ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
Sie wollen auch ein ePaper? Erhöhen Sie die Reichweite Ihrer Titel.
YUMPU macht aus Druck-PDFs automatisch weboptimierte ePaper, die Google liebt.
25<br />
ที่ไดจากการคํานวณทั้งหมดเรียงกันเปนเสนตรงพอดี นอกจากนี้ซัมเนอรยังโชคดีที่เสนตรงดังกลาวลากเกือบ<br />
ผานกระโจมไฟ SMALL’S LIGHT ซึ่งอยูหางออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๒๐ – ๓๐ ไมล ซึ่ง<br />
ณ เวลานั้นซัมเนอรเขาใจสิ่งที่เขาไดคนพบนั้นเปนเพียงความบังเอิญ แตดวยความชางสังเกตและไหวพริบทําให<br />
ซัมเนอรพบวาเขาสามารถใชเสนนี้แทนเสนตําบลที่ได ซึ่งที่เรือจะตองอยูที่ใดที่หนึ่งบนเสนนี้ และหากเขานําเรือ<br />
ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือตามเสนนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นกระโจมไฟ SMALL’S LIGHT ในที่สุด และสมมุติ<br />
ฐานของซัมเนอรก็ไดรับการยืนยันเมื่อเรือของเขาผานกระโจมไฟ SMALL’S LIGHT จริง ซึ่งหากซัมเนอรไม<br />
ทันฉุกคิดเรื่องเสนตําบลที่ หรือเกิดซุมซามนําเรือไปเกยหินเสียกอน การพัฒนาการเดินเรือดาราศาสตรก็อาจตอง<br />
ใชเวลานานกวานี้<br />
ตอมาซัมเนอรไดศึกษาเหตุการณที่ชองแคบ ST.GEORGE เพิ่มเติม และพบวาเสนตําบลที่ ที่ไดนั้นไม<br />
ใชความบังเอิญ นอกจากนั้นเสนตําบลที่ดังกลาวยังทํามุมตั้งฉากกับมุม AZIMUTH ของดวงอาทิตย และในป<br />
ค.ศ.๑๘๔๓ ซัมเนอรไดตีพิมพหนังสืออธิบายวิธีหาที่เรือดวยการตัดกันของเสนตําบลที่ดาราศาสตรสองเสนโดย<br />
เสนตําบลที่เสนแรกไดมาจากการวัดดาว ๑ ดวง แลวคํานวณหาลองจิจูดจากคาละติจูดที่ไดจากที่เรือรายงาน ๒<br />
ครั้ง (เชนเดียวกับที่ซัมเนอรทําที่ชองแคบ ST.GEORGE) สวนเสนตําบลที่ดาราศาสตรอีกเสนอาจไดมาจาก<br />
การวัดดาวอีก ๑ ดวง หรือการวัดดาวดวงเดิมในเวลาตอมา<br />
อันที่จริงแลว เสนตําบลที่ที่ซัมเนอรคนพบไมไดเปนเสนตรง แตเปนสวนโคงของวงกลมที่มีรัศมีกวาง<br />
มาก เมื่อนําแคสวนเล็กของสวนโคงดังกลาวมาพลอตบนแผนที่จึงออกมาเกือบเปนเสนตรง ซึ่งไมวาตําบลที่ใด<br />
บนเสนนี้จะวัดมุมสูงของวัตถุทองฟาไดเทากัน จึงเรียกวงกลมนี้วาวงสูงเทา<br />
การคนพบของซัมเนอรถือไดวาเปนพื้นฐานสําคัญของการเดินเรือดาราศาสตรสมัยใหม และตอมาชาว<br />
ฝรั่งเศสชื่อ ADOLPHE-LAURENT-ANATOLE MARCQ DE BLONDE DE SAINT-HILAIRE ได<br />
ศึกษาการคนพบของซัมเนอรและหลักการวงสูงเทาเพิ่มเติม และพบวามุมสูงของวัตถุทองฟาที่วัดไดสามารถใช<br />
บอกรัศมีของวงสูงเทาได กลาวคือที่มุม ๙๐ องศา วงสูงเทาจะมีรัศมีเปนศูนย (ผูตรวจอยูใตดาวพอดี) และมุมที่<br />
ลดลงทุก ๑ ลิปดา จะเทากับรัศมีที่เพิ่มขึ้น ๑ ไมล และ SAINT-HILAIRE ไดอาศัยหลักการดังกลาวในการคิด<br />
คนวิธีการหาที่เรือดาราศาสตรแบบ ALTITUDE INTERCEPT และไดตีพิมพเปนหนังสือในป ค.ศ.๑๘๗๕<br />
(พ.ศ.๒๔๑๘) หรือ ๓๘ ป หลังจากการคนพบของซัมเนอร วิธีการหาที่เรือดาราศาสตรแบบ ALTITUDE<br />
INTERCEPT ของ SAINT-HILAIRE นับเปนตนแบบของวิธีที่ใชในปจจุบัน และถือไดวาเปนขั้นสูงสุดของ<br />
การพัฒนาทฤษฎีการเดินเรือดาราศาสตร แตสูตรการคํานวณที่ใชคอนขางยุงยากและซับซอน ตอมาในชวงตน<br />
ศตวรรษที่ ๒๐ นาย OGURA ชาวญี่ปุน จึงไดริเริ่มการใชตาราง SIGHT REDUCTION ซึ่งเปนวิธีที่ใชมา<br />
จนถึงปจจุบัน