30.06.2013 Views

วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ - AS Nida

วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ - AS Nida

วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ - AS Nida

SHOW MORE
SHOW LESS

Create successful ePaper yourself

Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.

การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

การศึกษาเชิงตัวเลขของการนําเอาจุดนาจะเปนที่สุดมาใชสําหรับการวิเคราะหความนาเชื่อถือ<br />

A Numerical Study on Implementation of Most Probable Point for Reliability Analysis<br />

ทวีภัทร บูรณธิติ<br />

สายวิชาเทคโนโลยีวัสดุ คณะพลังงานสิ่งแวดลอมและวัสดุ<br />

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี<br />

E-mail: thaweepat.bur@kmutt.ac.th<br />

่<br />

้<br />

บทคัดยอ<br />

ความนาเชื่อถือเปนประเด็นสําคัญในระบบสวนใหญเนื่องจากการมีอยูของความไมแนนอน<br />

ขณะที่การประเมินความไม<br />

แนนอนเปนหัวขอที่ทาทาย<br />

เพราะมีขั้นตอนและตองใชทรัพยากรที่จําเปนในการคํานวณมากกวาการวิเคราะหที่ไมนําเอา<br />

ความไมแนนอนเขามาคํานึงถึง บทความนี้นําเสนอการศึกษาเชิงตัวเลขของการนําเอาเทคนิคจุดนาจะเปนที่สุดมาใชสําหรับ<br />

การวิเคราะหความนาเชื่อถือกับกรณีศึกษาจํานวนหนึ่ง<br />

จากการศึกษาพบวาเทคนิคนี้สามารถประมาณความนาจะเปนที<br />

ขีดจํากัดหรือความนาเชื่อถือไดเปนอยางดีเมื่อเทียบกับการจําลองสถานการณมอนเตคารโลซึ่งเปนวิธีที่มีศักยภาพแตวา<br />

ตองการใชทรัพยากรในการคํานวณที่สูงมาก<br />

นอกจากนี้ไดมีการรวบรวมการนํามาประยุกตใช<br />

ผลการพยากรณ การ<br />

อภิปรายผล และหมายเหตุสรุปจากกรณีศึกษาเหลานี<br />

คําสําคัญ : จุดนาจะเปนที่สุด,<br />

ความนาเชื่อถือ,<br />

การประเมินความไมแนนอน, ความนาจะเปน<br />

Abstract<br />

Reliability is an important issue in most systems because of the existence of uncertainty. At the same time, the<br />

uncertainty assessment is a challenging issue since the needed effort is usually greater than that of deterministic analysis<br />

without taking uncertainty into account. The paper presents a numerical study on an implementation of most probable<br />

point (MPP) for reliability analysis through some case studies. It is found that MPP can well estimate the reliability in<br />

terms of probability at the limit when it is compared with Monte Carlo simulation, a powerful but expensive method.<br />

Implementations, prediction results, discussions and concluding remarks are given in this paper.<br />

Keywords : Most Probable Point; Reliability; Uncertainty Assessment; Probability<br />

1. บทนํา (Introduction)<br />

ความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability) ของระบบหนึ่งๆถือไดวาเปนสิ่งสําคัญอยางยิ่งในสังคมปจจุบัน<br />

ผลิตภัณฑ (Product)<br />

หรือกระบวนการผลิต (Manufacturing Processes) ใดๆ ตองมีความนาเชื่อถือที่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะ<br />

เกิดขึ้นได<br />

โดยทั่วไปแลวในการออกแบบนั้นถาปจจัยทุกอยางที่เปนสวนประกอบใหเกิดเปนผลิตภัณฑหนึ่งมีความ<br />

สมบูรณแบบตามที่ออกแบบไว<br />

การผลิตผลิตภัณฑนั้นยอมจะไมเกิดผลิตภัณฑที่เปนของเสียได<br />

แตในความเปนจริงนั้นใน<br />

ปจจัยจํานวนมากนั้นมีความไมแนนอน<br />

(Uncertainty) แฝงอยู<br />

เชน วัสดุรับแรงถูกออกแบบมีความสามารถรับภาระกรรม<br />

(Load) ได 300 MPa แตบางชิ้นรับไดนอยกวาซึ่งอาจจะทําใหเกิดความเสียหายได<br />

เปนตน ดังนั้นการวิเคราะหความ<br />

นาเชื่อถือของระบบจึงจําเปนอยางยิ่งที่จะตองรับทราบถึงปจจัยความไมแนนอนที่แฝงอยูในระบบอยางหลีกเลี่ยงไมได<br />

55


56<br />

Applied Statistics<br />

การสรางแบบจําลองที่เปนจริงสําหรับปรากฎการณจริงนั้น<br />

จําเปนตองพิจารณาความเปนไปไดของความไมแนนอนดวย<br />

[Ross, 1993; Law and Kelton, 2000]<br />

การวิเคราะหความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability Analysis) มีความทาทายเปนอยางยิ่ง<br />

เนื่องจากตองพิจารณาถึงความไม<br />

แนนอนของปจจัยตางๆเขามา [Robinson, 1989; Oberkampf et al., 2002] ทั้งนี้วิธีการประเมินความไมแนนอน<br />

(Uncertainty Assessment) ที่เปนที่ยอมรับมาอยางยาวนานก็คือ<br />

Monte Carlo Simulation (MCS) ซึ่งอาศัยหลักการของตัว<br />

แปรสุม<br />

(Random Variable) และกฎจํานวนมาก (Strong Law of Large Number) ซึ่งปจจุบันสามารถทําไดดวยคอมพิวเตอร<br />

ประสิทธิภาพสูง อยางไรก็ตามเทคนิคนี้มีปญหามากกับกรณีที่ตัวแปรมีจํานวนมาก<br />

ซึ่งทําใหตองการจํานวนตัวแปรสุม<br />

จํานวนมากเพิ่มขึ้นตามตัวแปรของระบบโดยมีการเพิ่มขึ้นเปนแบบ<br />

Exponential ซึ่งลักษณะปญหานี้สามารถเรียกไดวาเปน<br />

Curse of Dimensionality โดยที่ความตองการการคํานวณเพิ่มขึ้นอยางไมมีที่สิ้นสุดอยางรวดเร็วในอัตรายกกําลังตามขนาด<br />

ของระบบ จึงมีความจําเปนตองพิจารณาหาเทคนิคการประเมินความไมแนนอนที่มีประสิทธิภาพ<br />

(Efficient) มากกวาวิธี<br />

MCS โดยวิธีการประมาณที่นิยมใชคือ<br />

เทคนิค Moment-Matching ซึ่งเนนการประมาณคาคาดหวัง<br />

(Expected Value) และ<br />

คาความแปรปรวน (Variance) โดยเทคนิคที่มีประสิทธิภาพตางๆ<br />

เชน First-Order Approximation และ Weighted Three-<br />

Point-Based Method ใน Buranathiti et al. (2006)<br />

ลักษณะเดนในการวิเคราะหความนาเชื่อถือนั้นอยูที่การเนนการหาจุดที่มักจะมีคาความนาจะเปนที่จุดปลาย<br />

(Tail)<br />

ดานใดดานหนึ่ง<br />

เชน ความนาจะเปนที่โครงสรางหนึ่งจะรับภาระกรรมไดนอยกวาคาๆหนึ่ง<br />

เปนตน ดังนั้นการใชวิธี<br />

MCS<br />

ซึ่งเปนการหาฟงกชันการกระจายความหนาแนนความนาจะเปน<br />

(Probability Density Function หรือ PDF) ทั้งหมดจึงไม<br />

คุมคา<br />

เชน ความนาเชื่อถือที่<br />

99.99% นั้น<br />

ในการสุม<br />

100,000 ตัวอยาง ในอุดมคติแลวจะมีสวนที่เสียที่สนใจในการประเมิน<br />

ความนาเชื่อถืออยูประมาณ<br />

10 ตัวอยาง และมีกรณีที่ผานอยูถึง<br />

99,990 ตัวอยาง ทําใหความแมนยําของวิธี MCS นั้นไมดีนัก<br />

โดยเฉพาะระบบที่ตองการวิเคราะหหาความนาเชื่อถือที่สูงๆ<br />

เชน 0.01% 0.00 001% (1 ในลาน) เปนตน และมีตัวแปรใน<br />

ระบบจํานวนมาก สวนเทคนิคหนึ่งที่เนนหาความนาจะเปนที่จุดปลาย<br />

คือ เทคนิคจุดนาจะเปนที่สุด<br />

(Most Probable<br />

Technique, MPP) โดย MPP เปนเทคนิคที่เนนการหาสถานะขีดจํากัด<br />

(Limit State) ที่สอดคลองกับคาความนาเชื่อถือหรือ<br />

ความนาจะเปนหนึ่งๆ<br />

ทําใหลดภาระการคํานวณที่จะตองหา<br />

PDF ทั้งหมด<br />

[Robinson, 1998; Du and Chen, 2001]<br />

บทความนี้ไดนําเสนอเทคนิคการประเมินความไมแนนอนสําหรับการวิเคราะหความนาเชื่อถือโดยเทคนิค<br />

MPP<br />

พรอมกับการแสดงกรณีตัวอยางประกอบการศึกษาเปนกรณีศึกษา โดยพิจารณาจากความสามารถในการพยากรณคาความ<br />

นาเชื่อถือและ<br />

PDF ที่เกิดขึ้นโดยการเปรียบเทียบกับวิธี<br />

MCS เปนวิธีอางอิง โดยกรณีศึกษานี้นําไปสูการอภิปรายและหมาย<br />

เหตุสรุปสําหรับเทคนิค MPP ในการนําไปประยุกตใชในการวิเคราะหความนาเชื่อถือตอไป<br />

2. เทคนิคจุดนาจะเปนที่สุด<br />

(Most Probable Point Technique)<br />

เทคนิคจุดนาจะเปนที่สุดมีพื้นฐานความคิดมาจากการหาสถานะขีดจํากัดที่สอดคลองกับคาความนาเชื่อถือหรือ<br />

ความนาจะเปนหนึ่งๆ<br />

ดังนั้นเทคนิค<br />

MPP นั้นเหมาะสมการประยุกตใชเพื่อหาคาเฉพาะคาหนึ่ง<br />

กําหนดใหตัวแปรผลลัพธ<br />

หรือตัวแปรตามของระบบ ( y ) เปนฟงกชันของเวกเตอรตัวแปรอิสระ ( x ) ดังตอไปนี้<br />

( ) ( 1, 2 , , n ) x x x y y y K<br />

= = x (1)<br />

โดยระบบมีจํานวนตัวแปรอิสระ n ตัวแปร<br />

ทําการแปลงเวกเตอรตัวแปรอิสระ ( x ) ไปอยูใน<br />

Space อื่น<br />

ในกรณีนี้ทําการแปลง<br />

x ใหอยูใน<br />

Standard Normal<br />

Space u ( u ⇔<br />

x ) ดวยการอางอิงฟงกชันความนาจะเปนสะสม (Cumulative Distribution Function หรือ CDF) ดังนี้


การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

่ ้<br />

้<br />

้<br />

้<br />

−1<br />

u = Φ [ F(<br />

x)<br />

]<br />

(2)<br />

−1<br />

โดยที F (x)<br />

เปน CDF ของ x และ Φ [ F]<br />

เปนฟงกชันยอนกลับของ F ทั้งนี<br />

ฟงกชัน F(x)<br />

สามารถเปนฟงกชันของ<br />

การกระจายความนาจะเปนตางๆ เชน แบบสม่ําเสมอ<br />

(Uniform) แบบปกติ (Normal) เปนตน สําหรับการประยุกตเพื่อ<br />

นําไปสราง PDF หรือ CDF นั้น<br />

จําเปนที่จะตองหาคาความนาจะเปนสะสม<br />

ณ คาตัวแปรผลลัพธของระบบ y ทุกๆคา<br />

ระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) เปนฟงกชันของ u เปนตัวแปรที่ตองทําการคํานวณ<br />

โดยระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) นี<br />

จําเปนจะตองสอดคลองกับสมการสถานะขีดจํากัดดังนี<br />

y ( x ( u))<br />

− Y = 0<br />

(3)<br />

จากแนวคิดที่กลาวมาแลวนั้น<br />

ทําใหสามารถเขียนเปนแบบจําลองทางคณิตศาสตรในรูปแบบจําลองหาความ<br />

เหมาะสม (Optimization Model) ในรูปแบบปญหาหาคานอยที่สุดที่มีขอจํากัดแบบไมเชิงเสนไดดังตอไปนี<br />

Find β = min u<br />

u<br />

Subjected to y( x(<br />

u))<br />

−Y = 0<br />

(4)<br />

ขอบเขตที่เปนไปไดของตัวแปร<br />

u นี้มักจะอยูในชวงสั้นๆ<br />

กลาวคือ ระหวาง [-5,5]<br />

เมื่อระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) สามารถหาไดแลว คาความนาจะเปนสะสมที่ตัวแปรผลลัพธของระบบ<br />

y จะนอย<br />

กวาคาที่กําหนดไว<br />

Y หรือ y < Y จะถูกกําหนดไดดวยความสัมพันธดังนี้<br />

P(<br />

y(<br />

⎧1<br />

− Φ(<br />

β ), P < 0.<br />

5<br />

( u))<br />

< Y ) = ⎨<br />

⎩ Φ(<br />

β ), P ≥ 0.<br />

5<br />

x (5)<br />

ความหมายทางเรขาคณิตของระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

(β) และสถานะขีดจํากัด (Limit State) สามารถดูไดจากรูปที่<br />

1 โดยที่<br />

ฟงกชันความนาจะเปนจะตัดกับฟงกชันสถานะขีดจํากัดที่<br />

β<br />

รูปที่<br />

1 ความสัมพันธในลักษณะเรขาคณิตของการกระจายความนาจะเปนและฟงกชันสถานะขีดจํากัด จาก Robinson<br />

(1998)<br />

3. กรณีศึกษา (Case Study)<br />

เพื่อทําการศึกษาการนําเทคนิค<br />

MPP มาใชในการประเมินความนาเชื่อถือ<br />

จึงไดยกกรณีศึกษาเปนฟงกชันทั่วไป<br />

เพื่อแทนระบบทั่วไป<br />

โดยกําหนดใหตัวแปรอิสระทุกตัวในที่นี้มีการกระจายตัวของความไมแนนอนตามการกระจายแบบ<br />

2<br />

ปกติ (Normal Distribution) ที่มีคาเฉลี่ย<br />

( μx<br />

) และ ความแปรปรวน ( σ<br />

x ) ของตัวแปรสุมเทากับ<br />

1 เพื่อใหงายตอการ<br />

เปรียบเทียบตอไป วิธี MPP จะไดถูกเปรียบเทียบกับวิธี MCS ดวยจํานวนการสุม<br />

500,000 ครั้ง<br />

ซึ่งถือเปนคาอางอิงตอไป<br />

57


58<br />

Applied Statistics<br />

กรณีที่<br />

1 กําหนดใหระบบมีผลลัพธตามความสัมพันธในรูปแบบเชิงเสนดังนี้<br />

g ( x ) = x1<br />

+ x2<br />

(6)<br />

คาความนาเชื่อถือของระบบ<br />

P ( y < Y ) เมื่อผลลัพธนอยกวาคาที่กําหนดไว<br />

โดยวิธี MPP และ MCS ไดถูกรวบรวมแสดง<br />

ไวในตารางที่<br />

1 สวน PDF และ CDF ของระบบแสดงในรูปที่<br />

2 และ 3 ตามลําดับ<br />

ตารางที่<br />

1 ความนาเชื่อถือของระบบโดยวิธี<br />

MPP และ MCS<br />

Y P ( y < Y ) from MPP P ( y < Y ) from MCS<br />

0 7.8650E-02 7.9154E-02<br />

-1 1.6947E-02 1.7130E-02<br />

-2 2.3389E-03 2.2720E-03<br />

-3 2.0348E-04 2.2400E-04<br />

-4 1.1045E-05 1.0000E-05<br />

-5 3.7155E-07 0.0000E+00<br />

Probability Density<br />

0.35<br />

0.3<br />

0.25<br />

0.2<br />

0.15<br />

0.1<br />

0.05<br />

MPP<br />

MCS<br />

0<br />

-5 0 5 10<br />

Response<br />

รูปที่<br />

2 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปน (PDF) จากวิธี MPP และ MCS


การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

Cumulative Distribution<br />

1<br />

0.9<br />

0.8<br />

0.7<br />

0.6<br />

0.5<br />

0.4<br />

0.3<br />

0.2<br />

0.1<br />

0<br />

-5 0 5 10<br />

Response<br />

รูปที่<br />

3 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปนสะสม (CDF) จากวิธี MPP และ MCS<br />

กรณีที่<br />

2 กําหนดใหระบบมีผลลัพธตามความสัมพันธแบบไมเชิงเสนดังนี้<br />

2<br />

2<br />

g( x ) = 0.<br />

5x1<br />

+ 0.<br />

25x1x<br />

2 + 0.<br />

5x<br />

2 + 1.<br />

5x<br />

3x<br />

4 − 0.<br />

5x<br />

4<br />

(7)<br />

คาความนาเชื่อถือของระบบ<br />

P ( y < Y ) เมื่อผลลัพธนอยกวาคาที่กําหนดไวโดยวิธี<br />

MPP และ MCS ไดถูกรวบรวมแสดง<br />

ไวในตารางที่<br />

2 สวน PDF และ CDF ของระบบแสดงในรูปที่<br />

4 และ 5 ตามลําดับ<br />

ตารางที่<br />

2 ความนาเชื่อถือของระบบโดยวิธี<br />

MPP และ MCS<br />

Y P ( y < Y ) from MPP P ( y < Y ) from MCS P ( y < Y ) from MCS P ( y < Y ) from MCS<br />

0 1.5401E-01 1.6826E-01 1.6874E-01 1.6877E-01<br />

-4 1.5091E-02 1.1198E-02 1.1226E-02 1.1243E-02<br />

-6 4.9906E-03 3.3520E-03 3.3100E-03 3.3238E-03<br />

-8 1.6734E-03 1.0180E-03 1.0220E-03 1.0026E-03<br />

-10 5.6589E-04 2.6400E-04 2.9150E-04 3.0020E-04<br />

-15 3.8415E-05 1.0000E-05 1.5500E-05 1.5200E-05<br />

500k samples 2M samples 10 M samples<br />

Probability Density<br />

0.25<br />

0.2<br />

0.15<br />

0.1<br />

0.05<br />

59<br />

MPP<br />

MCS<br />

MPP<br />

MCS<br />

0<br />

-10 -5 0 5 10 15<br />

Response


รูปที่<br />

4 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปน (PDF) จากวิธี MPP และ MCS<br />

Cumulative Distribution<br />

1<br />

0.9<br />

0.8<br />

0.7<br />

0.6<br />

0.5<br />

0.4<br />

0.3<br />

0.2<br />

0.1<br />

0<br />

-10 -5 0 5 10 15<br />

Response<br />

60<br />

MPP<br />

MCS<br />

รูปที่<br />

5 คาพยากรณฟงกชันความนาจะเปนสะสม (CDF) จากวิธี MPP และ MCS<br />

Applied Statistics<br />

4. อภิปรายและหมายเหตุสรุป (Discussions and Concluding Remarks)<br />

การคํานวณหาคาความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability) โดยวิธี MPP สามารถทําไดโดยไมตองทุมใชทรัพยากรจํานวนมาก<br />

ในการสราง PDF ทั้งหมด<br />

ซึ่งเหมาะกับการนําไปประยุกตใชในการหาคาความนาเชื่อถือซึ่งเปนคาความนาจะเปนที่<br />

ขีดจํากัดที่อาจจะเปนไดทั้งทางเดียวหรือทั้งสองทางก็ได<br />

อยางไรก็ตามเนื่องจากการคํานวณดวยวิธี<br />

MPP จําเปนจะตอง<br />

แกปญหาในลักษณะการหาคาเหมาะสมหรือหาระยะทางที่สั้นที่สุด<br />

การลูเขาสูคําตอบจะเร็วหรือชาก็ขึ้นกับคําตอบเริ่มตนที่<br />

ใสเขาไป ซึ่งปญหาลักษณะนี้มีขอดีที่วาขอบเขตของคําตอบที่เปนไปไดมักเปนขอบเขตที่จํากัด<br />

ในกรณีศึกษาที่<br />

1 จะเห็นไดวาวิธี MCS และ MPP ใหผลการพยากรณที่เกือบเปนเสนเดียวซึ่งแสดงวาการพยากรณ<br />

ดวยวิธี MPP มีประสิทธิผลดีมาก ขณะที่กรณีศึกษาที่<br />

2 จะเห็นความแตกตางระหวางทั้งสองวิธี<br />

ซึ่งสาเหตุสวนหนึ่งมาจากมี<br />

ความไมเปนเชิงเสนสูงของระบบของกรณีที่<br />

2 สําหรับคาฟงกชัน PDF ในรูปที่<br />

2 และ 4 จะเห็นไดวาวิธี MPP ใหคาฟงกชัน<br />

PDF ที่ไมสะดุด<br />

(Smooth) ซึ่งตางจากผลที่ไดจาก<br />

MCS ซึ่งมีลักษณะสัญญาณรบกวน<br />

(Noise) ซึ่งเปนลักษณะปกติจากการ<br />

สรางตัวแปรสุมจํานวนมากและความไมสมบูรณของตัวแปรสุมที่เกิดขึ้นจากตัวกําเนิดตัวแปรสุม<br />

(Random Generator) การ<br />

ที่ฟงกชันไมสะดุดนี้จะชวยใหการนําไปใชในการออกแบบที่มีพื้นฐานจากความนาเชื่อถือ<br />

(Reliability-Based Design) มี<br />

ความเสถียรสูงขึ้น<br />

ในกรณีที่ระบบมีความเชิงเสนสูง<br />

ดังเชนในกรณีที่<br />

1 วิธี MPP สามารถพยากรณ PDF ไดใกลเคียงผลจาก<br />

วิธี MCS มาก แตเมื่อมีความไมเชิงเสนสูงขึ้น<br />

ดังเชนกรณีที่<br />

2 แลววิธี MPP ก็มีความผิดพลาดสูงขึ้น<br />

ขอสังเกตอีกประการ<br />

หนึ่งก็คือ<br />

วิธี MPP เปนวิธีที่เนนการคํานวณคาความนาจะเปนเฉพาะจุด<br />

จึงไมเหมาะสมที่จะนํามาใชหาการกระจายความ<br />

หนาแนนความนาจะเปน (PDF) หรือ CDF นัก


การประชุมวิชาการดานการวิจัยดําเนินงานแหงชาติ ประจําป ๒๕๕๐<br />

5. เอกสารอางอิง (Reference)<br />

Du, X., and Chen, W., 2001, A most probable point-based method for efficient uncertainty analysis, Design<br />

Manufacturing, 4, 1, 47-66.<br />

Law, A., and Kelton, W., 2000, Simulation Modeling and Analysis, McGraw-Hill, Boston, 760p.<br />

Buranathiti, T., Cao, J., Chen, W., and Xia, Z.C., 2006, “A Weighted Three-Point-Based Methodology for Variance<br />

Estimation, Engineering Optimization, 38, 5, 557-576.<br />

Oberkampf, W.L., DeLand, S.M., Rutherford, B.M., Diegert, K.V., and Alvin, K.F., 2002, Error and uncertainty in<br />

modeling and simulation, Reliability Engineering and System Safety, 75, 3, 333-357.<br />

Robinson, D.G., 1998, A Survey of Probabilistic Methods Used in Reliability, Risk and Uncertainty Analysis: Analytical<br />

Techniques I, Sandia Report.<br />

Ross, S.M., 1993, Introduction to Probability Models, Academic Press, Boston, 556p.<br />

61

Hooray! Your file is uploaded and ready to be published.

Saved successfully!

Ooh no, something went wrong!