ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
Sie wollen auch ein ePaper? Erhöhen Sie die Reichweite Ihrer Titel.
YUMPU macht aus Druck-PDFs automatisch weboptimierte ePaper, die Google liebt.
บทที่ 2<br />
การเดินเรือรายงานและเดินเรือชายฝง<br />
4<br />
มนุษยตระหนักถึงความสําคัญและขอไดเปรียบเชิงปริมาณของการขนสงทางน้ํามาตั้งแตครั้งอดีตกาล<br />
โดยเฉพาะอยางยิ่งในสมัยที่การขนสงทางบกยังไมมีการพัฒนา แตถึงแมวาความรูทางดานดาราศาสตรและแผน<br />
ที่จะถูกบุกเบิกตั้งแตสมัยกรีกหลายรอยปกอนคริสตกาล นักเดินเรือ ในสมัยกอนศตวรรษที่ ๑๒ ยังคงใชเพียงวิธี<br />
การหาที่เรือรายงาน (DEAD RECKONING – DR) และที่เรือชายฝงเปนหลักในการเดินเรือ การเดินเรือใน<br />
สมัยนั้นมีความเปนศิลปมากกวาศาสตรเนื่องจากในสมัยนั้นยังไมมีเครื่องมือตางๆ ที่เหมาะสม เชน เข็มทิศแม<br />
เหล็ก เครื่องวัดดาว และนาฬิกาโครโนเมตร และนักเดินเรือตองใชการคาดคะเนที่ไมเที่ยงตรงนัก โดยใชวิธีการ<br />
คาดคะเนระยะทางที่เรือเดินทางไปไดจากความเร็วและเวลา และใชกระแสลม (ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงแนนอน<br />
ตามฤดูกาล) หรือการสังเกตดวงอาทิตยและดาวตางๆ ในการบอกทิศเมื่อเดินเรือในทะเลเปดไกลฝง นักเดินเรือ<br />
ในสมัยนั้นจึงไมสามารถเดินเรือหางฝงไดเปนระยะเวลานาน<br />
ตอมาในศตวรรษที่ ๑๒ ชาวยุโรปไดเรียนรูวิธีการประดิษฐเข็มทิศแมเหล็กจากชาวจีน และเริ่มนําเข็ม<br />
ทิศแมเหล็กมาใชอยางแพรหลายในการเดินเรือ ประกอบกับเทคนิคการหาที่เรือรายงานไดถูกพัฒนาขึ้นโดยการ<br />
โยนวัตถุลอยน้ําลงขางกราบและสังเกตความเร็วที่เรือเคลื่อนที่ผานระหวางจุด ที่ทําเครื่องหมายสองจุดบนเรือ<br />
และตอมาไดพัฒนาขึ้นเปนการโยนทอนไมที่ผูกเชือกเปนปมลง ทายเรือ และนับจํานวนปมเชือกที่ปลอยออกไป<br />
ขณะใชนาฬิกาทรายจับเวลา ซึ่งวิธีนี้เปนที่มาของ การนับหนวยความเร็วเรือเปนนอต (knot – ปมเชือก)<br />
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------