วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ - AS Nida

วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ - AS Nida วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ - AS Nida

as.nida.ac.th
from as.nida.ac.th More from this publisher
30.06.2013 Views

การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐ การศึกษาเชิงตัวเลขของการนําเอาจุดนาจะเปนที่สุดมาใชสําหรับการวิเคราะหความนาเชื่อถือ A Numerical Study on Implementation of Most Probable Point for Reliability Analysis ทวีภัทร บูรณธิติ สายวิชาเทคโนโลยีวัสดุ คณะพลังงานสิ่งแวดลอมและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี E-mail: thaweepat.bur@kmutt.ac.th ่ ้ บทคัดยอ ความนาเชื่อถือเปนประเด็นสําคัญในระบบสวนใหญเนื่องจากการมีอยูของความไมแนนอน ขณะที่การประเมินความไม แนนอนเปนหัวขอที่ทาทาย เพราะมีขั้นตอนและตองใชทรัพยากรที่จําเปนในการคํานวณมากกวาการวิเคราะหที่ไมนําเอา ความไมแนนอนเขามาคํานึงถึง บทความนี้นําเสนอการศึกษาเชิงตัวเลขของการนําเอาเทคนิคจุดนาจะเปนที่สุดมาใชสําหรับ การวิเคราะหความนาเชื่อถือกับกรณีศึกษาจํานวนหนึ่ง จากการศึกษาพบวาเทคนิคนี้สามารถประมาณความนาจะเปนที ขีดจํากัดหรือความนาเชื่อถือไดเปนอยางดีเมื่อเทียบกับการจําลองสถานการณมอนเตคารโลซึ่งเปนวิธีที่มีศักยภาพแตวา ตองการใชทรัพยากรในการคํานวณที่สูงมาก นอกจากนี้ไดมีการรวบรวมการนํามาประยุกตใช ผลการพยากรณ การ อภิปรายผล และหมายเหตุสรุปจากกรณีศึกษาเหลานี คําสําคัญ : จุดนาจะเปนที่สุด, ความนาเชื่อถือ, การประเมินความไมแนนอน, ความนาจะเปน Abstract Reliability is an important issue in most systems because of the existence of uncertainty. At the same time, the uncertainty assessment is a challenging issue since the needed effort is usually greater than that of deterministic analysis without taking uncertainty into account. The paper presents a numerical study on an implementation of most probable point (MPP) for reliability analysis through some case studies. It is found that MPP can well estimate the reliability in terms of probability at the limit when it is compared with Monte Carlo simulation, a powerful but expensive method. Implementations, prediction results, discussions and concluding remarks are given in this paper. Keywords : Most Probable Point; Reliability; Uncertainty Assessment; Probability 1. บทนํา (Introduction) ความนาเชื่อถือ (Reliability) ของระบบหนึ่งๆถือไดวาเปนสิ่งสําคัญอยางยิ่งในสังคมปจจุบัน ผลิตภัณฑ (Product) หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Processes) ใดๆ ตองมีความนาเชื่อถือที่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะ เกิดขึ้นได โดยทั่วไปแลวในการออกแบบนั้นถาปจจัยทุกอยางที่เปนสวนประกอบใหเกิดเปนผลิตภัณฑหนึ่งมีความ สมบูรณแบบตามที่ออกแบบไว การผลิตผลิตภัณฑนั้นยอมจะไมเกิดผลิตภัณฑที่เปนของเสียได แตในความเปนจริงนั้นใน ปจจัยจํานวนมากนั้นมีความไมแนนอน (Uncertainty) แฝงอยู เชน วัสดุรับแรงถูกออกแบบมีความสามารถรับภาระกรรม (Load) ได 300 MPa แตบางชิ้นรับไดนอยกวาซึ่งอาจจะทําใหเกิดความเสียหายได เปนตน ดังนั้นการวิเคราะหความ นาเชื่อถือของระบบจึงจําเปนอยางยิ่งที่จะตองรับทราบถึงปจจัยความไมแนนอนที่แฝงอยูในระบบอยางหลีกเลี่ยงไมได 55

การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

การศึกษาเชิงตัวเลขของการนําเอาจุดนาจะเปนที่สุดมาใชสําหรับการวิเคราะหความนาเชื่อถือ<br />

A Numerical Study on Implementation of Most Probable Point for Reliability Analysis<br />

ทวีภัทร บูรณธิติ<br />

สายวิชาเทคโนโลยีวัสดุ คณะพลังงานสิ่งแวดลอมและวัสดุ<br />

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี<br />

E-mail: thaweepat.bur@kmutt.ac.th<br />

่<br />

้<br />

บทคัดยอ<br />

ความนาเชื่อถือเปนประเด็นสําคัญในระบบสวนใหญเนื่องจากการมีอยูของความไมแนนอน<br />

ขณะที่การประเมินความไม<br />

แนนอนเปนหัวขอที่ทาทาย<br />

เพราะมีขั้นตอนและตองใชทรัพยากรที่จําเปนในการคํานวณมากกวาการวิเคราะหที่ไมนําเอา<br />

ความไมแนนอนเขามาคํานึงถึง บทความนี้นําเสนอการศึกษาเชิงตัวเลขของการนําเอาเทคนิคจุดนาจะเปนที่สุดมาใชสําหรับ<br />

การวิเคราะหความนาเชื่อถือกับกรณีศึกษาจํานวนหนึ่ง<br />

จากการศึกษาพบวาเทคนิคนี้สามารถประมาณความนาจะเปนที<br />

ขีดจํากัดหรือความนาเชื่อถือไดเปนอยางดีเมื่อเทียบกับการจําลองสถานการณมอนเตคารโลซึ่งเปนวิธีที่มีศักยภาพแตวา<br />

ตองการใชทรัพยากรในการคํานวณที่สูงมาก<br />

นอกจากนี้ไดมีการรวบรวมการนํามาประยุกตใช<br />

ผลการพยากรณ การ<br />

อภิปรายผล และหมายเหตุสรุปจากกรณีศึกษาเหลานี<br />

คําสําคัญ : จุดนาจะเปนที่สุด,<br />

ความนาเชื่อถือ,<br />

การประเมินความไมแนนอน, ความนาจะเปน<br />

Abstract<br />

Reliability is an important issue in most systems because of the existence of uncertainty. At the same time, the<br />

uncertainty assessment is a challenging issue since the needed effort is usually greater than that of deterministic analysis<br />

without taking uncertainty into account. The paper presents a numerical study on an implementation of most probable<br />

point (MPP) for reliability analysis through some case studies. It is found that MPP can well estimate the reliability in<br />

terms of probability at the limit when it is compared with Monte Carlo simulation, a powerful but expensive method.<br />

Implementations, prediction results, discussions and concluding remarks are given in this paper.<br />

Keywords : Most Probable Point; Reliability; Uncertainty Assessment; Probability<br />

1. บทนํา (Introduction)<br />

ความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability) ของระบบหนึ่งๆถือไดวาเปนสิ่งสําคัญอยางยิ่งในสังคมปจจุบัน<br />

ผลิตภัณฑ (Product)<br />

หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Processes) ใดๆ ตองมีความนาเชื่อถือที่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะ<br />

เกิดขึ้นได<br />

โดยทั่วไปแลวในการออกแบบนั้นถาปจจัยทุกอยางที่เปนสวนประกอบใหเกิดเปนผลิตภัณฑหนึ่งมีความ<br />

สมบูรณแบบตามที่ออกแบบไว<br />

การผลิตผลิตภัณฑนั้นยอมจะไมเกิดผลิตภัณฑที่เปนของเสียได<br />

แตในความเปนจริงนั้นใน<br />

ปจจัยจํานวนมากนั้นมีความไมแนนอน<br />

(Uncertainty) แฝงอยู<br />

เชน วัสดุรับแรงถูกออกแบบมีความสามารถรับภาระกรรม<br />

(Load) ได 300 MPa แตบางชิ้นรับไดนอยกวาซึ่งอาจจะทําใหเกิดความเสียหายได<br />

เปนตน ดังนั้นการวิเคราะหความ<br />

นาเชื่อถือของระบบจึงจําเปนอยางยิ่งที่จะตองรับทราบถึงปจจัยความไมแนนอนที่แฝงอยูในระบบอยางหลีกเลี่ยงไมได<br />

55


56<br />

Applied Statistics<br />

การสรางแบบจําลองที่เปนจริงสําหรับปรากฎการณจริงนั้น<br />

จําเปนตองพิจารณาความเปนไปไดของความไมแนนอนดวย<br />

[Ross, 1993; Law and Kelton, 2000]<br />

การวิเคราะหความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability Analysis) มีความทาทายเปนอยางยิ่ง<br />

เนื่องจากตองพิจารณาถึงความไม<br />

แนนอนของปจจัยตางๆเขามา [Robinson, 1989; Oberkampf et al., 2002] ทั้งนี้วิธีการประเมินความไมแนนอน<br />

(Uncertainty Assessment) ที่เปนที่ยอมรับมาอยางยาวนานก็คือ<br />

Monte Carlo Simulation (MCS) ซึ่งอาศัยหลักการของตัว<br />

แปรสุม<br />

(Random Variable) และกฎจํานวนมาก (Strong Law of Large Number) ซึ่งปจจุบันสามารถทําไดดวยคอมพิวเตอร<br />

ประสิทธิภาพสูง อยางไรก็ตามเทคนิคนี้มีปญหามากกับกรณีที่ตัวแปรมีจํานวนมาก<br />

ซึ่งทําใหตองการจํานวนตัวแปรสุม<br />

จํานวนมากเพิ่มขึ้นตามตัวแปรของระบบโดยมีการเพิ่มขึ้นเปนแบบ<br />

Exponential ซึ่งลักษณะปญหานี้สามารถเรียกไดวาเปน<br />

Curse of Dimensionality โดยที่ความตองการการคํานวณเพิ่มขึ้นอยางไมมีที่สิ้นสุดอยางรวดเร็วในอัตรายกกําลังตามขนาด<br />

ของระบบ จึงมีความจําเปนตองพิจารณาหาเทคนิคการประเมินความไมแนนอนที่มีประสิทธิภาพ<br />

(Efficient) มากกวาวิธี<br />

MCS โดยวิธีการประมาณที่นิยมใชคือ<br />

เทคนิค Moment-Matching ซึ่งเนนการประมาณคาคาดหวัง<br />

(Expected Value) และ<br />

คาความแปรปรวน (Variance) โดยเทคนิคที่มีประสิทธิภาพตางๆ<br />

เชน First-Order Approximation และ Weighted Three-<br />

Point-Based Method ใน Buranathiti et al. (2006)<br />

ลักษณะเดนในการวิเคราะหความนาเชื่อถือนั้นอยูที่การเนนการหาจุดที่มักจะมีคาความนาจะเปนที่จุดปลาย<br />

(Tail)<br />

ดานใดดานหนึ่ง<br />

เชน ความนาจะเปนที่โครงสรางหนึ่งจะรับภาระกรรมไดนอยกวาคาๆหนึ่ง<br />

เปนตน ดังนั้นการใชวิธี<br />

MCS<br />

ซึ่งเปนการหาฟงกชันการกระจายความหนาแนนความนาจะเปน<br />

(Probability Density Function หรือ PDF) ทั้งหมดจึงไม<br />

คุมคา<br />

เชน ความนาเชื่อถือที่<br />

99.99% นั้น<br />

ในการสุม<br />

100,000 ตัวอยาง ในอุดมคติแลวจะมีสวนที่เสียที่สนใจในการประเมิน<br />

ความนาเชื่อถืออยูประมาณ<br />

10 ตัวอยาง และมีกรณีที่ผานอยูถึง<br />

99,990 ตัวอยาง ทําใหความแมนยําของวิธี MCS นั้นไมดีนัก<br />

โดยเฉพาะระบบที่ตองการวิเคราะหหาความนาเชื่อถือที่สูงๆ<br />

เชน 0.01% 0.00 001% (1 ในลาน) เปนตน และมีตัวแปรใน<br />

ระบบจํานวนมาก สวนเทคนิคหนึ่งที่เนนหาความนาจะเปนที่จุดปลาย<br />

คือ เทคนิคจุดนาจะเปนที่สุด<br />

(Most Probable<br />

Technique, MPP) โดย MPP เปนเทคนิคที่เนนการหาสถานะขีดจํากัด<br />

(Limit State) ที่สอดคลองกับคาความนาเชื่อถือหรือ<br />

ความนาจะเปนหนึ่งๆ<br />

ทําใหลดภาระการคํานวณที่จะตองหา<br />

PDF ทั้งหมด<br />

[Robinson, 1998; Du and Chen, 2001]<br />

บทความนี้ไดนําเสนอเทคนิคการประเมินความไมแนนอนสําหรับการวิเคราะหความนาเชื่อถือโดยเทคนิค<br />

MPP<br />

พรอมกับการแสดงกรณีตัวอยางประกอบการศึกษาเปนกรณีศึกษา โดยพิจารณาจากความสามารถในการพยากรณคาความ<br />

นาเชื่อถือและ<br />

PDF ที่เกิดขึ้นโดยการเปรียบเทียบกับวิธี<br />

MCS เปนวิธีอางอิง โดยกรณีศึกษานี้นําไปสูการอภิปรายและหมาย<br />

เหตุสรุปสําหรับเทคนิค MPP ในการนําไปประยุกตใชในการวิเคราะหความนาเชื่อถือตอไป<br />

2. เทคนิคจุดนาจะเปนที่สุด<br />

(Most Probable Point Technique)<br />

เทคนิคจุดนาจะเปนที่สุดมีพื้นฐานความคิดมาจากการหาสถานะขีดจํากัดที่สอดคลองกับคาความนาเชื่อถือหรือ<br />

ความนาจะเปนหนึ่งๆ<br />

ดังนั้นเทคนิค<br />

MPP นั้นเหมาะสมการประยุกตใชเพื่อหาคาเฉพาะคาหนึ่ง<br />

กําหนดใหตัวแปรผลลัพธ<br />

หรือตัวแปรตามของระบบ ( y ) เปนฟงกชันของเวกเตอรตัวแปรอิสระ ( x ) ดังตอไปนี้<br />

( ) ( 1, 2 , , n ) x x x y y y K<br />

= = x (1)<br />

โดยระบบมีจํานวนตัวแปรอิสระ n ตัวแปร<br />

ทําการแปลงเวกเตอรตัวแปรอิสระ ( x ) ไปอยูใน<br />

Space อื่น<br />

ในกรณีนี้ทําการแปลง<br />

x ใหอยูใน<br />

Standard Normal<br />

Space u ( u ⇔<br />

x ) ดวยการอางอิงฟงกชันความนาจะเปนสะสม (Cumulative Distribution Function หรือ CDF) ดังนี้


การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

่ ้<br />

้<br />

้<br />

้<br />

−1<br />

u = Φ [ F(<br />

x)<br />

]<br />

(2)<br />

−1<br />

โดยที F (x)<br />

เปน CDF ของ x และ Φ [ F]<br />

เปนฟงกชันยอนกลับของ F ทั้งนี<br />

ฟงกชัน F(x)<br />

สามารถเปนฟงกชันของ<br />

การกระจายความนาจะเปนตางๆ เชน แบบสม่ําเสมอ<br />

(Uniform) แบบปกติ (Normal) เปนตน สําหรับการประยุกตเพื่อ<br />

นําไปสราง PDF หรือ CDF นั้น<br />

จําเปนที่จะตองหาคาความนาจะเปนสะสม<br />

ณ คาตัวแปรผลลัพธของระบบ y ทุกๆคา<br />

ระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) เปนฟงกชันของ u เปนตัวแปรที่ตองทําการคํานวณ<br />

โดยระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) นี<br />

จําเปนจะตองสอดคลองกับสมการสถานะขีดจํากัดดังนี<br />

y ( x ( u))<br />

− Y = 0<br />

(3)<br />

จากแนวคิดที่กลาวมาแลวนั้น<br />

ทําใหสามารถเขียนเปนแบบจําลองทางคณิตศาสตรในรูปแบบจําลองหาความ<br />

เหมาะสม (Optimization Model) ในรูปแบบปญหาหาคานอยที่สุดที่มีขอจํากัดแบบไมเชิงเสนไดดังตอไปนี<br />

Find β = min u<br />

u<br />

Subjected to y( x(<br />

u))<br />

−Y = 0<br />

(4)<br />

ขอบเขตที่เปนไปไดของตัวแปร<br />

u นี้มักจะอยูในชวงสั้นๆ<br />

กลาวคือ ระหวาง [-5,5]<br />

เมื่อระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) สามารถหาไดแลว คาความนาจะเปนสะสมที่ตัวแปรผลลัพธของระบบ<br />

y จะนอย<br />

กวาคาที่กําหนดไว<br />

Y หรือ y < Y จะถูกกําหนดไดดวยความสัมพันธดังนี้<br />

P(<br />

y(<br />

⎧1<br />

− Φ(<br />

β ), P < 0.<br />

5<br />

( u))<br />

< Y ) = ⎨<br />

⎩ Φ(<br />

β ), P ≥ 0.<br />

5<br />

x (5)<br />

ความหมายทางเรขาคณิตของระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) และสถานะขีดจํากัด (Limit State) สามารถดูไดจากรูปที่<br />

1 โดยที่<br />

ฟงกชันความนาจะเปนจะตัดกับฟงกชันสถานะขีดจํากัดที่<br />

β<br />

รูปที่<br />

1 ความสัมพันธในลักษณะเรขาคณิตของการกระจายความนาจะเปนและฟงกชันสถานะขีดจํากัด จาก Robinson<br />

(1998)<br />

3. กรณีศึกษา (Case Study)<br />

เพื่อทําการศึกษาการนําเทคนิค<br />

MPP มาใชในการประเมินความนาเชื่อถือ<br />

จึงไดยกกรณีศึกษาเปนฟงกชันทั่วไป<br />

เพื่อแทนระบบทั่วไป<br />

โดยกําหนดใหตัวแปรอิสระทุกตัวในที่นี้มีการกระจายตัวของความไมแนนอนตามการกระจายแบบ<br />

2<br />

ปกติ (Normal Distribution) ที่มีคาเฉลี่ย<br />

( μx<br />

) และ ความแปรปรวน ( σ<br />

x ) ของตัวแปรสุมเทากับ<br />

1 เพื่อใหงายตอการ<br />

เปรียบเทียบตอไป วิธี MPP จะไดถูกเปรียบเทียบกับวิธี MCS ดวยจํานวนการสุม<br />

500,000 ครั้ง<br />

ซึ่งถือเปนคาอางอิงตอไป<br />

57


58<br />

Applied Statistics<br />

กรณีที่<br />

1 กําหนดใหระบบมีผลลัพธตามความสัมพันธในรูปแบบเชิงเสนดังนี้<br />

g ( x ) = x1<br />

+ x2<br />

(6)<br />

คาความนาเชื่อถือของระบบ<br />

P ( y < Y ) เมื่อผลลัพธนอยกวาคาที่กําหนดไว<br />

โดยวิธี MPP และ MCS ไดถูกรวบรวมแสดง<br />

ไวในตารางที่<br />

1 สวน PDF และ CDF ของระบบแสดงในรูปที่<br />

2 และ 3 ตามลําดับ<br />

ตารางที่<br />

1 ความนาเชื่อถือของระบบโดยวิธี<br />

MPP และ MCS<br />

Y P ( y < Y ) from MPP P ( y < Y ) from MCS<br />

0 7.8650E-02 7.9154E-02<br />

-1 1.6947E-02 1.7130E-02<br />

-2 2.3389E-03 2.2720E-03<br />

-3 2.0348E-04 2.2400E-04<br />

-4 1.1045E-05 1.0000E-05<br />

-5 3.7155E-07 0.0000E+00<br />

Probability Density<br />

0.35<br />

0.3<br />

0.25<br />

0.2<br />

0.15<br />

0.1<br />

0.05<br />

MPP<br />

MCS<br />

0<br />

-5 0 5 10<br />

Response<br />

รูปที่<br />

2 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปน (PDF) จากวิธี MPP และ MCS


การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

Cumulative Distribution<br />

1<br />

0.9<br />

0.8<br />

0.7<br />

0.6<br />

0.5<br />

0.4<br />

0.3<br />

0.2<br />

0.1<br />

0<br />

-5 0 5 10<br />

Response<br />

รูปที่<br />

3 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปนสะสม (CDF) จากวิธี MPP และ MCS<br />

กรณีที่<br />

2 กําหนดใหระบบมีผลลัพธตามความสัมพันธแบบไมเชิงเสนดังนี้<br />

2<br />

2<br />

g( x ) = 0.<br />

5x1<br />

+ 0.<br />

25x1x<br />

2 + 0.<br />

5x<br />

2 + 1.<br />

5x<br />

3x<br />

4 − 0.<br />

5x<br />

4<br />

(7)<br />

คาความนาเชื่อถือของระบบ<br />

P ( y < Y ) เมื่อผลลัพธนอยกวาคาที่กําหนดไวโดยวิธี<br />

MPP และ MCS ไดถูกรวบรวมแสดง<br />

ไวในตารางที่<br />

2 สวน PDF และ CDF ของระบบแสดงในรูปที่<br />

4 และ 5 ตามลําดับ<br />

ตารางที่<br />

2 ความนาเชื่อถือของระบบโดยวิธี<br />

MPP และ MCS<br />

Y P ( y < Y ) from MPP P ( y < Y ) from MCS P ( y < Y ) from MCS P ( y < Y ) from MCS<br />

0 1.5401E-01 1.6826E-01 1.6874E-01 1.6877E-01<br />

-4 1.5091E-02 1.1198E-02 1.1226E-02 1.1243E-02<br />

-6 4.9906E-03 3.3520E-03 3.3100E-03 3.3238E-03<br />

-8 1.6734E-03 1.0180E-03 1.0220E-03 1.0026E-03<br />

-10 5.6589E-04 2.6400E-04 2.9150E-04 3.0020E-04<br />

-15 3.8415E-05 1.0000E-05 1.5500E-05 1.5200E-05<br />

500k samples 2M samples 10 M samples<br />

Probability Density<br />

0.25<br />

0.2<br />

0.15<br />

0.1<br />

0.05<br />

59<br />

MPP<br />

MCS<br />

MPP<br />

MCS<br />

0<br />

-10 -5 0 5 10 15<br />

Response


รูปที่<br />

4 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปน (PDF) จากวิธี MPP และ MCS<br />

Cumulative Distribution<br />

1<br />

0.9<br />

0.8<br />

0.7<br />

0.6<br />

0.5<br />

0.4<br />

0.3<br />

0.2<br />

0.1<br />

0<br />

-10 -5 0 5 10 15<br />

Response<br />

60<br />

MPP<br />

MCS<br />

รูปที่<br />

5 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปนสะสม (CDF) จากวิธี MPP และ MCS<br />

Applied Statistics<br />

4. อภิปรายและหมายเหตุสรุป (Discussions and Concluding Remarks)<br />

การคํานวณหาคาความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability) โดยวิธี MPP สามารถทําไดโดยไมตองทุมใชทรัพยากรจํานวนมาก<br />

ในการสราง PDF ทั้งหมด<br />

ซึ่งเหมาะกับการนําไปประยุกตใชในการหาคาความนาเชื่อถือซึ่งเปนคาความนาจะเปนที่<br />

ขีดจํากัดที่อาจจะเปนไดทั้งทางเดียวหรือทั้งสองทางก็ได<br />

อยางไรก็ตามเนื่องจากการคํานวณดวยวิธี<br />

MPP จําเปนจะตอง<br />

แกปญหาในลักษณะการหาคาเหมาะสมหรือหาระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

การลูเขาสูคําตอบจะเร็วหรือชาก็ขึ้นกับคําตอบเริ่มตนที่<br />

ใสเขาไป ซึ่งปญหาลักษณะนี้มีขอดีที่วาขอบเขตของคําตอบที่เปนไปไดมักเปนขอบเขตที่จํากัด<br />

ในกรณีศึกษาที่<br />

1 จะเห็นไดวาวิธี MCS และ MPP ใหผลการพยากรณที่เกือบเปนเสนเดียวซึ่งแสดงวาการพยากรณ<br />

ดวยวิธี MPP มีประสิทธิผลดีมาก ขณะที่กรณีศึกษาที่<br />

2 จะเห็นความแตกตางระหวางทั้งสองวิธี<br />

ซึ่งสาเหตุสวนหนึ่งมาจากมี<br />

ความไมเปนเชิงเสนสูงของระบบของกรณีที่<br />

2 สําหรับคาฟงกชัน PDF ในรูปที่<br />

2 และ 4 จะเห็นไดวาวิธี MPP ใหคาฟงกชัน<br />

PDF ที่ไมสะดุด<br />

(Smooth) ซึ่งตางจากผลที่ไดจาก<br />

MCS ซึ่งมีลักษณะสัญญาณรบกวน<br />

(Noise) ซึ่งเปนลักษณะปกติจากการ<br />

สรางตัวแปรสุมจํานวนมากและความไมสมบูรณของตัวแปรสุมที่เกิดขึ้นจากตัวกําเนิดตัวแปรสุม<br />

(Random Generator) การ<br />

ที่ฟงกชันไมสะดุดนี้จะชวยใหการนําไปใชในการออกแบบที่มีพื้นฐานจากความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability-Based Design) มี<br />

ความเสถียรสูงขึ้น<br />

ในกรณีที่ระบบมีความเชิงเสนสูง<br />

ดังเชนในกรณีที่<br />

1 วิธี MPP สามารถพยากรณ PDF ไดใกลเคียงผลจาก<br />

วิธี MCS มาก แตเมื่อมีความไมเชิงเสนสูงขึ้น<br />

ดังเชนกรณีที่<br />

2 แลววิธี MPP ก็มีความผิดพลาดสูงขึ้น<br />

ขอสังเกตอีกประการ<br />

หนึ่งก็คือ<br />

วิธี MPP เปนวิธีที่เนนการคํานวณคาความนาจะเปนเฉพาะจุด<br />

จึงไมเหมาะสมที่จะนํามาใชหาการกระจายความ<br />

หนาแนนความนาจะเปน (PDF) หรือ CDF นัก


การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

5. เอกสารอางอิง (Reference)<br />

Du, X., and Chen, W., 2001, A most probable point-based method for efficient uncertainty analysis, Design<br />

Manufacturing, 4, 1, 47-66.<br />

Law, A., and Kelton, W., 2000, Simulation Modeling and Analysis, McGraw-Hill, Boston, 760p.<br />

Buranathiti, T., Cao, J., Chen, W., and Xia, Z.C., 2006, “A Weighted Three-Point-Based Methodology for Variance<br />

Estimation, Engineering Optimization, 38, 5, 557-576.<br />

Oberkampf, W.L., DeLand, S.M., Rutherford, B.M., Diegert, K.V., and Alvin, K.F., 2002, Error and uncertainty in<br />

modeling and simulation, Reliability Engineering and System Safety, 75, 3, 333-357.<br />

Robinson, D.G., 1998, A Survey of Probabilistic Methods Used in Reliability, Risk and Uncertainty Analysis: Analytical<br />

Techniques I, Sandia Report.<br />

Ross, S.M., 1993, Introduction to Probability Models, Academic Press, Boston, 556p.<br />

61

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!