ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ ศิลป์และศาสตร์แห่งการเดินเรือ - โรงเรียนนายเรือ
ตอมาในป ค.ศ. ๑๗๕๗ จอหน เบิรด (JOHN BIRD) ชาวอังกฤษ ไดปรับปรุงเครื่องวัดดาว OCTANT โดยขยายขนาดมุมออกเปน ๖๐ องศา (หรือหนึ่งในหกของวงกลม) ใหสามารถวัดมุมไดถึง ๑๒๐ องศา เพื่อใชวัดมุมระหวางดวงจันทรกับดาวฤกษหรือดาวเคราะหอื่นๆ ในวิธีการหาลองจิจูดดวยวิธี LUNAR DISTANCE (ซึ่งจะกลาวถึงในบทตอไป) เครื่องมือวัดดาวแบบของเบิรดก็คือตนแบบของเซ็กสแตนทแบบที่มี ใชในปจจุบันนั่นเอง (เซ็กสแตนทแปลวาหนึ่งในหก) ตอมาถึงแมวา เซ็กสแตนทในปจจุบันจะมีขนาดมุมมาก กวา ๖๐ องศา เพื่อใหสามารถวัดมุมไดกวางขึ้น ชื่อเซ็กสแตนทก็ยังคงใชเรียกเครื่องมือวัดดาวแบบนี้อยู 18 (ภาพประกอบ: เครื่องวัดดาว OCTANT) จะเห็นไดวา การเดินเรือในสมัยศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๕ เริ่มมีความเปนศาสตรขึ้นมาบาง แตก็ยังมีความ เปนศิลปมากกวาศาสตรเนื่องจากขาดอุปกรณที่เที่ยงตรง แตดวยความตองการเครื่องเทศและสินคาจากเอเชีย การขยายอํานาจทางเศรษฐกิจและการเผยแผศาสนาคริสต ทําใหมีนักเดินเรือจํานวนมากออกเดินทางเพื่อสํารวจ และคนหาเสนทางใหมๆ และในยุคนี้ก็ไดมีเหตุการณสําคัญทางประวัติศาสตรของการเดินเรืออยูสองเหตุการณ ที่เกิดขึ้นไลเลี่ยกัน นั่นคือการเดินเรือขามมหาสมุทรแอตแลนติก และการเดินเรือรอบโลกเปนครั้งแรก -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 8 การหาลองจิจูดในทะเล 19 นักเดินเรือรูจักวิธีหาละติจูดในทะเลโดยการวัดมุมสูงของดาวเหนือและดวงอาทิตย (หรือดาวฤกษที่ ทราบ DECLINATION) มานานนับพันป แตก็ยังไมมีเครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสมสําหรับการวัดลองจิจูด ในทะเลไดจนถึงศตวรรษที่ ๑๘ การหาละติจูดทําไดไมยากนักเนื่องจากมุมสูงของดาวที่ใชหาละติจูดไมขึ้นอยู กับเวลาที่ทําการวัด แตการหาลองจิจูดจําเปนตองใชเวลามาตรฐานเขามาเกี่ยวของ เนื่องจากตําแหนงของดาว ณ เวลาทองถิ่น ๑๙๐๐ ที่ลองจิจูด ๑๐๐ องศา นั้นไมตางจากตําแหนงของดาว ณ เวลาทองถิ่น ๑๙๐๐ ที่ลองจิจูดใดๆ วิธีการหนึ่งที่สามารถใชหาลองจิจูดได คือการเทียบเวลาทองถิ่นที่หาไดกับเวลามาตรฐาน (เชน GMT) เนื่อง จากใน ๑ วัน หรือ ๒๔ ชั่วโมง โลกหมุนรอบตัวเองได ๓๖๐ องศา สวนตางของเวลาที่หาได ๑ ชั่วโมง จึงเทากับ สวนตางของลองจิจูด ๑๕ องศา อยางไรก็ดี ในชวงปลายศตวรรษที่ ๑๗ ถึงตนศตวรรษที่ ๑๘ ยังไมมีผูประดิษฐนาฬิกาที่สามารถเดินได เที่ยงตรงบนเรือที่โคลง เนื่องจากในสมัยนั้นมีแตนาฬิกาลูกตุมซึ่งใชแรงโนมถวงของโลกในการแกวงลูกตุม และการโคลงของเรือทําใหอัตราการแกวงของลูกตุมไมคงที่ ในยุคนี้นัก ดาราศาสตรและนักคณิตศาสตรจึงได พยายามคิดคนวิธีหาละติจูดในทะเลโดยไมตองใชนาฬิกาเทียบเวลามาตรฐาน วิธีหนึ่งที่ใชหาลองจิจูดไดโดยไม ใชนาฬิกาเทียบเวลามาตรฐานคือวิธี LUNAR DISTANCE ซึ่งใชการวัดมุมระหวางดวงจันทรกับดวงอาทิตย หรือวัตถุทองฟาอื่นๆ แตวิธีนี้ตองใชการคํานวณที่คอนขางซับซอน และความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กนอยในการ วัดมุมอาจทําใหตําบลที่ผิดไปหลายสิบไมล วิธีนี้จึงไมเปนที่นิยมนัก และในป ค.ศ.๑๙๐๗ ปฏิทินเดินเรือ (NAUTICAL ALMANAC) ก็ไดหยุดการตีพิมพตารางสําหรับคํานวณหาลองจิจูดดวยวิธี LUNAR DISTANCE ในระหวางป ค.ศ. ๑๖๙๐ – ๑๗๐๗ ราชนาวีอังกฤษไดเสียเรือไปหลายลําจากความ คลาดเคลื่อนในการ หาตําบลที่เรือ เปนเหตุใหทางรัฐบาลตองการหาวิธีวัดหรือคํานวณลองจิจูดในทะเลสําหรับนักเดินเรือโดยเร็ว (ฝรั่งเศสและเสปนก็กําลังพยายามหาวิธีคํานวณลองจิจูดอยูเชนกัน) และในป ค.ศ.๑๗๑๔ (พ.ศ.๒๒๕๗ – ตรง กับสมัยสมเด็จพระเจาอยูหัวทายสระในชวงอยุธยา ตอนปลาย) รัฐบาลอังกฤษไดเสนอรางวัลถึง ๒๐,๐๐๐ ปอนด ใหกับผูที่สามารถคิดวิธีหาลองจิจูดไดดวยความแมนยําภายใน ๓๐ ลิปดา (เทียบเทาเวลาคลาดเคลื่อนไมเกิน ๒ นาที) โดยวิธีดังกลาวจะตองเหมาะสมกับการใชงานในทะเล ทั้งนักคณิตศาสตรและนักดาราศาสตรตางก็พยายามคิดคนวิธีหาลองจิจูดเปนเวลานับสิบปเพื่อหวังเอา ชนะเงินรางวัล ๒๐,๐๐๐ ปอนด แตก็ไมประสบความสําเร็จ
- Seite 1 und 2: 1 ศิลปและศาสต
- Seite 3 und 4: ศิลปและศาสต
- Seite 5 und 6: บทที่ 3 ยุคแร
- Seite 7 und 8: 7 การที่ ASTROLABE แ
- Seite 9 und 10: 9 (ภาพประกอบ: ค
- Seite 11 und 12: บทที่ 5 การพั
- Seite 13 und 14: บทที่ 6 กวาจะ
- Seite 15 und 16: บทที่ 7 กลองส
- Seite 17: 17 (ภาพประกอบ:
- Seite 21 und 22: 21 แกนลูกตุมต
- Seite 23 und 24: คุกไดใชนาฬิ
- Seite 25 und 26: 25 ที่ไดจากกา
- Seite 27 und 28: บทที่ 10 เขาสู
- Seite 29 und 30: 29 บทที่ 11 ระบบ
- Seite 31 und 32: ละติจูดและล
- Seite 33 und 34: บทที่ 12 33 ระบบ
- Seite 35 und 36: ระบบเดินเรื
- Seite 37 und 38: 37 (ภาพประกอบ:
- Seite 39 und 40: 39 (ภาพประกอบ:
- Seite 41 und 42: 41 ระบบ GPS มีมาต
- Seite 43 und 44: ดวง ใหพื้นที
- Seite 45 und 46: RASTER ใหขอมูลได
- Seite 47: บทที่ 18 บทสรุ
ตอมาในป ค.ศ. ๑๗๕๗ จอหน เบิรด (JOHN BIRD) ชาวอังกฤษ ไดปรับปรุงเครื่องวัดดาว<br />
OCTANT โดยขยายขนาดมุมออกเปน ๖๐ องศา (หรือหนึ่งในหกของวงกลม) ใหสามารถวัดมุมไดถึง ๑๒๐<br />
องศา เพื่อใชวัดมุมระหวางดวงจันทรกับดาวฤกษหรือดาวเคราะหอื่นๆ ในวิธีการหาลองจิจูดดวยวิธี LUNAR<br />
DISTANCE (ซึ่งจะกลาวถึงในบทตอไป) เครื่องมือวัดดาวแบบของเบิรดก็คือตนแบบของเซ็กสแตนทแบบที่มี<br />
ใชในปจจุบันนั่นเอง (เซ็กสแตนทแปลวาหนึ่งในหก) ตอมาถึงแมวา เซ็กสแตนทในปจจุบันจะมีขนาดมุมมาก<br />
กวา ๖๐ องศา เพื่อใหสามารถวัดมุมไดกวางขึ้น ชื่อเซ็กสแตนทก็ยังคงใชเรียกเครื่องมือวัดดาวแบบนี้อยู<br />
18<br />
(ภาพประกอบ: เครื่องวัดดาว OCTANT)<br />
จะเห็นไดวา การเดินเรือในสมัยศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๕ เริ่มมีความเปนศาสตรขึ้นมาบาง แตก็ยังมีความ<br />
เปนศิลปมากกวาศาสตรเนื่องจากขาดอุปกรณที่เที่ยงตรง แตดวยความตองการเครื่องเทศและสินคาจากเอเชีย<br />
การขยายอํานาจทางเศรษฐกิจและการเผยแผศาสนาคริสต ทําใหมีนักเดินเรือจํานวนมากออกเดินทางเพื่อสํารวจ<br />
และคนหาเสนทางใหมๆ และในยุคนี้ก็ไดมีเหตุการณสําคัญทางประวัติศาสตรของการเดินเรืออยูสองเหตุการณ<br />
ที่เกิดขึ้นไลเลี่ยกัน นั่นคือการเดินเรือขามมหาสมุทรแอตแลนติก และการเดินเรือรอบโลกเปนครั้งแรก<br />
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------