากับที่ไหลเขา<br />

คําตอบ 2 : จะเกิดความเสียหายกับเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน ตองรีบ By-pass ทันที<br />

คําตอบ 3 : น้ําเสียที่ไหลออกจะมีอุณภูมิสูงกวาที่เคยปลอยออก<br />

คําตอบ 4 : ไมมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ<br />

ระบบสงน้ําในหมูบานแหงหนึ่ง สงน้ําถึงถังเก็บที่ตั้งอยูสูง 30 เมตร โดยใชทอขนาด 3 นิ้ว หากมีความตองการที่จะเพิ่มอัตราการ ไหล จะตองทําอยางไร ถาตองการใชปมตัวเดิม<br />

คําตอบ 1 :<br />

ลดขนาดทอ<br />

คําตอบ 2 : เพิ่มขนาดทอ<br />

คําตอบ 3 : เพิ่มขนาดมอเตอรที่ขับปม<br />

คําตอบ 4 : ลดขนาดมอเตอรที่ขับปม<br />

ทอสงน้ํามันแหงหนึ่ง ถูกคนรายแอบเจาะทอขโมยน้ํามันที่บริเวณไมไกลจากตนทาง ถามีติดตั้งอุปกรณวัดตางๆที่ปลายทอ อยาก ทราบวาผลที่ไดจะเปนอยางไร<br />

คําตอบ 1 : คาความเร็วที่อานไดจะเพิ่มขึ้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 2 : คาความดันที่อานไดลดลง<br />

คําตอบ 3 : คาความดันที่อานไดเทาเดิม<br />

คําตอบ 4 : คาความดันที่อานไดสูงขึ้น<br />

82 of 130<br />

ขอที่ : 301<br />

ปมน้ําแบบ centrifugal จํานวน 8 ตัว ตอกันอยูแบบขนาน โดยปมแตละตัวมีขนาด 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 30 บาร ถาเราเปลี่ยนมอเตอรขับปมทุกตัว ใหมีขนาดใหญ<br />

ขึ้น ผลที่เกินขึ้นจะเปนอยางไร


คําตอบ 1 : จะไดอัตราการไหลมากกวา 960 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 2 : จะไดอัตราการไหลนอยกวา 960 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

คําตอบ 3 : จะไดความดันสูงกวา 30 บาร<br />

คําตอบ 4 : ไมมีการเปลี่ยนแปลงทั้งความดันแลอัตราการไหล<br />

83 of 130<br />

ขอที่ : 302<br />

โรงสูบน้ําแหงหนึ่งติดตั้งเครื่องสูบแบบหอยโขง( Centrifugal )จํานวน 10 ชุด โดยที่ปมแตละตัวมีขนาด 100 ลูกบาศกเมตรตอ ชั่วโมง ที่ความดัน 25 บาร ตอมาพบวามอเตอรของ<br />

ปม 5 ตัว มีปญหาจึงตองเปลี่ยน แตมอเตอรที่นํามาเปลี่ยนมีขนาดใหญกวาเดิม อยากทราบวาจะมีผลตออัตราการไหลและความดันอยางไร<br />

ขอที่ : 303<br />

ขอที่ : 304<br />

ขอที่ : 305<br />

คําตอบ 1 : อัตราการไหลและความดันคงที่ ไมเปลี่ยนแปลง<br />

คําตอบ 2 : อัตราการไหลจะสูงขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ความดันจะสูงขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ความดันสูงขึ้น แตอัตราการไหลลง<br />

ระบบทอสงน้ําแหงหนึ่งใชทอขนาด 8 นิ้ว ถาเปลี่ยนไปใชทอขนาด 4 นิ้ว โดยอุปกรณอยางอื่นคงเดิม ขอใดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น<br />

คําตอบ 2 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น 25%<br />

คําตอบ 3 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น 50%<br />

คําตอบ 4 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น 75%<br />

ทอสงน้ําแหงหนึ่งประกอบดวยปมหอยโขง (centrifugal pump) และทอขนาด 2 นิ้ว ถาการติดตั้งเปลี่ยนไปใชทอขนาด 4 นิ้ว ขอใด กลาวไดถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : ความดันของระบบจะเพิ่มขึ้น<br />

คําตอบ 2 : อัตราการไหลจะลดลง<br />

คําตอบ 3 : อัตราการไหลจะเพิ่มขึ้น<br />

คําตอบ 4 : อัตราการไหลจะเพิ่มขึ้น 2 เทา<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ทอสงน้ําแหงหนึ่งประกอบดวยปมหอยโขง (centrifugal pump) และระบบทอ โดยออกแบบมาใหเหมาะสมกับทอขนาด 2 นิ้ว ถา การติดตั้งเปลี่ยนไปใชทอขนาด 6 นิ้ว ขอใดกลาว<br />

ไดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : เปนผลดี จะสามารถสงน้ําไดมากขึ้น<br />

คําตอบ 2 : เปนผลดี เพราะความดันสูญเสียในระบบจะลดลงมาก ทําใหน้ําไหลไดดี<br />

คําตอบ 3 : เปนผลเสีย เพราะอาจทําใหปมเสียหายเนื่องจากความดันสูงเกิน


ขอที่ : 306<br />

ขอที่ : 307<br />

ขอที่ : 308<br />

ขอที่ : 309<br />

คําตอบ 4 : เปนผลเสีย เพราะอาจทําใหปมตองใชพลังงานมากเกิน มอเตอรที่ติดตั้งมาอาจเสียหายได<br />

ปมหอยโขง (centrifugal pump) ตัวหนึ่งถูกออกแบบมาใหเหมาะสมกับทอขนาด 6 นิ้ว ถานําไปใชกับทอขนาด 12 นิ้ว โดยมีความ ยาวของทอเทาเดิม เหตุการณใดจะเกิดขึ้น<br />

คําตอบ 1 : ความดันของปมจะลดลง<br />

คําตอบ 2 : อาจทําใหมอเตอรขับปมเสียหายได<br />

คําตอบ 3 : อาจเกิดเสียงดังในขณะที่ปมทํางาน<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

สําหรับการจําลองระบบในวิชาควบคุมอัตโนมัติ (Automatic Control) จะใชแผนภาพแบบบลอก (Block Diagram) ในการแสดง ระบบ ซึ่งแตละบล็อกจะเปนตัวแทนของสิ่งใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Transfer Function<br />

Transform Function<br />

Transport Function<br />

Transient Function<br />

ขอใดกลาวไมถูกตองในการจําลองระบบ<br />

คําตอบ 1 : การจําลองระบบอาจถูกใชในขั้นตอนออกแบบ เพื่อหาทางปรับปรุงรูปแบบการออกแบบ<br />

คําตอบ 2 : การจําลองระบบอาจใชประยุกตเขากับระบบที่มีอยูแลว เพื่อปรับปรุงระบบนั้นๆ<br />

คําตอบ 3 : การจําลองระบบไมจําเปนตองทําที่สภาวะที่ออกแบบ (<strong>Design</strong> Condition)<br />

คําตอบ 4 : การจําลองระบบจะนํามาใชในการออกแบบระบบใหมเทานั้น<br />

คําตอบ 1 : -1/9<br />

คําตอบ 2 : -1<br />

คําตอบ 3 : 9/2<br />

คําตอบ 4 : 1/2<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

84 of 130


ขอที่ : 310<br />

85 of 130<br />

ขอที่ : 311<br />

ขอที่ : 312<br />

คําตอบ 1 : -1.54<br />

คําตอบ 2 : -1.44<br />

คําตอบ 3 : -1.34<br />

คําตอบ 4 : -1.24<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอใดไมใชการจัดแบงประเภทของระบบ (<strong>System</strong> Classification)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Continuous & Discrete<br />

Deterministic & Stochastic


คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Steady state & Dynamic<br />

Steady State Steady Flow & Uniform State Uniform Flow<br />

86 of 130<br />

ขอที่ : 313<br />

ขอที่ : 314<br />

ขอที่ : 315<br />

ประโยคใดที่ไมถูกตองเกี่ยวการจําลองระบบ (<strong>System</strong> Simulation)<br />

คําตอบ 1 : การจําลองระบบเปนสิ่งที่ตองทําทั้งในสภาวะที่ออกแบบ (<strong>Design</strong> Condition) และในสภาวะที่ไมใชสภาวะที่ออกแบบ (Non-design Condition)<br />

คําตอบ 2 : ไมจําเปนตองใชการจําลองระบบ เมื่อทําการคํานวณ ณ สภาวะที่ออกแบบ (<strong>Design</strong> Condition)<br />

คําตอบ 3 : การจําลองระบบจะชวยใหวิศวกรสามารถปรับปรุงการออกแบบใหดีขึ้นได<br />

คําตอบ 4 : การจําลองระบบทําใหวิศวกรสามารถตรวจสอบการทํางานของระบบ ณ สภาวะที่ไมใชสภาวะการออกแบบได<br />

ในการจําลองระบบที่สภาวะคงที่ (Steady State) สมการที่ปรากฏอยูใน Block Diagram จะเปนสมการประเภทใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Differential Equation<br />

Integral Equation<br />

Algebraic Equation<br />

Transfer Function<br />

ขอใดจัดวาเปน Information Flow Diagram ที่เปน Sequential Approach<br />

คําตอบ 1 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 2 :


87 of 130<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

ขอที่ : 316


คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

23.89 kg/s<br />

22.45 kg/s<br />

21.56 kg/s<br />

24.08 kg/s<br />

88 of 130<br />

ขอที่ : 317<br />

คําตอบ 1 : 0.5748, -0.4389<br />

คําตอบ 2 : 0.4879, -0.8795<br />

คําตอบ 3 : 0.5652, -0.7391<br />

คําตอบ 4 : 0.7489, -0.5879<br />

ขอที่ : 318<br />

70. ระบบทอสงน้ํามันมีความยาวทอทั้งหมด 2,000 เมตร จงหาขนาดทอที่ทําใหระบบมีจุดคุมทุนมากที่สุด โดยมีขอกําหนดดังนี้ • ทอขนาด 100mm มีความดันสูญเสียเทากับ 1.2<br />

bar / 1,000 m มีราคา 300 บาท/เมตร • ทอขนาด 150mm มีความดันสูญเสียเทากับ 0.5 bar / 1,000 m มีราคา 350 บาท/เมตร • ทอขนาด 200mm มีความดันสูญเสียเทากับ 0.2<br />

bar / 1,000 m มีราคา 500 บาท/เมตร • ทอขนาด 250mm มีความดันสูญเสียเทากับ 0.05 b<br />

คําตอบ 1 : 100<br />

คําตอบ 2 : 150<br />

คําตอบ 3 : 200<br />

คําตอบ 4 : 250<br />

ขอที่ : 319<br />

Fire Tube Boiler เครื่องหนึ่งถูกออกแบบใหมีประสิทธิภาพ 70% โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10 kg ตอนาที แตเนืองจาก ปจจุบันราคาคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น จงพิจารณาวาขอ<br />

ความใดถูกตองที่สุดในการทํา <strong>Design</strong> Optimization<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : ลดการใชเชื้อเพลิงและใชอยางประหยัด<br />

คําตอบ 2 : เพิ่มพื้นที่ถายเทความรอน และเปรียบเทียบคาใชจายเชื้อเพลิงตอป และคาลงทุน<br />

คําตอบ 3 : ลดพื้นที่การถายเทความรอนเพื่อประหยัดชื้อเพลิง<br />

คําตอบ 4 : ใชเชื้อเพลิงที่มี heating value มากขึ้น<br />

ขอที่ : 320<br />

Fire Tube Boiler เครื่องหนึ่งถูกออกแบบใหมีประสิทธิภาพ 70% โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10 kg ตอนาที แตเนืองจาก ปจจุบันราคาคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น จงพิจารณาวาขอ


ความใดถูกตองที่สุดในการทํา <strong>Design</strong> Optimization<br />

คําตอบ 1 : ลดการใชเชื้อเพลิงและใชอยางประหยัด<br />

คําตอบ 2 : เพิ่มพื้นที่ถายเทความรอน และเปรียบเทียบคาใชจายเชื้อเพลิงตอป และคาลงทุน<br />

คําตอบ 3 : ลดพื้นที่การถายเทความรอนเพื่อประหยัดชื้อเพลิง<br />

คําตอบ 4 : ใชเชื้อเพลิงที่มี heating value มากขึ้น<br />

89 of 130<br />

ขอที่ : 321<br />

ขอที่ : 322<br />

ขอที่ : 323<br />

ขอที่ : 324<br />

ขอใดเปนวิธีการออกแบบที่ถูกตองสําหรับการหุมฉนวนความรอนสําหรับเครื่องจักรหรืออุปกรณ<br />

คําตอบ 1 : หุมใหหนาที่สุดจะไดไมสูญเสียความรอน<br />

คําตอบ 2 : หุมใหบางที่สุดเพื่อใหเสียเงินลงทุนนอยที่สุด<br />

คําตอบ 3 : หุมใหสูญเสียความรอนคิดเปนเงินปจจุบันตลอดอายุใชงานรวมกับเงินลงทุนแลวนอยที่สุด<br />

คําตอบ 4 : เลือกใชฉนวนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด<br />

ระบบสงน้ําประกอบดวยเครื่องสูบน้ําและทอขอใดเปนแนวคิด Optimization<br />

คําตอบ 1 : ออกแบบสูบน้ําใหมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใหใชพลังงานนอยที่สุด<br />

คําตอบ 2 : ออกแบบระบบสูบน้ําใหมีการลงทุนรวมคาใชจายพลังงานรายปนอยที่สุด<br />

คําตอบ 3 : ออกแบบระบบใหมีเครื่องสูบขนาดใหญเพื่อประหยัดเวลาการสูบ<br />

คําตอบ 4 : ออกแบบใหทอมีขนาดใหญเพื่อใหเปลืองพลังงานในการสูบน้ํานอยลง<br />

ระบบ Oil Cooler ตองการ Oil Pump เพื่อเอาชนะ Friction ในเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน ขอใดเปนการออกแบบที่ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : เพิ่มแรงดันของ Oil Pump เพื่อให Heat Transfer Coefficient ดีขึ้น ทําใหขนาดพื้นที่ของ Heat Exchanger นอยลง เพื่อให Heat Exchanger มีขนาดเล็ก<br />

คําตอบ 2 : เลือกแรงดันของ Oil Pump เพื่อใหพื้นที่ของการถายเทความรอนเหมาะสม แลวทําใหคาลงทุนและคาเดินเครื่องต่ําสุด<br />

คําตอบ 3 : ลดแรงดัน Oil Pump และเพิ่มพื้นที่การถายเทความรอน เพื่อลดการใชพลังงานในการ Pump<br />

คําตอบ 4 : ขยายพื้นที่การถายเทความรอนโดยใช Fin เพื่อประหยัดพลังงานในการ Pump<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

สําหรับฟงกชัน y = 1/2x1 + 1/x2 + 4x1x2 2 จงหาคา x1 ที่ทําใหคา y มีคาต่ําสุด เมื่อคา x1 และ x2 มีคามากกวาศูนย<br />

คําตอบ 1 : 1.414<br />

คําตอบ 2 : 1.500<br />

คําตอบ 3 : 0.500


ขอที่ : 325<br />

ขอที่ : 326<br />

ขอที่ : 327<br />

คําตอบ 4 : 0.354<br />

กําหนดใหฟงกชันวัตถุประสงค (C) เปนราคาในการออกแบบอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนชนิดหนึ่ง คือ C = 500 + 300D2.5L + 150DL โดยมีเงื่อนไขบังคับเปน 500πD2L =<br />

200 เมื่อ D เปนเสนผานศูนยกลางของเปลือกของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน และ L เปนความยาวของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน ใหหาขนาดเสนผานศูนยกลางของอุปกรณ<br />

แลกเปลี่ยนความรอนที่ใหตนทุนต่ําสุด<br />

คําตอบ 1 : 1.432<br />

คําตอบ 2 : 1.000<br />

คําตอบ 3 : 1.273<br />

คําตอบ 4 : 2.865<br />

สําหรับการแกปญหาดวยวิธีจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming) ของฟงกชันวัตถุประสงคและมีเงื่อนไขดังตอไปนี้มีดีกรีความยาก (Degree of difficulty) เปน<br />

เทาใด<br />

คําตอบ 1 : 0<br />

คําตอบ 2 : 1<br />

คําตอบ 3 : 2<br />

คําตอบ 4 : 3<br />

วิธีการตอไปนี้เปนวิธีการหาการคาเหมาะสมที่สุด (optimization) ยกเวนวิธีการใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Marketing analysis<br />

<strong>System</strong> simulation<br />

Search method<br />

Linear programming<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

90 of 130<br />

ขอที่ : 328<br />

กระบวนการพิจารณาใดไมจัดเปนการพิจารณาทางออกแบบที่เหมาะสมที่สุดoptimization<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

พิจารณากําไรสูงสุด<br />

พิจารณาความพอใจสูงสุดของลูกคา


คําตอบ 3 : พิจารณาตนทุนต่ําสุด<br />

คําตอบ 4 : พิจารณาคาดําเนินการต่ําสุด<br />

91 of 130<br />

ขอที่ : 329<br />

จากแผนภูมิระหวาง ความหนาของฉนวนกันความรอน (Insulation thickness, แกนX) และ คาลงทุนทั้งหมด (Total cost, แกนY) จงพิจารณาวาคาความหนาของ ฉนวนที่อยูบริเวณ<br />

ใด เปนความหนาที่มีคาการลงทุน (Total cost) ต่ําสุด หากพิจารณา คาลงทุนของฉนวน (Insulation cost) และ คาลงทุนเนื่องจากการสูญเสียความรอน (Cost of lost energy)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

A<br />

B<br />

C<br />

D<br />

ขอที่ : 330<br />

81. คาใชจายรายปของอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนชุดหนึ่ง (y) แสดงไดดังสมการตอไปนี้ y = C1x2 + C2x โดยที่ x คือ ความยาวของทอภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน จง<br />

หาคาแฟคเตอร (Weighting factor) w1 และ w2 จากวิธีจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />

ขอที่ : 331<br />

คําตอบ 1 : w1 = -1 , w2 = 2<br />

คําตอบ 2 : w1 = 2 , w2 = 1<br />

คําตอบ 3 : w1 = 0 , w2 = 1<br />

คําตอบ 4 : w1 = 1 , w2 = -2<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />

คําตอบ 1 : ลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) เปนวิธีการสําหรับการหาคาสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงค (Objective function) เทานั้น<br />

คําตอบ 2 : การใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) จํานวนตัวแปรจะตองเทากับจํานวนเงื่อนไขบังคับเทานั้นจึงจะสามารถหาคําตอบ ได<br />

คําตอบ 3 : การใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) จํานวนตัวแปรจะตองนอยกวาจํานวนเงื่อนไขบังคับเทานั้นจึงจะสามารถหาคําตอบ ได


คําตอบ 4 :<br />

วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming) ความสัมพันธของตัวแปรทั้งในฟงกชันวัตถุประสงค (Objective function) และ เงื่อนไขบังคับ (Constraint) จะ<br />

ตองมีลักษณะเปนเสนตรง<br />

92 of 130<br />

ขอที่ : 332<br />

ขอที่ : 333<br />

ขอที่ : 334<br />

ใหหาคาต่ําสุดของฟงกชัน y ตอไปนี้ y = –x1 – 2x2 โดยมีเงื่อนไขบังคับดังนี้ x1 + x2 ≤ 20 – x1 + 4x2 ≤ 20 x1 > 8 และ x2 > 6<br />

คําตอบ 1 : – 28<br />

คําตอบ 2 : – 26<br />

คําตอบ 3 : – 30<br />

คําตอบ 4 : – 22<br />

ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับวีการไดนามิกโปรแกรมมิ่ง (Dynamic Programming)<br />

คําตอบ 1 : เปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดสําหัรบกระบวนการทํางานแบบเปนขั้นตอน (Stage process) เทานั้น<br />

คําตอบ 2 : เปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดสําหัรบกระบวนการทํางานแบบเปนฟงกชันตอเนื่อง (Continuous function) เทานั้น<br />

คําตอบ 3 : เปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดสําหัรบฟงกชันที่ไมสามารถหาคาอนุพันธ (Nondifferentiable) ไดทานั้น<br />

คําตอบ 4 :<br />

เปนวิธีการพยายามจัดการปญหาการตัดสินใจหลายขั้นตอน (Multistage decision problem) ใหอยูในลักษณะเรียงตอเนื่องกันของ ปญหาการตัดสินใจขั้นตอนเดียว<br />

(A sequence of single stage decision problem)<br />

ถาดีกรีความยาก (Degree of difficulty) ของจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming) มีคามากกวาศูนยแลว จะคงใช วิธีการจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric<br />

Programming) ไดหรือไม<br />

คําตอบ 1 : ได เพราะรูปแบบของปญหายังคงเปนรูปแบบเชิงเสน (Linear) อยู<br />

คําตอบ 2 : ได แตจะยุงยากมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบของปญหาไมเปนแบบเชิงเสน (Nonlinear)<br />

คําตอบ 3 : ไมได เพราะรูปแบบของปญหาไมเปนแบบเชิงเสน (Nonlinear)<br />

คําตอบ 4 : ไมได เพราะวิธีการจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming) ไมสามารถแกปญหาที่ดีกรีความยาก (Degree of difficulty) มากกวาศูนยได<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 335<br />

86. ในการหาราคาทอระบบหนึ่งพบวา ราคาโดยรวม (y) แบงออกเปนสองสวนคือ ราคาทอเริ่มตน (First cost) เปน 2000D และราคา คาใชจายดานพลังงานตลอดอายุการใชงาน<br />

เปน 50x1012 /D5 นั่นคือ y = 2000D + (50x1012/D5) โดยที่ D คือ ขนาดเสนผาน ศูนยกลางของทอมีหนวยเปน mm และจากการวิเคราะหดวยวิธีจีโอเมตริกซโปรแกรมมิ่ง<br />

(Geometric Programming) พบวาคาแฟก เเตอรถวงน้ําหนัก (Weighting factor) สําหรับราคาท<br />

คําตอบ 1 : ลดลง 29%<br />

คําตอบ 2 : เพิ่มขึ้น 29%<br />

คําตอบ 3 : ลดลง 22%


คําตอบ 4 : เพิ่มขึ้น 22%<br />

ขอที่ : 336<br />

ขอใดไมเกี่ยวของกับการแกปญหาดวยวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear programming)<br />

คําตอบ 1 : Simplex Method<br />

คําตอบ 2 : Big-M Technique<br />

คําตอบ 3 : Slack Variable<br />

คําตอบ 4 : Lagrange Method<br />

ขอที่ : 337<br />

ขอใดไมใชประเภทของปญหาสําหรับการตัดสินใจหลายขั้นตอนเชิงอันดับ (Multistage decision problem)<br />

คําตอบ 1 : ปญหาคาเริ่มตน (Initial value problem)<br />

คําตอบ 2 : ปญหาคากึ่งกลาง (Middle value problem)<br />

คําตอบ 3 : ปญหาคาสุดทาย (Final value problem)<br />

คําตอบ 4 : ปญหาคาขอบเขต (Boundary value problem)<br />

ขอที่ : 338<br />

ขอใดไมเกี่ยวของกับวิธีการคนหา (Search method)<br />

คําตอบ 1 : การคนหาแบบไมมีขอบเขตจํากัด (Unrestricted search)<br />

คําตอบ 2 : การคนหาทวิภาคโดยลําดับ (Sequential dichotomous search)<br />

คําตอบ 3 : การคนหาเอกภพ (Universe search)<br />

คําตอบ 4 : การคนหาแบบฟโบนักชี Fibonacci search)<br />

ขอที่ : 339<br />

การแกปญหาโดยใช วิธีการ Linear programming ความสัมพันธระหวางจํานวนตัวแปรกับจํานวน constraints เปนดังนี้<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

จํานวนตัวแปรมากกวาจํานวน constraints<br />

จํานวนตัวแปรนอยกวาจํานวน constraints<br />

จํานวนตัวแปรเทากับจํานวน constraints<br />

ถูกทุกขอ<br />

93 of 130<br />

ขอที่ : 340<br />

ตัวเลขใดที่ไมใชตัวเลขฟโบนาชี่ (Fibonacci Number)


คําตอบ 1 : 1<br />

คําตอบ 2 : 2<br />

คําตอบ 3 : 5<br />

คําตอบ 4 : 6<br />

94 of 130<br />

ขอที่ : 341<br />

จะตองใชกําลังขับเครื่องสูบน้ํามากถาใชทอขนาดเล็กเพื่อจะใหไดอัตราการไหลที่ตองการ จะตัดสินใจอยางไรในการเลือกขนาดทอ และกําลังขับของเครื่องสูบ<br />

คําตอบ 1 : เลือกขนาดทอที่ทําใหกําลังขับเครื่องสูบต่ําสุดเพื่อใหมีคาใชจายในการเดินเครื่องตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />

คําตอบ 2 : เลือกขนาดทอที่ทําใหกําลังขับเครื่องสูบสูงสุดเพื่อใหคาลงทุนต่ําสุด<br />

คําตอบ 3 : เลือกขนาดของกําลังขับเครื่องสูบใหเหมาะกับขนาดทอและทําใหคาลงทุนรวมกับคาใชจายในการเดินเครื่องสูบตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />

คําตอบ 4 : เลือกขนาดของกําลังขับเครื่องสูบใหเหมาะกับขนาดทอและทําใหคาใชจายในการเดินเครื่องสูบตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />

ขอที่ : 342<br />

Optimization ในการออกแบบระบบ <strong>Thermal</strong> <strong>System</strong> คือ<br />

ขอที่ : 343<br />

ขอที่ : 344<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบเพื่อใหไดประโยชนสูงสุด เพื่อใหการทํางานของระบบสามารถทํากําไรคืนการลงทุนไดอยางรวดเร็ว<br />

คําตอบ 2 : การออกแบบระบบและโดยใหมีอุปกรณตางๆ รวมกันแลวสามารถที่บรรลุวัตถุประสงคและอยูในขอบเขตที่ยอมใหการออกแบบในทุก ดาน<br />

คําตอบ 3 : การออกแบบระบบโดยใหมีอุปกรณตางๆรวมกันแลวสามารถทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพและประหยัด<br />

คําตอบ 4 : การออกแบบระบบโดยใหมีอุปกรณตางๆ นอยที่สุดและยังสามารถทํางานได<br />

ถาตองการเลือกขนาดความหนาของ Insulation ของทอไอน้ํา ขอความใดแสดงถึงแนวคิด Optimization<br />

คําตอบ 1 : เลือกความหนาของ Insulation เพื่อใหเกิด Heat Loss นอยที่สุด<br />

คําตอบ 2 : เลือกความหนาของ Insulation เพื่อใหเสียเงินคาลงทุนซื้อและติดตั้ง Insulation นอยที่สุด<br />

คําตอบ 3 : เลือกความหนา Insulation ใหเสียเงินคาเชื้อเพลิงในการผลิตไอน้ําตลอดอายุใชงานรวมกับคาลงทุน Insulation นอยที่สุด<br />

คําตอบ 4 : เลือกความหนาของ Insulation โดยจะตองดูคุณสมบัติของ Insulation วามีคา <strong>Thermal</strong> Conductivity ต่ํา เพื่อใหสูญเสียความรอนนอย ที่สุด<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

การเพิ่มประสิทธิภาพใหโรงไฟฟาพลังไอน้ํา มีวิธีทําไดโดยเพิ่มการติด Feed Water Heater เพื่อทําการอุนน้ํากอนเขา Boiler ขอความใดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ใส Heater ใหมากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟา<br />

คําตอบ 2 : พิจารณาการลงทุนเพื่อติดตั้ง Heater และประสิทธิภาพของโรงไฟฟาที่ไดคืนมา<br />

คําตอบ 3 : คิดคาลงทุนในการติดตั้ง feed water heater เปรียบเทียบกับประสิทธิภาพที่ไดเพิ่มขึ้นตลอดอายุใชงาน<br />

คําตอบ 4 : คิดคาลงทุนในการติดตั้ง feed water heater เปรียบเทียบกับประสิทธิภาพที่ไดเพิ่มขึ้นในหาปแรก


ขอที่ : 345<br />

จะตองใชกําลังขับเครื่องสูบน้ํามากถาใชทอขนาดเล็กเพื่อจะใหไดอัตราการไหลที่ตองการ การตัดสินใจอยางไรในการเลือกขนาดทอ และกําลังขับของเครื่องสูบที่ถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : เลือกขนาดทอที่ทําใหกําลังขับเครื่องสูบต่ําสุด<br />

คําตอบ 2 : เลือกขนาดของกําลังขับเครื่องสูบใหเหมาะกับขนาดทอและทําใหคาลงทุนรวมกับคาใชจายในการเดินเครื่องสูบตลอดอายุใชงานต่ําสุด<br />

คําตอบ 3 : เลือกขนาดทอใหเล็กที่สุดเพื่อจะไดประหยัดคาลงทุน<br />

คําตอบ 4 : เลือกขนาดทอใหเสียกําลังงานในการสูบนอยที่สุด<br />

ขอที่ : 346<br />

คําวา Optimization มีความหมายตรงกับขอใดมากที่สุด<br />

คําตอบ 1 : หมายถึงวิธีการที่ทําใหระบบสามารถทํางานได<br />

คําตอบ 2 : หมายถึงวิธีการหรือขั้นตอนในการหาคาสูงสุดหรือต่ําสุดของสมการที่เราสนใจ<br />

คําตอบ 3 : หมายถึงวิธีการหรือขั้นตอนในการหาคาลงทุนต่ําสุด<br />

คําตอบ 4 : หมายถึงวิธีการในการหาระบบที่ทํางานไดมั่นคงที่สุด<br />

ขอที่ : 347<br />

ขอใดอธิบายคําวา Optimization ไดเหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 1 : คือขบวนการในการหาจุดที่ระบบทํางานไดประสิทธิภาพสูงสุด<br />

คําตอบ 2 : คือขบวนการในการหาจุดที่ระบบทํางานไดมั่นคงที่สุด<br />

คําตอบ 3 : คือขบวนการในการหาจุดที่ระบบทํางานมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยที่การลงทุน และคาดําเนินการต่ําสุด<br />

คําตอบ 4 : คือขบวนการในการหาระบบที่ใชตนทุนต่ําสุด<br />

ขอที่ : 348<br />

ระบบสงน้ําไปยังหมูบานที่มีอัตราการไหล 5,000 ลูกบาศกเมตรตอวัน หากตองการติดตั้งระบบคุมทุนที่สุด(Optimum system) จะตองพิจารณาตัวแปรใดบาง<br />

คําตอบ 1 : ขนาดและความยาวของทอที่ใช<br />

คําตอบ 2 : ขนาดของปมและชนิดวัสดุของทอที่ใช<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 : ชนิดของปมและราคาของอุปกรณรวมถึงคาติดตั้ง<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

95 of 130<br />

ขอที่ : 349<br />

ขอใดเปนการออกแบบโดยพิจารณาเรื่อง Optimization ของระบบสงน้ํามันขนาด 500 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่เหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 1 : พิจารณาเลือกขนาดทอที่ใชเพื่อใหความดันสูญเสียในทอนอยที่สุดและเลือกใชปมที่เหมาะกับแรงดันนั้น


คําตอบ 2 : เลือกขนาดทอที่สงผลใหปมใชพลังงานนอยที่สุดโดยพิจารณาราคาของทอและราคาของปมดวย<br />

คําตอบ 3 : เลือกขนาดทอใหเล็กที่สุดเพราะราคาของทอจะถูกที่สุด<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

96 of 130<br />

ขอที่ : 350<br />

Linear Programming มีความเหมาะสมในการใชก็ตอเมื่อ<br />

ขอที่ : 351<br />

ขอที่ : 352<br />

คําตอบ 1 : ความสัมพันธของสมการนั้นเปนแบบ Log scale<br />

คําตอบ 2 : ลักษณะความสัมพันธของตัวแปรในสมการนั้นเปนแบบเสนตรง<br />

คําตอบ 3 : สมการที่ใชเปนแบบยกกําลัง<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

เจาของตองการสงน้ํามันจากฝงอาวไทยไปยังฝงทะเลอันดามัน ขั้นตอนการพิจารณาในขอใดที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการทําใหการสง น้ํามันคุมคามากที่สุด<br />

คําตอบ 1 : หาระยะหางระหวางจุดจายกับจุดรับ, หาปริมาณที่ตองการสง, หาขนาดทอ, หาขนาดปม<br />

คําตอบ 2 : หาปริมาณที่ตองการสง, หาขนาดทอ, หาขนาดปม, หาขนาดของถังเก็บ<br />

คําตอบ 3 : หาปริมาณที่ตองการสง, เลือกวิธีการสงน้ํามันที่เหมาะสมกับปริมาณน้ํามัน, หาขนาดของอุปกรณที่เหมาะสมกับวิธีการสงที่เลือก<br />

คําตอบ 4 : เลือกวิธีการสงน้ํามันที่เหมาะสมกับปริมาณน้ํามัน, หาปริมาณที่ตองการสง, หาขนาดของอุปกรณที่เหมาะสมกับวิธีการสงที่เลือก<br />

เจาของโรงงานตองการจะใหเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องแลกเปลี่ยนความรอน แนวทางในขอใดที่จะทําใหประสิทธิภาพของเครื่อง เพิ่มขึ้นไดบาง<br />

คําตอบ 1 : เพิ่มพื้นที่ของคอลย<br />

คําตอบ 2 : เพิ่มเวลาของของไหลที่อยูในระบบ<br />

คําตอบ 3 : เพิ่มผลตางของอุณหภูมิ<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

ขอที่ : 353<br />

หอระบายความรอน(cooling tower)ในโรงงาน ทําหนาที่ลดอุณภูมิน้ําจากโรงงานกอนปลอยออกสูแมน้ํา ถาตองการเพิ่ม ประสิทธิภาพของหอระบายความรอน สามารถดําเนินการ<br />

อยางไรบาง<br />

คําตอบ 1 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ลดความสูงของหอระบายความรอน<br />

คําตอบ 2 : เพิ่มอัตราการไหลของน้ําที่ไหลเขาหอระบายความรอน<br />

คําตอบ 3 : เพิ่มความเร็วของพัดลม<br />

คําตอบ 4 : ไมมีคําตอบที่ถูกตอง


ขอที่ : 354<br />

ขอที่ : 355<br />

ขอที่ : 356<br />

ขอที่ : 357<br />

การทํา Optimization ขอใดกลาวไมถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : เปนการออกแบบระบบที่มีการคิดเรื่องเงินเกี่ยวของดวย<br />

คําตอบ 2 : เปนการทําเพื่อหาจุดที่คุมคาของระบบ<br />

คําตอบ 3 : เปนการเปรียบเทียบหาวิธีการทํางานที่ดีที่สุด<br />

คําตอบ 4 : เปนการเปรียบเทียบหาจุดที่ดีที่สุดในแตละวิธีการทํางาน<br />

วิศวกรทานหนึ่งไดคํานวณหาจุดคุมทุนของระบบสงน้ํามันทางทอ ขอสรุปในขอใดไมถูกตอง<br />

คําตอบ 1 : จะตองใชทอขนาด 16 นิ้ว<br />

คําตอบ 2 : จะตองใชปมขนาด 30 บาร<br />

คําตอบ 3 : ควรจะตองใชเวลาในการสงน้ํามัน 20 ชั่วโมงตอวัน<br />

คําตอบ 4 : ควรจะตองใชการสงน้ํามันทางรถแทนทางทอ<br />

ขั้นตอนในการทํา Optimization ของระบบหนึ่งๆจะไมเกิดผลขอใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

สามารถหาระบุขนาดของอุปกรณได<br />

คําตอบ 2 : สามารถหาคาต่ําสุดที่จะเกิดจากระบบได<br />

คําตอบ 3 : สามารถหาคาสูงสุดที่เกิดจากระบบได<br />

คําตอบ 4 : สามารถหาไดวาควรใชวิธีการอื่นในการทําใหระบบคุมทุน<br />

ในการออกแบบเพื่อใชงานจริง ผูออกแบบควรตองพิจารณาในเรื่องใดบาง<br />

คําตอบ 1 : ตองออกแบบใหถูกตองตามมาตรฐานเทานั้น<br />

คําตอบ 2 : ตองออกแบบใหถูกที่สุด<br />

คําตอบ 3 : ตองออกแบบใหทํางานได<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : ตองออกแบบใหทํางานได ถูกตองตามมาตรฐาน และใชเงินลงทุนนอยที่สุด<br />

97 of 130<br />

ขอที่ : 358<br />

ขอใดกลาวไมถูกตองในการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 1 : รูปแบบทางคณิตศาสตรในการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด ประกอบดวยพารามิเตอร (Parameter) ซึ่งหมายถึงตัวแปรที่ไมรูคา (Unknown) ที่เราตองการหา


คําตอบ 2 : เงื่อนไขบังคับ (Constraint) จะเปนตัวแสดงขอจํากัดทางกายภาพ (Physical limitation) ของระบบ<br />

ในการพิจารณาหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด เมื่อนําเงื่อนไขบังคับ (Constraint) รวมกันจะเกิดบริเวณขึ้น 2 แบบ คือ บริเวณที่เปนไปได (Feasible region) 98 of 130และบริเวณที่<br />

คําตอบ 3 :<br />

เปนไปไมได (Infeasible region)<br />

คําตอบ 4 : ฟงกชันวัตถุประสงค (Objective function) จะแสดงเปาหมายที่ตองการในรูปของฟงกชันทางคณิตศาสตร<br />

ขอที่ : 359<br />

ขอที่ : 360<br />

ขอที่ : 361<br />

ขอที่ : 362<br />

ขอใดไมใชคุณสมบัติของระบบสมการที่จะหาสภาพที่เหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ในการบวกคาคงที่เขากับฟงกชันวัตถุประสงค จะสงผลตอคาตัวแปรอิสระที่ทําใหไดคาคําตอบที่เหมาะสม<br />

คําตอบ 2 : การหาคาสูงสุดของฟงกชันวัตถุประสงคจะหมายถึง การหาคาต่ําสุดของคาลบของฟงกชันวัตถุประสงคเดิม<br />

คําตอบ 3 : การคูณเครื่องหมายลบเขาไปในอสมการของเงื่อนไขบังคับ จะมีผลทําใหเครื่องหมายอสมการเปลี่ยนจากคามากกวาเปนคานอยกวา<br />

คําตอบ 4 : สมการเงื่อนไขบังคับใดๆ อาจแทนไดดวยอสมการในทิศทางตรงขาม 2 อันพรอมกัน<br />

ขอใดไมใชวิธีการหาสภาพเหมาะสมที่สุด<br />

คําตอบ 1 : วิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />

คําตอบ 2 : วิธีการกําลังสองต่ําสุด (Least Square)<br />

คําตอบ 3 : ลิเนียนรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />

คําตอบ 4 : จีโอเมตริกโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />

ขอใดไมใชขอจํากัดของการหาคาที่เหมาะสมที่สุดโดยวิธีตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />

คําตอบ 1 : เงื่อนไขบังคับตองอยูในรูปอสมการเทานั้น<br />

คําตอบ 2 : เงื่อนไขบังคับตองอยูในรูปสมการเทานั้น<br />

คําตอบ 3 : เงื่อนไขบังคับตองสามารถหาอนุพันธได<br />

คําตอบ 4 : ฟงกชันวัตถุประสงคตองสามารถหาอนุพันธได<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ชนิดของปญหาใดไมอยูในปญหาสําหรับการตัดสินหลายขั้นตอน<br />

คําตอบ 1 : ปญหาคาเริ่มตน (Initial value problem)<br />

คําตอบ 2 : ปญหาคากึ่งกลาง (Mid-value problem)<br />

คําตอบ 3 : ปญหาคาสุดทาย (Final value problem)<br />

คําตอบ 4 : ปญหาคาขอบเขต (Boundary value problem)


ขอที่ : 363<br />

ขอที่ : 364<br />

ขอที่ : 365<br />

ขอที่ : 366<br />

ขอใดตอไปนี้กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />

คําตอบ 1 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งเปนวิธีการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดวิธีหนึ่ง<br />

คําตอบ 2 : ตัวแปรในฟงกชันวัตถุประสงคที่สามารถใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งได จะตองมีลักษณะเปนเชิงเสน (Linear relationship)<br />

คําตอบ 3 : ตัวแปรในเงื่อนไขบังคับที่สามารถใชวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งได จะตองมีลักษณะเปนเชิงเสน (Linear relationship)<br />

คําตอบ 4 : ตัวแปรในสมการและอสมการที่ใชไดสําหรับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะตองมีดีกรีเปนหนึ่ง<br />

ขอใดตอไปนี้กลาวถูกตองเกี่ยวกับวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Linear Programming)<br />

คําตอบ 1 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งใชกับฟงกชันที่เปนสมการเทานั้น<br />

คําตอบ 2 : ฟงกชันวัตถุประสงคสําหรับปญหาที่แกดวยวิธีลิเนียรโปรแกรมมิ่งจะเปนรูปแบบของฟงกชันที่ตองการหาจุดต่ําสุด ,จุดสูงสุด หรือจุด เปลี่ยนเวาเทานั้น<br />

คําตอบ 3 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งสามารถใชไดกับเงื่อนไขบังคับแบบอสมการได ในขณะที่วิธีการตัวคูณลากรองจใชไมได<br />

คําตอบ 4 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่งใชได แมในกรณีที่จํานวนตัวแปรนอยกวาจํานวนเงื่อนไขบังคับเทานั้น<br />

คําตอบ 1 : 1<br />

คําตอบ 2 : 2<br />

คําตอบ 3 : 5<br />

คําตอบ 4 : ไมสามารถหาคาได<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

99 of 130<br />

คําตอบ 1 : -12<br />

คําตอบ 2 : -2<br />

คําตอบ 3 : 0


ขอที่ : 367<br />

ขอที่ : 368<br />

ขอที่ : 369<br />

ขอที่ : 370<br />

คําตอบ 4 : 6<br />

ขอใดไมใชวิธีการในการตั้งเงื่อนไขบังคับที่ใชกันทั่วไป<br />

คําตอบ 1 : ระบุเงื่อนไขบังคับโดยตรง (Direct constraint)<br />

คําตอบ 2 : เขียนสมดุลมวล<br />

คําตอบ 3 : เขียนสมดุลพลังงาน<br />

คําตอบ 4 : เขียนสมการเชิงอนุพันธ<br />

วิธีการหาคาเหมาะสมที่สุด (Optimization) ขอใดไมสามารถใชไดกับเงื่อนไขบังคับแบบอสมการ<br />

คําตอบ 1 : วิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />

คําตอบ 2 : วิธีการลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (linear Programming)<br />

คําตอบ 3 : วิธีการนอนลิเนียรโปรแกรมมิ่ง (Non-linear Programming)<br />

คําตอบ 4 : วิธีการคนหา (Search Method)<br />

ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับสมการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier) เมื่อฟงกชันวัตถุประสงคมีตัวแปรไมทราบคา n จํานวน และมีเงื่อนไขบังคับจํานวน m สมการ<br />

คําตอบ 1 : ตัวคูณลากรองจเปนสัมประสิทธิ์ของเกรเดียนเวกเตอรของเงื่อนไขบังคับ<br />

คําตอบ 2 : วิธีการใชตัวคูณลากรองจจะใหสมการทั้งหมด m + n สมการ<br />

คําตอบ 3 : ในกรณีที่ m มีคาเทากับ n เงื่อนไขบังคับจะเปนตัวกําหนดคาที่แนนอนของของตัวแปร ทําใหไมสามารถหาคาที่เหมาะสมที่สุดได<br />

คําตอบ 4 : หากวาจํานวนเงื่อนไขบังคับ m สมการ มีจํานวนนอยกวาตัวแปร n จํานวน จะไมสามารถหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดได<br />

ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier)<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : ในกรณีที่จํานวนของเงื่อนไขบังคับมีจํานวนเทากับตัวแปร จะทําใหไมสามารถหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดได<br />

คําตอบ 2 : วิธีการตัวคูณลากรองจใชไดเฉพาะกับเงื่อนไขบังคับแบบสมการเทานั้น<br />

คําตอบ 3 : วิธีการตัวคูณลากรองจใชไดกับการหาสภาพที่เหมาะสมที่สุดแบบมีเงื่อนไขบังคับเทานั้น<br />

คําตอบ 4 : วิธีการตัวคูณลากรองจไมสามารถใชไดกับเงื่อนไขบังคับแบบอสมการ<br />

100 of 130<br />

ขอที่ : 371<br />

ในการหาสภาพเหมาะสมที่สุดแบบไมมีเงื่อนไขบังคับดวยวิธีการตัวคูณลากรองจ (Lagrange Multiplier) จะไดจุดที่อนุพันธมีคาเปน ศูนย ซึ่งเรียกวาจุดอะไร


คําตอบ 1 : จุดวิกฤต (Critical point)<br />

คําตอบ 2 : จุดอานมา (Saddle point)<br />

คําตอบ 3 : จุดนิ่ง (Stationary point)<br />

คําตอบ 4 : จุดเปลี่ยนเวา (Inflection point)<br />

101 of 130<br />

ขอที่ : 372<br />

ขอที่ : 373<br />

ขอที่ : 374<br />

คําตอบ 1 : 6<br />

คําตอบ 2 : 2.5<br />

คําตอบ 3 : 1.5<br />

คําตอบ 4 : 0<br />

คําตอบ 1 : -1.5<br />

คําตอบ 2 : 0<br />

คําตอบ 3 : 2<br />

คําตอบ 4 : 4<br />

คําตอบ 1 : 18<br />

คําตอบ 2 : 25<br />

คําตอบ 3 : 30<br />

คําตอบ 4 : 35<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอที่ : 375


ขอที่ : 376<br />

ขอที่ : 377<br />

ขอที่ : 378<br />

คําตอบ 1 : 5<br />

คําตอบ 2 : 7<br />

คําตอบ 3 : 9<br />

คําตอบ 4 : 11<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

178,570 บาท<br />

188,870 บาท<br />

200,570 บาท<br />

258,570 บาท<br />

ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับวิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />

คําตอบ 1 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชกับฟงกชันวัตถุประสงคที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียล<br />

คําตอบ 2 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชกับเงื่อนไขบังคับที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียล<br />

คําตอบ 3 : ปญหาที่เหมาะสมกับการใชวิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งคือ ปญหาที่มีดีกรีความยากเปนศูนย<br />

คําตอบ 4 : จีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับปญหาที่มีเงื่อนไขบังคับแบบอสมการที่อยูในรูปโพลีโนเมียลที่มีกําลังเปนบวกเทานั้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอใดคือความหมายของโพซีโนเมียล<br />

คําตอบ 1 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มทั้งหมด<br />

คําตอบ 2 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนเลขทศนิยม<br />

คําตอบ 3 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มบวกทั้งหมด<br />

คําตอบ 4 : โพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มลบทั้งหมด<br />

102 of 130<br />

ขอที่ : 379


103 of 130<br />

ขอที่ : 380<br />

ขอที่ : 381<br />

ขอที่ : 382<br />

คําตอบ 1 : 0<br />

คําตอบ 2 : 1<br />

คําตอบ 3 : 2<br />

คําตอบ 4 : 3<br />

คําตอบ 1 : 0<br />

คําตอบ 2 : 1<br />

คําตอบ 3 : 2<br />

คําตอบ 4 : 3<br />

ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับวิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่ง (Geometric Programming)<br />

คําตอบ 1 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับฟงกชันวัตถุประสงคที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนบวกเทานั้น<br />

คําตอบ 2 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับฟงกชันวัตถุประสงคที่อยูในรูปผลบวกของโพลีโนเมียลที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มเทานั้น<br />

คําตอบ 3 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับปญหาที่มีดีกรีความยากมากกวาศูนย<br />

คําตอบ 4 : วิธีจีโอเมตริกโปรแกรมมิ่งใชไดกับปญหาที่มีดีกรีความยากเทากับศูนยเทานั้น<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

62.5 เมตร<br />

70.5 เมตร<br />

71.4 เมตร


คําตอบ 4 :<br />

79.4 เมตร<br />

104 of 130<br />

ขอที่ : 383<br />

จงหามิติของทอลมสี่เหลี่ยม (h, w) ที่จะใหพื้นที่หนาตัดมากสุดของทอลมเพื่อลอดโครงสรางดังรูป<br />

ขอที่ : 384<br />

ขอที่ : 385<br />

คําตอบ 1 : h = 0.5, w = 0.5<br />

คําตอบ 2 : h = 0.4, w = 0.6<br />

คําตอบ 3 : h = 0.3, w = 0.5<br />

คําตอบ 4 : h = 0.3, w = 0.4<br />

คําตอบ 1 : 5.7 %<br />

คําตอบ 2 : 4.7 %<br />

คําตอบ 3 : 8.5 %<br />

คําตอบ 4 : 6.7 %<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


105 of 130<br />

ขอที่ : 386<br />

ขอที่ : 387<br />

คําตอบ 1 : 5.7 %<br />

คําตอบ 2 : 4.7 %<br />

คําตอบ 3 : 8.5 %<br />

คําตอบ 4 : 6.7 %<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


106 of 130<br />

ขอที่ : 388<br />

ขอที่ : 389<br />

ขอที่ : 390<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

5 จุด<br />

6 จุด<br />

7 จุด<br />

8 จุด<br />

กลยุทธอยางหนึ่งในการใชวิธี Search Method บางวิธี สามารถทําไดโดยการแบงชวงการคนหาแบบหยาบ ๆ กอนในตอนแรก เพื่อหาบริเวณโดยประมาณที่จะมีคา optimum เกิดขึ้น<br />

จากนั้นจึงคอยทําการแบงชวงอยางละเอียดมากขึ้น เพื่อใชวิธี การ Search ครั้ง ที่สอง ในปญหา 1 ตัวแปร หากวาเรากําหนดจุดคนหาทั้งหมด 16 จุด ถามวา อัตราสวนระหวางชวง<br />

ความไมแนนอนในตอนเริ่มตนกับ ชวงความไมแนนอนในตอนสุดทายจะมีคาเทาไร<br />

คําตอบ 1 : 1458<br />

คําตอบ 2 : 1789<br />

คําตอบ 3 : 1597<br />

คําตอบ 4 : 1285<br />

คําตอบ 1 : 5<br />

คําตอบ 2 : 7<br />

คําตอบ 3 : 4<br />

คําตอบ 4 : 6<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


คําตอบ 1 : 19.56<br />

คําตอบ 2 : 19.33<br />

คําตอบ 3 : 19.45<br />

คําตอบ 4 : 19.89<br />

107 of 130<br />

ขอที่ : 391<br />

ขอที่ : 392<br />

ขอที่ : 393<br />

คําตอบ 1 : 5.5<br />

คําตอบ 2 : 3.5<br />

คําตอบ 3 : 4.5<br />

คําตอบ 4 : 6.5<br />

คําตอบ 1 : -0.9246<br />

คําตอบ 2 : -0.8597<br />

คําตอบ 3 : -1.0646<br />

คําตอบ 4 : -1.2465<br />

คําตอบ 1 : -5<br />

คําตอบ 2 : -4<br />

คําตอบ 3 : -3<br />

คําตอบ 4 : -2<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


ขอที่ : 394<br />

108 of 130<br />

ขอที่ : 395<br />

ขอที่ : 396<br />

ขอที่ : 397<br />

คําตอบ 1 : 36.58<br />

คําตอบ 2 : 46.94<br />

คําตอบ 3 : 56.87<br />

คําตอบ 4 : 78.59<br />

คําตอบ 1 : 30<br />

คําตอบ 2 : 50<br />

คําตอบ 3 : 40<br />

คําตอบ 4 : 20<br />

คําตอบ 1 : 25<br />

คําตอบ 2 : 35<br />

คําตอบ 3 : 45<br />

คําตอบ 4 : 55<br />

วิธีการใดเปนวิธีการหาคําตอบโดยวิธีทาง Calculus ในขั้นออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Search Method<br />

Lagrange Multipliers


คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Liner Programming<br />

Dynamic Programming<br />

109 of 130<br />

ขอที่ : 398<br />

ขอที่ : 399<br />

ขอที่ : 400<br />

วิธีการหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้นออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure) โดยมีฟงกชั่นประสงค (Objective function) และเงื่อนไขบังคับ<br />

(Constraints) อยูในรูปผลรวมของตัวแปรในรูปสมการโพลีโนเมียล (Polynomial)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

Linear Programming<br />

Geometric Programming<br />

Dynamic Programming<br />

Lagrange Multiplier<br />

ขอใดกลาวไดถูกตอง เกี่ยวกับการกําหนดการเชิงพลวัต (Dynamic Programming) เพื่อหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้น ออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization<br />

Procedure)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

การวิเคราะหปญหาในเชิงตัวเลข เนนเปรียบเทียบคาของฟงกชั่นประสงค (Objective Function) ระหวางจุดอางอิงกับจุดใหม บริเวณที่ ใหฟงกชั่นประสงคที่ไมดีนั้น<br />

จะถูกตัดลดบริเวณลงไป จะเลือกบริเวณที่ใหฟงกชั่นประสงคที่ดีกวาเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบตอไปจนกวา จะไดคาที่เหมาะสมที่สุด<br />

เหมาะสําหรับปญหาหรือระบบที่มีการทํางานเปนลูกโซ หรือ ประกอบดวยอุปกรณที่ตอเนื่องกันเปนระยะๆ โดยภาวะออก (Output Condition) ของจุดหรืออุปกรณนั้น<br />

จะเปนภาวะเขา (Input Condition) ของจุดหรืออุปกรณตัวตอไป<br />

คําตอบ 3 : อาศัยการคํานวณทางคณิตศาสตรเปนหลัก โดยเงื่อนไขบังคับที่ใชตองเปนเงื่อนไขบังคับในรูปสมการ และ ฟงกชั่นและเงื่อนไขบังคับ ตองเปนเงื่อนไขที่หาอนุพันธได<br />

คําตอบ 4 : เปนวิธีวิเคราะหที่ขั้นเหมาะสมที่สุดสําหรับปญหาที่มีฟงกชั่นประสงคและเงื่อนไขบังคับเปนฟงกชั่นเชิงเสน และใชไดกับเงื่อนไขบังคับใน รูปของสมการและอสมการ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

Search Method<br />

Dynamic Programming<br />

Liner Programming<br />

Geometric Programming


ขอที่ : 401<br />

ขอที่ : 402<br />

ขอที่ : 403<br />

ขอที่ : 404<br />

ปญหาตอไปนี้ ยกเวน ขอใดไมเหมาะสําหรับการวิเคราะหชั้นเหมาะสมที่สุดดวยวิธี Linear Programming<br />

คําตอบ 1 :<br />

การวิเคราะหเลือกเสนทางเดินทอสงกาซ หลายๆแนว<br />

คําตอบ 2 : การกําหนดเวลาทํางานของเครื่องจักร<br />

คําตอบ 3 : การจัดการดานการขนสง<br />

คําตอบ 4 : การจัดแผนการผลิตและการเก็บสินคา<br />

ขอใดกลาวไดถูกตอง เกี่ยวกับการกําหนดการเชิงเสน (Linear Programming) เพื่อหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้น ออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure)<br />

คําตอบ 1 : อาศัยการคํานวณทางคณิตศาสตรเปนหลัก โดยเงื่อนไขบังคับที่ใชตองเปนเงื่อนไขบังคับในรูปสมการ และ ฟงกชั่นและเงื่อนไขบังคับ ตองเปนเงื่อนไขที่หาอนุพันธได<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

การวิเคราะหปญหาในเชิงตัวเลข เนนเปรียบเทียบคาของฟงกชั่นประสงค (Objective Function) ระหวางจุดอางอิงกับจุดใหม บริเวณที่ ใหฟงกชั่นประสงคที่ไมดีนั้น<br />

จะถูกตัดลดบริเวณลงไป จะเลือกบริเวณที่ใหฟงกชั่นประสงคที่ดีกวาเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบตอไปจนกวา จะไดคาที่เหมาะสมที่สุด<br />

เหมาะสําหรับปญหาหรือระบบที่มีการทํางานเปนลูกโซ หรือ ประกอบดวยอุปกรณที่ตอเนื่องกันเปนระยะๆ โดยภาวะออก (Output Condition) ของจุดหรืออุปกรณนั้น<br />

จะเปนภาวะเขา ( Input Condition) ของจุดหรืออุปกรณตัวตอไป<br />

ไมมีขอใดกลาวถูกตอง<br />

ขอใดกลาวไดถูกตอง เกี่ยวกับวิธีการสืบ(Search Method) เพื่อหาหรือวิเคราะหคําตอบที่เหมาะสม ในขั้นออกแบบเหมาะสมที่สุด (Optimization Procedure)<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

การวิเคราะหปญหาในเชิงตัวเลข เนนเปรียบเทียบคาของฟงกชั่นประสงค (Objective Function) ระหวางจุดอางอิงกับจุดใหม บริเวณที่ ใหฟงกชั่นประสงคที่ไมดีนั้น<br />

จะถูกตัดลดบริเวณลงไป จะเลือกบริเวณที่ใหฟงกชั่นประสงคที่ดีกวาเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบตอไปจนกวา จะไดคาที่เหมาะสมที่สุด<br />

เหมาะสําหรับปญหาหรือระบบที่มีการทํางานเปนลูกโซ หรือ ประกอบดวยอุปกรณที่ตอเนื่องกันเปนระยะๆ โดยภาวะออก (Output Condition) ของจุดหรืออุปกรณนั้น<br />

จะเปนภาวะเขา (Input Condition) ของจุดหรืออุปกรณตัวตอไป<br />

คําตอบ 3 : อาศัยการคํานวณทางคณิตศาสตรเปนหลัก โดยเงื่อนไขบังคับที่ใชตองเปนเงื่อนไขบังคับในรูปสมการ และ ฟงกชั่นและเงื่อนไขบังคับ ตองเปนเงื่อนไขที่หาอนุพันธได<br />

คําตอบ 4 : เปนวิธีวิเคราะหที่ขั้นเหมาะสมที่สุดสําหรับปญหาที่มีฟงกชั่นประสงคและเงื่อนไขบังคับเปนฟงกชั่นเชิงเสน และใชไดกับเงื่อนไขบังคับใน รูปของสมการและอสมการ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

110 of 130<br />

คําตอบ 1 : 5, 5, -1


คําตอบ 2 : 4, -1, 5<br />

คําตอบ 3 : 4, 5, -1<br />

คําตอบ 4 : 5, -1, 5<br />

111 of 130<br />

ขอที่ : 405<br />

เงื่อนไขของความสําเร็จในธุรกิจเชิงพาณิชยทั่วไป มักจะอยูที่<br />

คําตอบ 1 : ยอดขายที่สูง<br />

คําตอบ 2 : ตนทุนต่ํา<br />

คําตอบ 3 : ความยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ<br />

คําตอบ 4 : ผลกําไรที่ได<br />

ขอที่ : 406<br />

ความสัมพันธระหวางปริมาณยอดขายกับราคาจะมีผลกระทบตอขนาดของโรงงานผลิตหรือกระบวนการผลิต เพราะวา<br />

คําตอบ 1 : ราคาตอหนวยที่ไดมักจะต่ําเมื่อผลิตในโรงงานที่มีขนาดใหญ<br />

คําตอบ 2 : ยอดขายที่สูงแสดงวาตองการโรงงานผลิตที่ใหญขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ราคาที่สูงจะสงผลใหยอดขายต่ําลง<br />

คําตอบ 4 : ราคาที่สูงทําใหโรงงานตองเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต<br />

ขอที่ : 407<br />

ขอใดตอไปนี้ที่ถูก<br />

คําตอบ 1 : การออกแบบระบบคือการกําหนดคาตัวแปรในการออกแบบ<br />

คําตอบ 2 : ปญหาการออกแบบทั้งหมดจะมีเงื่อนไขแบบไมเทากันทั้งสิ้น<br />

คําตอบ 3 : ตัวแปรในการออกแบบควรจะเปนอิสระตอกันใหนอยที่สุดเทาที่จะนอยได<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


การออกแบบที่เปนไปไดอาจจะทําใหตองไปละเมิดเงื่อนไขแบบเทากัน<br />

112 of 130<br />

ขอที่ : 408<br />

ขอใดตอไปนี้ที่ผิด<br />

ขอที่ : 409<br />

ขอที่ : 410<br />

คําตอบ 1 : คําตอบในชุดสมการแสดงเงื่อนไขของปญหาการออกแบบจะเปนสวนหนึ่งของคําตอบที่เปนไปไดในการออกแบบ<br />

คําตอบ 2 : คําตอบที่เหมาะสมจะตองเปนไปตามสมการเงื่อนไขแบบเทากันดวย<br />

คําตอบ 3 : ปญหาในการหาคําตอบที่เหมาะสมนั้นจะตองมีตัวแปรที่เรียกวาตัวแปรในการออกแบบ<br />

คําตอบ 4 : จํานวนสมการเงื่อนไขแบบไมเทากันตองมีนอยกวาจํานวนตัวแปรในการออกแบบเพื่อใหสามารถที่จะแกปญหาในการหาคาที่เหมาะสมได<br />

จงหาคาต่ําสุดของ (x 1<br />

-3) 2 +(x 2<br />

-3) 2 โดยที่ x 1<br />

+x 2<br />

< 4 และ x 1<br />

, x 2<br />

>0<br />

คําตอบ 1 : 2<br />

คําตอบ 2 : 3.1<br />

คําตอบ 3 : 1<br />

คําตอบ 4 : 1.1<br />

บริษัทผูผลิตแหงหนึ่งตองการผลิตชิ้นงานที่ประกอบไปดวยวัสดุ 2 ชนิดคือ a และ b จํานวนของชิ้นงานที่ผลิต W = 200a 1/2 b 1/4 โดยที่ a และ b หนวยเปนจํานวนตันของวัสดุ a และ b<br />

ตามลําดับ สมมติวา วัสดุ a และ b มีราคา 50 บาทตอตัน และ 100 บาทตอตันตามลําดับ ใหหาจํานวนที่มากที่สุดของชิ้นงานที่ผลิตไดโดยกําหนดใหคาวัสดุของชิ้นงานนั้นตองไมเกิน<br />

150 บาท<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : 240 ชิ้น<br />

คําตอบ 2 : 340 ชิ้น<br />

คําตอบ 3 : 238 ชิ้น


คําตอบ 4 : 218 ชิ้น<br />

113 of 130<br />

ขอที่ : 411<br />

กูเงินจากธนาคาร 100,000 บาท เปนเวลา 5 ป ธนาคารคิดดอกเบี้ย 5% ตอป เมื่อครบกําหนด 5 ป ตองจายเงินคืนใหธนาคารเทาไร<br />

คําตอบ 1 : 110,000 บาท<br />

คําตอบ 2 : 125,000 บาท<br />

คําตอบ 3 : 120,000 บาท<br />

คําตอบ 4 : 130,000 บาท<br />

ขอที่ : 412<br />

นาย ก. ตองการเก็บเงินเพื่อไวเปนทุนการศึกษาในการเรียนตอปริญญาโทตางประเทศ โดยเขาคาดวาจะตองใชเงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท นาย ก. ตั้งใจจะใชเวลาเก็บเงิน 4 ป โดยจะนํา<br />

เงินไปฝากธนาคารซึ่งใหดอกเบี้ย 8% ตอปและทบตนทุกป ถามวาเขาจะตองนําเงินไปฝากปละเทาไร<br />

คําตอบ 1 : 221,840 บาท<br />

คําตอบ 2 : 222,458 บาท<br />

คําตอบ 3 : 221,921 บาท<br />

คําตอบ 4 : 231,090 บาท<br />

ขอที่ : 413<br />

จงหาคําตอบของสมการตอไปนี้เฉพาะคา x 1<br />

และ x 2<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

2x 1<br />

+2x 2<br />

+x 3<br />

= 5 x 1<br />

-2x 2<br />

+2x 3<br />

= 1 x 2<br />

+2x 3<br />

= 3<br />

คําตอบ 1 : x 1<br />

= 2, x 2<br />

= 1<br />

คําตอบ 2 : x 1<br />

= 1, x 2<br />

= 2


คําตอบ 3 : x 1<br />

= 1, x 2<br />

= 1<br />

คําตอบ 4 : x 1<br />

= 3, x 2<br />

= 2<br />

114 of 130<br />

ขอที่ : 414<br />

จงหาสมการ y = ax+b ที่สามารถเขาไดกับขอมูล (x,y) ดังตอไปนี้ (1.2,1.1), (2.3,2.1), (3.0,3.1), (3.8,4.0), (4.7,4.9), (5.9,5.9) โดยหาคาเฉพาะคา a<br />

คําตอบ 1 : 0.943<br />

คําตอบ 2 : 0.966<br />

คําตอบ 3 : 0.986<br />

คําตอบ 4 : 0.978<br />

ขอที่ : 415<br />

จงหาคา Effectiveness ของ Counterflow Heat Exchanger ที่มีคา UA = 24 kW/K ถาคาอัตราการไหลและคาความรอนจําเพาะของของไหล 2 ชนิดที่แลกเปลี่ยนความรอนซึ่งกันและกัน<br />

มีคาเทากับ 10 kg/s, 2 kJ/(kg.K) และ 4 kg/s, 4 kJ/(kg.K) ตามลําดับ<br />

ขอที่ : 416<br />

คําตอบ 1 : 0.745<br />

คําตอบ 2 : 0.478<br />

คําตอบ 3 : 0.934<br />

คําตอบ 4 : 0.636<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ตัวแลกเปลี่ยนความรอนซึ่งอากาศไหลผานระหวางการอัดขั้นที่ 1 และการอัดขั้นที่ 2 ของเครื่องอัดอากาศเรียกวา<br />

คําตอบ 1 : An Aftercooler<br />

คําตอบ 2 : Cooling Tower<br />

คําตอบ 3 : An Intercooler


คําตอบ 4 : Condenser<br />

115 of 130<br />

ขอที่ : 417<br />

จงหาคาสูงสุดของ x 2 y + 2y โดยมีเงื่อนไขวา x 2 + y 2 = 1<br />

คําตอบ 1 : 2<br />

คําตอบ 2 : 3<br />

คําตอบ 3 : 4<br />

คําตอบ 4 : 6<br />

ขอที่ : 418<br />

ลักษณะของปญหาที่สามารถแกไดโดยใชวิธีการ Dynamic Programming ไดแก<br />

คําตอบ 1 : ปญหาที่แบงเปนขั้น ๆ<br />

คําตอบ 2 : ปญหาที่ในแตละขั้นแบงเปนหลาย ๆ สภาวะ<br />

คําตอบ 3 : ปญหาที่ตองอาศัยการตัดสินใจในแตละขั้น<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

ขอที่ : 419<br />

ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />

เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />

ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ จากขอมูลที่ไดจง<br />

ตอบคําถามตอไปนี้<br />

ถาผูผลิตรายนี้ตองการจะวางแผนการใชงานเครื่องจักรกี่เครื่องตอการผลิตสินคาแตละอยางเพื่อใหไดกําไรสูงสุด สมการวัตถุประสงคจะตองเปนอยางไร ถาให x = จํานวนเครื่องจักรที่<br />

ผลิตสินคา A และ y = จํานวนเครื่องจักรที่ผลิตสินคา B<br />

คําตอบ 1 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


กําไร = (500-200)x+300y<br />

คําตอบ 2 : กําไร = 500x+300y<br />

คําตอบ 3 :<br />

กําไร = 1200-200x-100y<br />

คําตอบ 4 : กําไร = (500+300)(x+y)<br />

ขอที่ : 420<br />

ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />

เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />

ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ สมการเงื่อนไขที่<br />

ถูกตองสําหรับปญหานี้คือ<br />

คําตอบ 1 : x+y < 10 , x+y> 7, x+2y > 12, 200x + 100 y > 1,200<br />

คําตอบ 2 : 200x + 100 y > 1,200, x+y < 10 , x+y> 7, x+2y < 12<br />

คําตอบ 3 : x+2y < 12, x+y < 10 , x+y> 7, 200x + 100 y < 1,200<br />

คําตอบ 4 : x+2y < 12, x+y > 10 , x+y> 7, 200x + 100 y < 1,200<br />

ขอที่ : 421<br />

ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />

เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />

ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ ถามวาจํานวน<br />

เครื่องจักรที่ตองใชเพื่อผลิตสินคา A เพื่อใหไดกําไรสูงสุดไดแก<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 1 : 5 เครื่อง<br />

คําตอบ 2 : 6 เครื่อง<br />

คําตอบ 3 : 2 เครื่อง<br />

คําตอบ 4 : 4 เครื่อง<br />

116 of 130


ขอที่ : 422<br />

ผูผลิตรายหนึ่งมีเครื่องจักรอยู 10 เครื่อง เพื่อใชผลิตสินคา A และ B เขาตองการใชเครื่องจักรอยางนอย 7 เครื่อง อยางไรก็ตาม เขามีทุนอยูเพียง 1,200 เหรียญและสินคา A ที่ผลิตจาก<br />

เครื่องจักรแตละตัวจะตองใชเงิน 200 เหรียญ ในขณะที่สินคา B จะใชเงิน 100 เหรียญ ยิ่งไปกวานั้น ผูผลิตรายนี้ตองการผลิตสินคาใหเสร็จภายใน 12 ชั่วโมง โดยสินคา A จะใชเวลา 1<br />

ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ในขณะที่สินคา B ใชเวลา 2 ชั่วโมงตอ 1 เครื่องจักร ถากําไรในการผลิตสินคา A และ B ตอเครื่องจักรเทากับ 500 และ 300 เหรียญตามลําดับ จงหากําไรสูงสุด<br />

ที่ไดจากการผลิตสินคา A และ B วาจะเทากับเทาไร<br />

คําตอบ 1 : 3,100 เหรียญ<br />

คําตอบ 2 : 3,200 เหรียญ<br />

คําตอบ 3 : 2,500 เหรียญ<br />

คําตอบ 4 : 3,900 เหรียญ<br />

ขอที่ : 423<br />

ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />

จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตอตันตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยัง<br />

ระบุวาจํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได<br />

3 ออนซตอตัน ถาตองการไดปริมาณทองคําสูงสุดจากการรอนแรในแตละวันตามเงื่อนไขที่กําหนด จะตองเขียนสมการวัตถุประสงคอยางไร ให x , y = จํานวนตันของแรจาก A และ<br />

B ตามลําดับ<br />

ขอที่ : 424<br />

คําตอบ 1 : 2x + 3y<br />

คําตอบ 2 : 3x + 2y<br />

คําตอบ 3 : 20x + 10y<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : 80-20x - 3y<br />

117 of 130<br />

ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />

จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยังระบุวา


จํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได 3<br />

118 of 130<br />

ออนซตอตัน ถา x , y = จํานวนตันของแรจาก A และ B ตามลําดับ จงหาสมการเงื่อนไขสําหรับปญหานี้<br />

คําตอบ 1 : x+y < 3, 20x+10y < 80, y< 2x<br />

คําตอบ 2 : x+y > 3, 20x+10y < 80, y< 2x<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

x+y > 3, 20x+10y >80, y< 2x<br />

x+y < 3, 20x+10y < 80, y> 2x<br />

ขอที่ : 425<br />

ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />

จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตอตันตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยัง<br />

ระบุวาจํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได<br />

3 ออนซตอตัน ถา x , y = จํานวนตันของแรจาก A และ B ตามลําดับ จะ ตองใชแรจากแหลง A เทาไรในแตละวันเพื่อใหไดปริมาณทองคําสูงสุดจากสมการเงื่อนไขที่กําหนด<br />

คําตอบ 1 : 3 ตัน<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

1 ตัน<br />

2 ตัน<br />

4 ตัน<br />

ขอที่ : 426<br />

ผูผลิตทองคํารายหนึ่งมีแหลงแรทองคําอยู 2 แหง คือแหลง A และ B เพื่อที่จะทําใหเหมืองทองคําของเขายังดําเนินการอยูได ตัวเหมืองจะตองทําการรอนแรอยางนอยวันละ3 ตัน แรที่มา<br />

จาก A และ B มีราคาในการรอนแรเทากับ 20 และ 10 เหรียญตามลําดับ ตนทุนในการทํางานแตละวันจะตองนอยกวา 80 เหรียญตอวัน ยิ่งไปกวานั้น ขอกําหนดของทองถิ่นยังระบุวา<br />

จํานวนแรที่มาจากแหลง B จะตองไมมากกวา 2 เทาของจํานวนแรที่มาจากแหลง A ถา แรจากแหลง A เมื่อทําการรอนแลวไดทองคํา 2 ออนซตอตัน ในขณะที่จากแหลง B จะได 3<br />

ออนซตอตัน จงหาปริมาณทองคําสูงสุดที่ผลิตไดเทากับกี่ออนซ<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

20 ออนซ<br />

16 ออนซ


คําตอบ 3 :<br />

คําตอบ 4 :<br />

12 ออนซ<br />

18 ออนซ<br />

119 of 130<br />

ขอที่ : 427<br />

ตองการจะหาคาลงทุนต่ําสุดในการกอสรางอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมรวมทั้งที่ดินของอาคาร โดยมีเงื่อนไขวาตัวอาคารจะตองมีปริมาตรทั้งสิ้น 14,000 ลบ.ม. ทั้งนี้ คาใชจายตาง ๆ ตอ<br />

ตารางเมตรของอาคารไดแก ที่ดิน = $90, หลังคา = $14, พื้น = $8, ผนังกําแพง = $11 ดังนั้น เพื่อใหไดคาลงทุนต่ําสุด อาคารควรจะตองมีความสูงเทาไร<br />

คําตอบ 1 : 81.4 เมตร<br />

คําตอบ 2 : 91.4 เมตร<br />

คําตอบ 3 : 71.4 เมตร<br />

คําตอบ 4 :<br />

61.4 เมตร<br />

ขอที่ : 428<br />

ตองการจะหาคาลงทุนต่ําสุดในการกอสรางอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมรวมทั้งที่ดินของอาคาร โดยมีเงื่อนไขวาตัวอาคารจะตองมีปริมาตรทั้งสิ้น 14,000 ลบ.ม. ทั้งนี้ คาใชจายตาง ๆ ตอ<br />

ตารางเมตรของอาคารไดแก ที่ดิน = $90, หลังคา = $14, พื้น = $8, ผนังกําแพง = $11 ถามวา คาลงทุนต่ําสุดของอาคารหลังนี้คิดเปนเงินเทาไร<br />

คําตอบ 1 : $ 65,823<br />

คําตอบ 2 : $65,758<br />

คําตอบ 3 : $65,934<br />

คําตอบ 4 : $65,453<br />

ขอที่ : 429<br />

Fibonacci No. 11 มีคาเทากับ<br />

คําตอบ 1 : 98<br />

คําตอบ 2 : 79<br />

คําตอบ 3 : 89<br />

คําตอบ 4 : 97<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย


ขอที่ : 430<br />

จะตองจายเงินตนและดอกเบี้ยคืนเพิ่มขึ้นจากเงินกูประมาณเทาไหร ณ ปที่ 12 หากกูเงิน 100,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 7.25 % ตอป<br />

คําตอบ 1 : 132 ลานบาท<br />

คําตอบ 2 :<br />

232 ลานบาท<br />

คําตอบ 3 : 283 ลานบาท<br />

คําตอบ 4 : 312 ลานบาท<br />

ขอที่ : 431<br />

นายสมัครกูเงินไปรักษาตัวที่ตางประเทศ โดยกูจาก นายสนธิ จํานวน 200,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยราย 3 เดือน ที่ 9% โดยนายสมัครจะคืนเงินให ภายในระยะเวลา 3 ป, ดังนั้น นาย<br />

สมัครจายเงินคืนใหนายสนธิ ประมาณเทาใด ในปที่ 3<br />

คําตอบ 1 : 244,340 บาท<br />

คําตอบ 2 : 260,200 บาท<br />

คําตอบ 3 : 260,954 บาท<br />

คําตอบ 4 : 285,150 บาท<br />

ขอที่ : 432<br />

ฝากเงินเปนประจําทุกๆ ตนป ปละ 8,500 บาท เมื่อสิ้นสุดปลายปที่ 4 เงินจํานวนนี้จะมีมูลคาทั้งหมดเทาไหร ถาอัตราดอกเบี้ยเทากับ 5 % ตอป.<br />

คําตอบ 1 : 34,000 บาท<br />

คําตอบ 2 : 34,860 บาท<br />

คําตอบ 3 : 35,418 บาท<br />

คําตอบ 4 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

36,636 บาท<br />

120 of 130<br />

ขอที่ : 433<br />

ตองการจัดสรรเงินไวซื้ออุปกรณเครื่องจักรซึ่งมีราคาประเมินในอีก 10 ปขางหนาเทากับ 640,000 บาท โดยการนําเงินไปลงทุนโดยฝากประจํา ซึ่งไดดอกเบี้ยเงินฝากเทากับรอยละ 4


ทบตนทุกครึ่งป เจาของโรงงานนี้ตองฝากประจําตอเดือนเทาใด จึงจะมีเงินมาซื้อเครื่องจักรตัวใหมเมื่อฝากครบ 10 ป<br />

คําตอบ 1 : 3,680 บาท<br />

คําตอบ 2 : 4,442 บาท<br />

คําตอบ 3 : 44,180 บาท<br />

คําตอบ 4 : 53,300 บาท<br />

ขอที่ : 434<br />

กูธนาคารมาสรางบาน จํานวน 4 ลานบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 8 % ตอป คิดอัตราดอกเบี้ยทบตนทุกเดือน คุณมีความสามารถในการชําระเงินคืนตอเดือนได 30,000 บาท จะตองใช<br />

ระยะเวลาประมาณกี่เดือนจึงจะสามารถชําระหนี้ธนาคารไดทั้งหมด<br />

ขอที่ : 435<br />

คําตอบ 1 : 312 เดือน<br />

คําตอบ 2 : 325 เดือน<br />

คําตอบ 3 : 335 เดือน<br />

คําตอบ 4 :<br />

ไมมีคําตอบถูกตอง<br />

จงใชวิธีของ Crammer ในการหาคาของ X 1<br />

X 4<br />

+ X 2<br />

/X 3<br />

จากชุดสมการเสนตรงดานลาง<br />

คําตอบ 1 : 0.75<br />

คําตอบ 2 : 1.0<br />

คําตอบ 3 : 1.25<br />

คําตอบ 4 : ∞<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

121 of 130


ขอที่ : 436<br />

ขอใดตอไปนี้จัดเปนสมการ Nonpolynomial<br />

ขอที่ : 437<br />

คําตอบ 1 : Y = 3+7X -1 -2X -2<br />

คําตอบ 2 : Y = 8+2X 2<br />

คําตอบ 3 : Y = 0.5sin4X+3lnX 5<br />

คําตอบ 4 :<br />

ไมมีขอใดถูก<br />

จงใชวิธีของ Cramer เพื่อหาคาผลคุณของ xyz จากชุดสมการเสนตรงดานลางนี้<br />

คําตอบ 1 : 0<br />

คําตอบ 2 : 1<br />

คําตอบ 3 : 3<br />

คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ<br />

x+y+4z = 4<br />

4x+8y+10z = 20<br />

0.5x-2y+2.5z = -0.5<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

122 of 130<br />

ขอที่ : 438<br />

จงหาคาผลรวมคาคงที่ w x y และ z ที่ไดจากชุดสมการเสนตรงดานลาง


w+4x+y+5z = -2<br />

3w-2y+z = 11<br />

123 of 130<br />

คําตอบ 1 : 0<br />

คําตอบ 2 : 1<br />

คําตอบ 3 : 2<br />

คําตอบ 4 : 3<br />

2w-x+5z = -1<br />

-w-5X+2y-4z = - 4<br />

ขอที่ : 439<br />

จงหาคาประสิทธิผล (effectiveness) ของเครื่องแลกเปลี่ยนความรอนแบบ counter flow ที่มีคาตัวแปรตาง ๆ ดังนี้<br />

U (overall heat transfer coefficient) = 5 W/(m2*K)<br />

A (heat transfer area) = 15 m2<br />

Mass flow and specific heat ของของไหล A = 3kg/s และ 4 kJ/(kg*K)<br />

Mass flow and specific heat ของของไหล B = 6 kg/s และ 5.5 kJ/(kg*K)<br />

คําตอบ 1 : 0.895<br />

คําตอบ 2 : 0.918<br />

คําตอบ 3 : 0.988<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : ผิดทุกขอ


ขอที่ : 440<br />

ตองการทราบอุณหภูมิแตกตางเฉลี่ย (Mean Temperature Difference) ระหวางของไหลที่มีอุณหภูมิต่ํา ขาเขา และ อุณหภูมิสูง ขาออก ที่มีปริมาณของไหลเทากันที่ 1241.5 of 130 kg/s ผาน<br />

อุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบสวนทาง (Counter Flow Heat Exchanger) ที่อุณหภูมิ 80 o C และ 40 o C ตามลําดับ<br />

กําหนดให คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนโดยรวม (U) มีคาเทากับ 0.45 W/(m 2 K) และ พื้นที่แลกเปลี่ยนความรอน มีขนาด 10 ตารางเมตร<br />

คําตอบ 1 :<br />

13.3 o C<br />

คําตอบ 2 : 23.3 o C<br />

คําตอบ 3 : 43.3 o C<br />

คําตอบ 4 : 63.3 o C<br />

ขอที่ : 441<br />

จงประมาณคาอุณหภูมิของของไหลอุณหภูมิต่ํา ณ ตําแหนงขาออก โดยอัตราการไหลของของไหลทั้งอุณหภูมิสูงและต่ํามีคาเทากันที่ 2.0 kg/s และไหลผานทอขนาด 2 นิ้ว จํานวน 6<br />

ทอ ทอแตละทอยาว 10 เมตร วางตัวอยูภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนแบบสวนทาง (Counter Flow Heat Exchanger) โดยของไหลอุณหภูมิต่ํา ณ ตําแหนงขาเขามีอุณหภูมิเทากับ<br />

25 o C และของไหลอุณหภูมิสูง ณ ตําแหนงขาเขามีอุณหภูมิเทากับ 95 o C<br />

กําหนดให คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนโดยรวม (U) ของทอ มีคาเทากับ 0.52 W/(m 2 K)<br />

คําตอบ 1 : 36.41 o C<br />

คําตอบ 2 : 57.27 o C<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 3 : 62.73 o C<br />

คําตอบ 4 : 83.58 o C<br />

ขอที่ : 442<br />

ภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอน แบบ Counter Flow ประกอบไปดวยทอทองแดง ซึ่งถูกติดตั้งเพื่อทําหนาที่แลกเปลี่ยนความรอนระหวางของไหลสองชนิด หาก กําหนดให


1. คาสัมประสิทธิ์การถายเทความรอนโดยรวม (U) ของทอ มีคาเทากับ 0.6 W/(m 2 K)<br />

125 of 130<br />

ขอที่ : 443<br />

2. ของไหลอุณหภูมิสูงมีปริมาณเทากับ 2.0 kg/s<br />

3. อุณหภูมิตามที่กําหนด<br />

จงหาขนาดทอทองแดงและจํานวนเสนทอทองแดงที่ ติดตั้งภายในอุปกรณแลกเปลี่ยนความรอนที่สามารถทําใหคา T 22<br />

≤ 40 o C<br />

คําตอบ 1 : ทอ 1 นิ้ว ยาว 1.5 เมตร จํานวน 20 เสน<br />

คําตอบ 2 : ทอ 1 นิ้ว ยาว 2 เมตร จํานวน 25 เสน<br />

คําตอบ 3 : ทอ 2 นิ้ว ยาว 1 เมตร จํานวน 30 เสน<br />

คําตอบ 4 : ทอ 2 นิ้ว ยาว 2 เมตร จํานวน 20 เสน<br />

การวิเคราะหตลาดแบบขอมูลราคาสินคาตอหนวยกับปริมาณการขายมีประโยชนอยางไรในการออกแบบทางวิศวกรรม<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

คําตอบ 3 :<br />

ทําใหสามารถออกแบบโรงงานใหมีกําลังการผลิตที่เหมาะสม โดยอาศัยขอมูลจากราคาสินคาตอหนวยและปริมาณการขายที่ไดจากการวิเคราะหตลาด<br />

ใชเปนขอมูลเพื่อวิเคราะหความเปนไปไดของโครงการ<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ใชเปนขอมูลในการออกแบบระบบเพื่อใหไดราคาสินคาตอหนวยตามที่ตองการ<br />

คําตอบ 4 :<br />

ทําใหการออกแบบทางวิศวกรรมสอดคลองกับความเหมาะสมทางดานเศรษฐศาสตร


ขอที่ : 444<br />

วิศวกรทานใดตอไปนี้ออกแบบระบบที่เหมาะสม (Optimum system)<br />

คําตอบ 1 : สมศักดิ์คํานวณขนาดเครื่องปรับอากาศสําหรับอาคารหลังหนึ่ง โดยคิดตัวประกอบความปลอดภัยในการคํานวณไว 10 %<br />

126 of 130<br />

คําตอบ 2 : สมชายออกแบบระบบเครื่องทําความเย็นโดยมีขอกําหนดวาระบบดังกลาวตองใชเงินลงทุนนอยสุด ในขณะเดียวกันตองสามารถทําความเย็นไดเพียงพอหากวาภาระ<br />

คําตอบ 3 :<br />

การทําความเย็นสูงสุดเพิ่มขึ้น 10%<br />

สมยศออกแบบระบบปรับอากาศตามวิธีการคํานวณภาระการทําความเย็นตามวิธีการคํานวณของสมาคมวิศวกรทําความรอน ทําความเย็น และปรับอากาศแหงสหรัฐ<br />

อเมริกา (ASHRAE)<br />

คําตอบ 4 : สมสมานออกแบบระบบปรับอากาศตามความตองการของผูใชงาน<br />

ขอที่ : 445<br />

นําบานไปจํานองไว 20 ปในอัตราดอกเบี้ยทบตน 8% ตอป โดยแบงชําระเปนรายเดือน อยากทราบวาชําระแลวกี่งวดจึงจะถือวาไดชําระคืนเงินตนแลวครึ่งหนึ่ง<br />

ขอที่ : 446<br />

คําตอบ 1 : 100<br />

คําตอบ 2 : 160<br />

คําตอบ 3 : 164<br />

คําตอบ 4 : 500<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

ขอมูลจากการวัดปริมาณการกินน้ํามันเชื้อเพลิงของรถยนต (y) เทียบกับความเร็วของรถยนต (x) มีดังนี้<br />

อัตราการกินน้ํามัน , y, km/litre = 15.2 14.4 13.1 11.4 9.1<br />

ความเร็วรถยนต , x, km/h = 50 65 80 95 110


ขอที่ : 447<br />

ควรใชสมการรูปแบบใดเพื่อแสดงความสัมพันธระหวางปริมาณการกินน้ํามันเชื้อเพลิงกับความเร็วรถยนต<br />

คําตอบ 1 : สมการเอกโพเนลเชียน<br />

คําตอบ 2 : สมการโพลิโนเมียลที่มีกําลังสอง<br />

คําตอบ 3 : สมการ Gompertz<br />

คําตอบ 4 : สมการเลนตรง<br />

ขอมูลจากการวัดปริมาณการกินน้ํามันเชื้อเพลิงของรถยนต (y) เทียบกับความเร็วของรถยนต (x) มีดังนี้<br />

อัตราการกินน้ํามัน , y, km/litre = 15.2 14.4 13.1 11.4 9.1<br />

ความเร็วรถยนต , x, km/h = 50 65 80 95 110<br />

เลือกใชความสัมพันธระหวาง x และ y ดังนี้ y = a + bx + cx 2<br />

จงหาวาที่ความเร็ว 120 km/h อัตราการกินน้ํามันเชื้อเพลิงจะอยูที่เทาใด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

16.3 km/litre<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

14.3 km/litre<br />

127 of 130<br />

คําตอบ 3 :<br />

10.3 km/litre<br />

คําตอบ 4 :


8.10 km/litre<br />

128 of 130<br />

ขอที่ : 448<br />

ถาตองการเพิ่มอัตราการไหลของเครื่องสูบน้ําแบบ Centrifugal เครื่องหนึ่งซึ่งสูบน้ําขึ้นถังสูง 20 เมตร ผานทอขนาดเสนผาศูนยกลาง 50 มิลลิเมตร จะตองทําอยางไร<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

ลดระดับถังลงเหลือ 15 เมตร<br />

เปลี่ยนขนาดทอเปนเสนผาศูนยกลาง 65 มิลลิเมตร<br />

คําตอบ 3 : เปดวาลวดานสงของเครื่องสูบน้ํามากขึ้น<br />

คําตอบ 4 : ถูกทุกขอ<br />

ขอที่ : 449<br />

Cooling Water Pump แบบ Centrifugal Mixed Flow ขนาดเทากันทุกประการจํานวน 2 เครื่อง เดินเครื่องขนานกัน สงน้ําเพื่อระบายความรอนให Condenser ของกังหันไอน้ํา และ<br />

ระบายความรอนออกที่ Cooling Tower โดยมีอุณหภูมิน้ําขาเขา 30 o C และมีอุณหภูมิน้ําไหลออกกจาก Condenser 38 o C ขณะที่เครื่องกังหันไอน้ําเดินเครื่องเต็มที่ เมื่อเครื่องหนึ่งขัด<br />

ของเหลือเครื่องสูบน้ําที่ทํางานเพียงเครื่องเดียว operator จึงใหกังหันไอน้ําเดินเครื่องลดลงเหลือ 50 % แนวโนมอุณหภูมิของน้ําหลอเย็นที่ออกควรจะเปนเทาไร<br />

คําตอบ 1 : 42 o C<br />

คําตอบ 2 : 40 o C<br />

คําตอบ 3 : 38 o C<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

คําตอบ 4 : 36 o C<br />

ขอที่ : 450<br />

โรงงานขนาดใหญแหงหนึ่ง ตองการปรับปรุงระบบปรับอากาศโดยเปลี่ยนจากเดิมซึ่งเปนแบบ Split type มาเปนแบบรวมศูนยทําน้ําเย็นแลวสงไปยัง เครื่องเปาลมเย็น (Air handling<br />

Unit, AHU) ตามอาคารตาง ๆ ซึ่งอาคารสวนใหญจะอยูหางจากศูนยทําน้ําเย็น 200-500 เมตร ในความเห็นของทาน ทานคิดวาควรจะพิจารณาการปรับปรุงระบบปรับอากาศนี้อยางไร


คําตอบ 1 : ควรทําเปนแบบศูนยรวมเพื่อความสะดวกในการเดินเครื่องและบํารุงรักษา<br />

คําตอบ 2 : ถาโรงงานมีไอน้ําใชใน Process อยูแลวควรใช Steam Absorption Chiller แทน Electric Chiller<br />

คําตอบ 3 : ควรใชเปนแบบแยกสวน (Split Type) เหมือนเดิม แตเลือกใชรุนที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อประหยัดพลังงาน<br />

คําตอบ 4 : ควรพิจารณาเลือกระบบที่ใชพลังงานนอยที่สุดโดยทําการเปรียบเทียบถึงราคาอุปกรณและคาติดตั้งรวมทั้งคาบํารุงรักษาของแตละระบบนํามาประกอบการพิจารณา<br />

ขอที่ : 451<br />

ระบบสงน้ําในหมูบานแหงหนึ่ง สงน้ําโดยใชปมแบบหอยโขง(Centrifugal pump) สงผานทอขนาดหกนิ้วไปยังถังเก็บน้ําซึ่งอยูหางจากที่ตั้งปม 800 เมตร หากวามอเตอรของปมได<br />

ชํารุดและไดมีการเปลี่ยนมอเตอรของปมใหมใหมีขนาดใหญกวาเดิมสองเทา(kW เพิ่มขึ้นเปนสองเทา) อยากทราบวาผลที่เกิดขึ้นในขอใดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 :<br />

คําตอบ 2 :<br />

ระบบยังคงทํางานไดอัตราการไหลและความดันเหมือนเดิม<br />

จะตองจายคาไฟฟาสําหรับการเดินปมเพิ่มขึ้นเทาตัว<br />

คําตอบ 3 : อานคาความดันดานสง(discharge pressure)ไดมากขึ้น<br />

คําตอบ 4 :<br />

อัตราการไหลที่ปมทําไดเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง<br />

ขอที่ : 452<br />

ปมน้ําแบบ Centrifugal มี Characteristic Curve แบบ Steadily rising (ความดันลดลงเมื่ออัตราการไหลเพิ่มขึ้น) ที่มีขนาดความดัน 20 บารเกจ ที่อัตราการไหล 150 ลูกบาศกเมตรตอ<br />

ชั่วโมง ขอใดกลาวไดถูกตองเกี่ยวกับปมตัวนี้<br />

คําตอบ 1 :<br />

ที่อัตราการไหลเปนศูนย shut off head จะมีคามากกวา 20 บารเกจ<br />

คําตอบ 2 : เมื่อติดตั้งกับระบบทอ อาจไมไดความดันและอัตราการไหลตามที่ระบุ ขึ้นกับความดันสูญเสียในระบบดวย<br />

คําตอบ 3 :<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย<br />

129 of 130


ถาวัดความดันครอมปมได 20 บารเกจ จะมีอัตราการไหลของน้ําผานปมที่ 150 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง<br />

130 of 130<br />

คําตอบ 4 :<br />

ถูกทุกขอ<br />

ขอที่ : 453<br />

ทอสงน้ําแหงหนึ่งประกอบดวยปมหอยโขง (centrifugal pump) และระบบทอสงน้ําไปเก็บที่ถังสูง 15 เมตร ตอมาไดมีการปรับปรุงถังใหสูงขึ้นอีก 3 เมตร ขอใดกลาวไดถูกตองที่สุด<br />

คําตอบ 1 : ปมจะสงน้ําไดดวยอัตราการไหลลดลง<br />

คําตอบ 2 : ปมจะสงน้ําไดดวยอัตราการไหลมากขึ้น<br />

คําตอบ 3 : ปมจะสงน้ําไดดวยอัตราการไหลเทาเดิม<br />

คําตอบ 4 : ที่กลาวมาทั้งหมดไมมีขอใดถูกตอง<br />

ขอที่ : 454<br />

ระบบสงน้ําเดิมของหมูบานแหงหนึ่งใชปมน้ําแบบ centrifugal สงน้ําที่ 120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ความดันขาออก 15 บารเกจ ตอมาตองการใหสงน้ําไดมากขึ้นจึงมีการสั่งปมขนาด<br />

120 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง ที่ความดัน 15 บารเกจ มาตอรวมกับแบบขนานกับระบบทอเดิมและเดินปมพรอมกันทั้งสองตัว ขอใดถูกตอง<br />

ขอที่ : 455<br />

คําตอบ 1 : สามารถสงน้ําไดเพิ่มขึ้นเปน 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง และวัดความดันขาออกได 15 บารเกจ<br />

คําตอบ 2 : สงน้ําไดเทาเดิมแตไดความดันขาออกเพิ่มเปน 30 บารเกจ<br />

คําตอบ 3 : สงน้ําไดมากขึ้นแตไมถึง 240 ลูกบาศกเมตรตอชั่วโมง และไดความดันขาออกมากกวา 15 บารเกจแตไมถึง 30 บารเกจ<br />

คําตอบ 4 : ที่กลาวมาทั้งหมดไมมีขอใดถูกตอง<br />

จงหาคา y ที่ x = 3 ของกราฟที่ผานจุด (1,3), (2,4) และ (4,8) โดยใชวิธีการ second degree Lagrange interpolation equation ในการหาคา<br />

คําตอบ 1 : 4.67<br />

คําตอบ 2 : 5.67<br />

คําตอบ 3 : 6.67<br />

คําตอบ 4 : 7.67<br />

สภาวิศวกรขอสงวนสิทธิ์ ห้ามจำหน่าย

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!